ตอนที่ 88 การตั้งแคมป์หนึ่งวันของเรดโลลิกลางดงหมี

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

88 การตั้งแคมป์หนึ่งวันของเรเลียเรด

 

หลังจากเดินทางโดยเรือเหาะมาทั้งวัน ชีวิตที่เน้นการทำงานก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในดินแดนซิลเวอร์

 

ม๊า ดูเหมือนว่าจะไม่มีพนักงานสถานีออกอากาศที่มีชั้นเชิงที่มีใบหน้าฉูดฉาดเหมือนเบนเดริโอ้อยู่ที่ดินแดนซิลเวอร์ ดังนั้นตารางงานจึงมีเวลาว่างเหลือเฟือ

 

ถ่ายทำวันละสองงาน สามงาน……ช่างใจดีจัง

 

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ฉันยังคิดว่าเป็นสิ่งที่มีเหลือเฟือจนกระทั่งฉันกลับบ้านในฤดูร้อนนี้

ตอนนี้ยังรู้สึกอุ่น ๆ อยู่เลย

 

ยังไงก็ตาม ฉันสามารถออกเดินทางในตอนเช้าตรู่และกลับมาในตอนเย็นได้ ดังนั้นในทางตรงกันข้ามก็ทำให้ฉันรู้สึกใม่สบายใจว่าดีแล้วเหรอที่ได้กลับเร็วขนาดนี้

 

――หากมองย้อนกลับไปอย่างใจเย็น ฉันคิดว่าเป็นผลกระทบเชิงลบจากการเคยชินกับตารางงานอันดำมืดทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างแน่นอน เบนเดริโอ้จะไม่ลืม ไม่มีเหตุผลที่จะยกโทษให้เด็ดขาด

 

แต่ ม๊า ก็นั่นแหละ

 

“จะบอกว่าสีผมที่แตกต่างกันทำให้มีเทรนด์ที่แตกต่างกันงั้นสินะ น่าสนใจจังนะ”

 

ในดินแดนลิสตันมีงานมากมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกับผู้ใหญ่วัยทำงานในสังคม โดยเน้นไปที่การเยี่ยมชมธุรกิจ

ที่นี่ในดินแดนซิลเวอร์มีงานมากมายที่เกี่ยวข้องกับนักผจญภัย

 

สามารถเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือที่ใช้ในดันเจี้ยนและการสำรวจ ค้นคว้าความสำเร็จของนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงที่เปิดเผย ตลอดจนเยี่ยมชมและแนะนำสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ยิ่งใหญ่ในขณะท่องเที่ยว

ผู้รับผิดชอบทุกอย่างคือเรเลียเรดที่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายใด ๆ แต่ทั้งหมดก็ยังคงน่าสนใจในแบบของตัวเอง

 

“เห๊? แตกต่างขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

แตกต่าง แตกต่าง

ถ้าจะให้บอกว่าทางไหน ก็ต้องบอกว่าแตกต่างจนฉันทางนี้มากกว่า

 

――สี่วันผ่านไปนับตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตประจำวันในดินแดนซิลเวอร์

 

วันนี้จะเป็นงานค้างคืนครั้งแรกของฉัน

เป็นแผนการตั้งแคมป์กลางแจ้งภายใต้คำสั่งของนักผจญภัยที่กระตือรือร้น

 

หากในดินแดนลิสตันมี「การเยี่ยมชมธุรกิจของเนีย・ลิสตัน」เป็นรายการเอกลักษณ์ของฉัน

ที่นี่ในดินแดนซิลเวอร์ก็มีรายการชื่อ「การตั้งแคมป์หนึ่งวันของเรเลียเรด」ที่ดูเหมือนจะเป็นรายการเอกลักษณ์ของเธอ

 

เป็นรายการที่เชิญนักผจญภัยหลายคนมาเป็นแขกรับเชิญ และทำอาหารและทานอาหารพิเศษในแคมป์ด้วยกัน ในขณะที่ฟังเรื่องราวของพวกเขา

 

อนึ่ง เนื่องจากเป็นรูปแบบที่เรียกว่าการตั้งแคมป์จึงทำให้สามารถถ่ายทำได้วันล่ะหนึ่งงานเท่านั่น――จึงต้องมีการจัดฉาก มีแขกรับเชิญคนอื่นในสถานที่ห่างออกไปเล็กน้อย และถ่ายทำสองงานในเวลาเดียวกัน แล้วแยกย้ายกันไปโดยไม่ได้พักด้วยกันจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปแบบที่ช่วยประหยัดเวลา ถ่ายทำพร้อมกันสองงาน ฉันจะทำ ฤดูร้อนนี้ ฉันถ่ายทำห้ารายการต่อวันตามกำหนดการที่นับเป็นวินาทีมาแล้ว คิดว่าจะตายแล้วเลยล่ะ

 

“โอโต้ซามะ ชอบแนวทางแบบนี้มาก ดูเหมือนว่าตอนที่ยังเด็กก็มีความฝันที่อยากจะเป็นนักผจญภัยด้วย”

 

เข้าใจล่ะ

อยากเป็น แต่ต้องยอมแพ้ไป เพราะเป็นทายาทของตระกูลซิลเวอร์สินะ ดังนั้นจึงมีความอาลัยอาวรณ์ จนอาจจะต้องการมีส่วนร่วมในวิธีอื่น

 

“――คาร์ทริชซังเข้ามาแล้ว!”

 

อะ มาแล้วสินะ

 

ฉันกับเรเลียเรดลูกขึ้นจากเก้าอี้ และมุ่งหน้าไปหาแขกที่พึ่งจะมาถึง

 

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คาร์ทริชซัง”

 

“ครั้งนี้ที่มาทำงานร่วมกับเรเลีย เนียค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

 

พวกเราต้อนรับชายคนหนึ่งที่มีร่างกายใหญ่โตสมส่วนและดูสมเป็นนักผจญภัย และการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น

 

 

 

เป็นการถ่ายทำที่ค่อนข้างธรรมดาที่พวกเราฟังเรื่องเล่าทีละเล็กทีละน้อยจากคาร์ทริช ผู้เงียบขรึม แต่นี่ดูเหมือนจะเป็นรายการที่ดี

 

บางคนเป็นนักผจญภัยที่ร่าเริง บางคนก็ตรงกันข้ามเป็นนักผจญภัยที่ไร้อารมณ์

เนื่องจากโลกนี้ไม่ได้มีแค่สิ่งที่สวยงาม ดูเหมือนว่าวิธีการออกอากาศในดินแดนซิลเวอร์ คือการสะท้อนตัวตนออกมาทั้ง ๆ แบบนั้นเพื่อให้เป็นว่ามีนักผจญภัยหลากหลายแบบ

 

“――ขอโทษ คู่สนธนาเป็นข้า คงน่าเบื่อ”

 

การถ่ายทำการทำอาหารและการทานอาหารในแคมป์จบลงแล้ว นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้

 

คาร์ทริชซึ่งกำลังนั่งหันหน้ามาทางพวกเราอยู่ตรงข้ามกองไฟ ดูเหมือนว่าอาการเกร็งไหล่ของเขาก็หายไปในที่สุดเมื่อลดกล้องลง ถึงแม้จะไม่ปรากฏบนใบหน้าของเขา แต่เขาดูประหม่าจริง ๆ

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่ไม่ใช่รายการที่ดูเพื่อความสนุกสนานอยู่แล้ว”

 

เรเลียเรดซึ่งอยู่ในโหมดทำงานตอบกลับตามรูปแบบ

 

“หนูอยากได้ยินเรื่องราวการผจญภัยของคาร์ทริชซังมากกว่านี้ค่ะ อุตส่าห์มีโอกาสทั้งทีแล้ว”

 

“เนีย”

 

เรเลียเรดเรียกชื่อของเธออย่างตำหนิ แต่ ม๊า รอก่อน

 

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะวิจารณ์วิธีการของดินแดนซิลเวอร์หรอกนะ แต่ฉันคิดว่าการสงวนท่าทีมากเกินไปดูไม่ดีเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่คุยกันมา คาร์ทริชซังก็ดูเต็มใจที่จะพูดคุยเหมือนกัน”

 

การได้ฟังเรื่องราวจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงย่อมดีกว่า ……ฉันไม่รังเกียจการตั้งแคมป์ที่เงียบสงบและผ่อนคลายแบบนี้ หมายถึงนี่เป็นครั้งแรกของชาตินี้ ฉันคิดว่าออกจะหยาบคายที่จะพูดพล่อย ๆ ไร้ประโยชน์ในบรรยากาศแบบนี้

 

แต่ว่า ฉันมาที่นี่เพื่อทำงาน ดังนั้นฉันต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ

 

“แต่……”

 

เรเลียเรดชำเลืองมองคาร์ทริช ――ภายในใจเธอดูเหมือนจะเห็นด้วยกับฉัน หมายความว่าฉันควรลงมืออย่างไม่ลังเล

 

“แล้วคาร์ทริชซังล่ะคะ? คุณรู้สึกอยากที่จะคุยกันมากกว่านี้ไหมคะ?”

 

“――อ้า นั่นสินะ ตอนที่ถูกเชิญมา ข้าก็ได้รับข้อกำหนดเรื่องหัวข้อการพูดคุยมา ข้าก็มีความรู้สึกอยากพูดคุยมากกว่านี้ แต่……ขอโทษที่ข้าพูดไม่เก่ง ไม่รู้จะคุยอะไรดี”

 

โอ้ การสนทนาคืบหน้าแล้ว

 

“นอกจากนี้ ข้าเคยเห็นสิ่งที่เรียกว่าเมจิกวิชั่นมาก่อน แต่ข้าก็ยังคิดหัวข้อที่จะคุยกับผู้คนไม่ออกอยู่ดี พูดตามตรงข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงถูกเรียกให้มาปรากฎตัว

ถึงอย่างงั้น ข้าก็พยายามทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้จริง ๆ …….”

 

นั่นแหละ

เรื่องที่สามารถเอาออกหน้ากล้องได้ นั่นแหละหัวข้อ นั่นแหละจุดเริ่มต้นของหัวข้อ เรื่องราวที่เชื่อมโยงกัน

 

“จ๊า หนูขอถามคำถามคุณหน่อยได้ไหมคะ? จะเป็นปัญหาไหม?”

 

คาร์ทริชพยักหน้าอย่างรวดเร็วให้กับเรเลียเรดซึ่งน้ำเสียงสดใสขึ้นเล็กน้อย

และถัดจากนั้นฉันก็วนนิ้วเป็นวงกลมให้กับผู้ดูแลภาคสนามที่กำลังมองการพูดคุยของพวกเราอยู่ข้าง ๆ

 

――กล้องเริ่มหัน

 

นี่เป็นสัญญาณมือที่ทีมงานถ่ายทำของดินแดนลิสตันจะเข้าใจ แต่…….โล่งอกไปที ที่ดูเหมือนจะเป็นที่เข้าใจตรงกัน ฉันเดาว่าเป็นความคิดที่เหมือนกัน

 

แต่ฟุตเทจจะใช่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของคาร์ทริช ในตอนที่ฉันบอกเขาในภายหลังว่ากำลังถ่ายทำกัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ถ่ายทำตอนนี้

 

“ช่วยเล่าเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณท้าทายดันเจี้ยนเป็นครั้งแรกได้ไหมคะ?”

 

“อืม ตอนนั้น……ข้ามีอายุสิบสี่ปี

ข้ามักจะถูกบอกว่าเป็นคนหยาบคาย แต่จริง ๆ แล้วข้าเป็นเพียงคนขี้ขลาด ข้าตัดสินใจที่จะเรียนรู้พื้นฐานของการเป็นนักผจญภัยก่อนที่จะไปต่อ จึงไปที่สำหรับผู้เริ่มต้น――”

 

เสียงฟืนประทุเป็นครั้งคราว และแสงเพลิงพริ้วไหวในความมืดมิดแห่งราตรีกาล

 

แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อบอุ่นอ่อนโยนจับหัวใจจากเสียงทุ้มต่ำของชายซึ่งไม่หยุดจนกระทั่งดึก

 

 

 

“――แบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันค่ะ”

 

หลังจากตั้งแคมป์มาทั้งวัน พวกเราก็กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลซิลเวอร์ในเช้าวันรุ่งขึ้น

 

“งั้นเหรอ ฟังแล้วพี่เองก็อยากไปด้วยเลย”

 

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ฉันก็ไปรายงานพี่ชายที่เพิ่งฝึกกับลิลิมิ ลูกสาวคนที่สามเสร็จ ว่าฉันกลับมาแล้ว ท้ายที่สุดพี่ชายก็เป็นคนรับผิดชอบฉันตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่

 

“คงจะดีถ้าโอนี่ซามะมาด้วยกัน”

 

“ถ้าพี่อยู่ด้วยจะทำให้เสียสมาธิกันเปล่า ๆ”

 

เป็นข้ออ้างอย่างชัดเจน

พี่ชายของฉันซึ่งได้เรียนรู้ในฤดูร้อนนี้แล้วว่าทุกอย่างจะจบลงทันทีเมื่อเขาไปยังที่ที่ถูกเล็งเป้าไว้ ในอนาคต ฉันต้องคิดแล้วว่า……คำพูดหลอกล่อแบบไหนในการล่อลวงพี่ชายให้ไปปรากฎตัวบนเมจิกวิชั่น

 

――แต่ ในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาก็ทำให้เรเลียเรดเสียสมาธิจริง ๆ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถพูดได้ว่าที่พูดมาเป็นข้อแก้ตัว

 

 

 

 

 

 

 

 

พอมีคนมาอยู่บ้านด้วยแล้วรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวไม่สบายใจแปลก ๆ จนพยายามหมกอยู่แต่ในห้อง ฮา