ตอนที่ 87 ไม่เชื่อฟังต้องตีก้น (2)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 87 ไม่เชื่อฟังต้องตีก้น (2)

ทุ่มออกไปสุดตัวแล้ว ตายเป็นตาย เขาจะกล้าทำอะไรนางอย่างนั้นหรือ

นางจับมือสตรี ไม่ใช่บุรุษ เหตุใดต้องยอมทนเพื่อความปรารถนาของเขาด้วย

ดวงตาทั้งคู่ประสานกัน

เดิมทีระหว่างทางกลับมามั่วเชียนเสวี่ยกำลังคิดว่า ตอนกลับมาต้องถามหนิงเซ่าชิงว่าลมปราณคืออะไร ทั้งยังอยากจะเล่าเรื่องพฤติกรรมแปลกๆ ของชายชราประหลาด…

ตอนมาถึงก็ตกใจเพราะอาซานและอาอู่ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู หลังจากนั้นก็มีเรื่องแทรกเข้ามา ทำให้นางลืมไปเสียสนิท

หนิงเซ่าชิงก็ไม่พอใจ

หึ ทำความผิด แต่กลับไม่ยอมรับผิด! อยู่ข้างนอกใกล้ชิดสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวกับสตรีอื่น นี่มันอะไรกัน

ดูท่า หากไม่สั่งสอนนางเสียหน่อย ต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกแน่นอน หนิงเซ่าชิงเดือดพล่าน เดินเข้าไปกอดมั่วเชียนเสวี่ย จับมือทั้งสองของนางกุมไว้ด้านหลัง แล้วพาดขึ้นไหล่ จากนั้นเดินไปยังบ่อบาดาลที่อยู่ตรงกลางลานหน้าเรือน

อาซาน อาอู่กำลังทำความสะอาดเรือนหลัก เห็นฮูหยินถูกเจ้านายอุ้มออกมา

เจ้านายเป็นคนเคร่งขรึมตั้งแต่เล็ก อาซานอาอู่ไม่เคยเห็นเขาโมโหเช่นนี้มาก่อน ฮูหยินทำอะไร เหตุใดจึงทำให้เจ้านายโมโหเป็นฟืนเป็นไฟได้

แต่ว่า ว่าไปแล้ว เจ้านายที่เป็นเช่นนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

“อาซาน ฮูหยินของเจ้าจะล้างมือ ยังไม่รีบไปตักน้ำมาอีก”

อาซานยังคงตกตะลึง อาอู่ตักน้ำมาแล้ว ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเจ้านาย วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“อาซาน ยืนเซ่ออยู่ทำไม ฟืนที่เจ้าเก็บมาพอเผาแล้วหรือ”

“ขอรับ เจ้านาย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” อาซานวิ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว หายไปอีกคน

เงาบางเงาที่ซ่อนอยู่ ไม่เคยรู้ว่าเจ้านายของตนจะเป็นคนขี้หึงหวงมากขนาดนี้ ลอบส่ายหน้า แล้วทัดดอกฝ้ายไว้ที่หู

“หนิงเซ่าชิง เจ้าคิดจะทำอะไร”

“ช่วยเจ้าล้างมืออย่างไรเล่า พร้อมลงโทษด้วยกฎระเบียบของเรือน วันหน้าหากเจ้ายังกล้าใกล้ชิดสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวกับชิงโยวอะไรนั่น ข้าจะ…”

“เจ้าจะอะไร”

“ข้าจะ…ข้าจะตีก้นเจ้า”

“เจ้ากล้า?!”

“เจ้าก็คอยดูเล่าว่าข้าจะกล้าหรือไม่”

เพียะๆๆ! สามครั้ง

โอยๆๆ เขากล้าตีจริงๆ หรือเนี่ย!

แม้เสียงตีจะดัง แต่ไม่ได้เจ็บเท่าใดนัก แม้ไม่ได้เจ็บเท่าใด ก็ทำเช่นนี้ไม่ได้ ครั้งนี้ไม่ให้อภัยเด็ดขาด ไม่ให้อภัยเด็ดขาด! “หนิงเซ่าชิง เราไม่จบกันเพียงเท่านี้แน่…”

เพียะๆๆ! ตีอีกสามครั้ง

“หนิงเซ่าชิง เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้…” มือที่ถูกกุมเอาไว้ของมั่วเชียนเสวี่ยขัดขืนอย่างหนัก อยากจะปกป้องบั้นท้ายน้อยๆ ของตน

“ผู้ใดให้เจ้าไม่เชื่อฟัง ว่ามา คราวหน้ายังจะกล้าอีกหรือไม่”

แม้จะพูดเช่นนี้ แต่น้ำหนักมือของหนิงเซ่าชิงเบาลงโดยไม่รู้ตัว

เงาที่ซ่อนอยู่นั้นเบิกตากว้าง แคะหู เจ้านายข่มขู่ใหญ่โตไปเท่านั้น แต่ความเป็นจริงกลับไม่กล้าลงแรงแต่อย่างใด นี่ไม่ใช่การตีเลยสักนิด เห็นชัดว่าแค่แตะๆ เอาเท่านั้น

มือของใครบางคนที่ตีก้นในตอนแรก ตอนหลังกลายเป็นนวดคลึงเท่านั้น นี่เป็นเรื่องในตอนหลังยังไม่ขอพูดถึง

ถึงแม้เขาจะตีไม่แรง แต่ตอนกลางคืนยามนอนบนเตียง แต่ก็ถูกหญิงสาวที่ผูกใจเจ็บเตะลงจากเตียงโดยอ้างว่าเป็นเพราะท่านอน

เตะหนิงเซ่าชิงลงจากเตียง มุมปากของหญิงสาวยกยิ้มขึ้น ความปรารถนาเป็นจริงแล้ว ความแค้นที่ถูกตีก้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง นางกางขาออกกว้างด้วยความพอใจ นอนกินพื้นที่ทั้งเตียง

หนิงเซ่าชิงเห็นหญิงสาวนอนกินพื้นที่ทั้งเตียง โดยเฉพาะขาที่อ้ากว้างอย่างไม่สง่างามนั้น ทำให้หูของเขาแดงระเรื่อ ส่ายหน้าไปมาแล้วเดินออกไปตากลมอย่างจนปัญญา

นายท่านเจี่ยนและฮูหยินเจี่ยนเมื่อได้ยินรายงานจากบ่าวรับใช้ก็รีบกลับจวนทันที เย็นมากแล้ว

หมอหวังฝังเข็มให้เหล่าไท่จวิน และให้นางดื่มยาสมุนไพร งีบหลับครู่หนึ่งรู้สึกดีขึ้นมา นอนพิงอยู่บนเตียง

“ข้าอยากจะรับหนิงเหนียงจื่อมาเป็นหลานสาวบุญธรรม” ถึงแม้ตอนนั้นเหล่าไท่จวินจะป่วย ทั่วทั้งตัวไม่สามารถขยับได้ แต่ยังคงมีสติเป็นอย่างดี

ทุกคำพูดและทุกอิริยาบถของมั่วเชียนเสวี่ย ทำอย่างเป็นขั้นตอนและมีสติ ตอนที่นั่งพูดคุยกับชิงโยว ก็ไม่เห็นความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

เผชิญหน้ากับปัญหา จัดการด้วยความรวดเร็วกระฉับกระเฉง วิธีการทำงานไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถเทียบได้

จากนั้นได้ยินเหลียงหมัวมัวบอกว่าทั้งสองเรียกแทนกันว่าพี่น้อง คำว่าท่านย่าที่ร้องเรียกไร้เลศนัย เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ เหล่าไท่จวินเกิดประทับใจ นางเองมีหลานสาวมากมาย มีหลานสาวบุญธรรมเพิ่มขึ้นอีกคนจะเป็นไร

ความสามารถเช่นนี้ วิธีการช่วยคนในยามคับขัน รวมถึงขนมที่ละลายทันทีเมื่อเอาเข้าปาก ทั้งหมดล้วนอธิบายได้ว่านางเป็นหญิงสาวที่ไม่ธรรมดา

ให้นางเป็นหลานสาวบุญธรรม ประการแรกเพื่อตอบแทนบุญคุณ ประการที่สองเพราะต้องการผูกสัมพันธ์กับนาง

“ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ” สมัยโบราณการผูกดองเป็นญาติมิตร ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ไม่ใช่เพียงคำพูดเหมือนปัจจุบัน

“เหตุใดจึงไม่ได้”

“หนิงเหนียงจื่อมีสถานะเพียงนั้น ท่านแม่มีฐานันดรศักดิ์ถึงเพียงนี้ จะลดตัวลงไปได้อย่างไรกัน แม้นางจะช่วยชีวิตท่านแม่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องทำเช่นนี้ ให้ของกำนัลนางมากหน่อยก็พอแล้วขอรับ”

“โง่เขลาเบาปัญญา!”

“ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าลูกอกตัญญู แต่นางต่ำต้อย แค่การที่นางมีหัวนอนปลายเท้าไม่ชัดเจน ก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว…”

“หืม? ดูเหมือนว่าหญิงชราอย่างข้าไม่มีสิทธิ์พูดในตระกูลนี้แล้วสินะ?” บุตรชายคนนี้หัวดื้อมาโดยตลอด ทั้งยังคิดว่าตนฉลาดหลักแหลม เหล่าไท่จวินคร้านจะพูดกับเขาให้มากความ จึงใช้อำนาจของตนขึ้นข่ม

“ลูกไม่บังอาจ!”

“สะใภ้ไม่บังอาจ!”

“พวกเจ้ามีสิ่งใดไม่กล้า” หากไม่ใช่เพราะวันนี้เพิ่งล้มป่วย นางจะต้องสั่งสอนบุตรชายให้ดี วิธีจัดการปัญหาของเขาในตอนนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งแย่ ยิ่งอยู่ยิ่งไม่เข้าท่าไปเสียหมด

“…” นายท่านเจี่ยนเห็นเหล่าไท่จวินโมโห กลัวว่านางจะล้มป่วยไปอีก จึงคุกเข่าลงบนพื้น เจี่ยนฮูหยินหมดหนทาง จึงคุกเข่าตามลงไปด้วย

นายท่านคุกเข่าแล้ว นางจะยืนอยู่ได้อย่างไร

หลังจากนั้นคนทั้งเรือนก็คุกเข่าลง ผู้เป็นเจ้านายคุกเข่ากันหมด คนที่เป็นบ่าวจะกล้ายืนได้อย่างไร

เหล่าฮูหยินเห็นเช่นนี้ หรี่ตาลง พูดด้วยความอ่อนเพลีย “พวกเจ้าทั้งสองยังไม่มีจิตใจกว้างขวางเทียบเท่าชิงโยว ข้าว่าแม้หนิงเหนียงจื่อจะเป็นเพียงหญิงชนบท แต่ภูมิหลังของนางต้องไม่ธรรมดาแน่นอน วันข้างหน้าผู้ใดจะพึ่งพิงผู้ใดก็ยังไม่แน่”

เจี่ยนเหล่าไท่จวินเชื่อฟังคำพูดของบุตรชาย แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมถอยก้าวหนึ่ง “หญิงชราอย่างข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี พวกเจ้าจะยอมรับนางหรือไม่ ก็ช่างประไร ถึงอย่างไรข้าก็ยอมรับนางเป็นหลานสาวแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเจี่ยน”

ซึ่งก็หมายความว่าในอนาคตหากตัวตนของนางมีภัยร้ายใดซ่อนอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเจี่ยน ขิงแก่ย่อมเผ็ด[1]เป็นธรรมดา!

“เช่นนั้นลูกจะให้จินซื่อส่งเทียบเชิญ จัดงานเลี้ยง ฉลองให้กับท่านแม่”

“ไม่ต้อง ข้ารับนางเป็นหลานบุญธรรมเป็นการส่วนตัวก็พอแล้ว เกี่ยวอะไรกับตระกูลเจี่ยนของเจ้า ออกไปเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว!”

“เช่นนั้น…เช่นนั้นท่านแม่พักผ่อนให้มาก พรุ่งนี้ลูกจะให้ชิงโยวไปขอบคุณหนิงเหนียงจื่อที่ช่วยชีวิตท่านแม่ถึงเรือน รวมถึงบอกเจตนาของท่านที่ต้องการจะรับนางเป็นหลานสาวบุญธรรม”

“ให้มั่วไป๋ไปด้วย เช่นนี้จึงจะดูจริงใจ” เหล่าไท่จวินพูดจบแล้วผายมือ “ไปเถอะ เราพูดราวกับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แต่นางอาจจะไม่ยอมก็ได้”

นายท่านเจี่ยนและเจี่ยนฮูหยินถอยออกไปด้วยสีหน้าไม่เชื่อว่านางจะไม่ยอมรับข้อเสนอ

ระหว่างทาง หมัวมัวที่ติดตามมานานทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดจนกระจ่าง เจี่ยนฮูหยินกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “มังกรเกิดลูกเป็นมังกร หงส์เกิดลูกเป็นหงส์ สุดท้ายต้นเหตุทั้งหมดก็เกิดจากบุตรชายของอนุที่ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาได้”

[1] ขิงแก่ย่อมเผ็ด ผู้ทีอายุมากย่อมมีความรู้และประสบการณ์ในชีวิตมากกว่าหนุ่มสาว