ผู้สืบทอดนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ เอเกอร์ เอก… ถ้าใช้หนึ่งคำเพื่ออธิบายถึงคนนั้น มันจะเป็นหน่วยทหารรับจ้าง
นำโดยอาจารย์ ออสเว็น พวกเขาเป็นคนที่มีพลังเวทมนตร์สูงผู้เข้าไปแทรกแซงกับสงครามหลายๆที่
พวกเขาถูกเรียกว่าอาวุธตัดสินบนสนามรบ แต่พิษภัยของพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำสงคราม
ลอบสังหาร, ปฏิบัติการสายลับ, แผนลับทั้งหลาย… พวกเขาทำทำได้หลายวงการ และดึงดูดความสนใจของหลายประเทศที่มีความไม่มั่นคงทางการเมืองและปัญหาทางการทูต
อย่างไรก็ตาม เพราะแบบนี้พวกเขา ก็ถูกเรียกว่าตัวปัญหาได้ด้วย และมีถูกพูดบนการประชุมทางการและการประชุมของหลายชาติ
“เราอยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ชาติเป็นชาติหรือทำลายมันได้ เวทมนตร์ชั้นสูงมีอิทธิพลขนาดนั้น”
คูฟายังคงจ้องแนพ กัดปากกล่าง เธอยั้งความโมโหของเธอไว้ หรือพูดว่าเธอยั้งพลังเวทมนตร์ของเธออยู่ก็ได้
ถ้าเธอไปสนใจออย่างอื่น เธออาละวาดคุมไม่ได้อีกครั้งได้
“โอ้และเด็กผู้หญิงข้างเธอ ถามหน่อยว่าเธอสนิทกันด้วยมั้ย? นั่นไม่ดีสำหรับเธอนะ แก้ไขมันด้วย”
“ไม่แก้หรอก ขอบคุณ”
“อย่าเขินไปเลยน่า”
“ไปให้ไกลๆจากเรา”
แนพรำคาญที่คูฟาปฏิเสธ เด็กผู้หญิงเคลื่อนที่เข้าไปใกล้คูฟาอย่างเงียบๆ และคูฟารู้สึกถึงร่างกายที่อุ่นของเธอขณะเธอโอบเด็กผู้หญิงไว้ใกล้
คูฟามุ่งมั่นปกป้องเด็กผู้หญิง เธออยากแข็งแกร่งพอถึงขนาดที่ทำให้เด็กผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยได้ เธอสัญญาว่าจะไม่ให้เธอได้อยู่คนเดียวและจะไม่ให้เด็กผู้หญิงต้องรู้สึกเหงา
“ฉันอยากมอบชื่อ…ให้เธอ… ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ”
“ท่านหญิง ท่านไม่โกรธเหรอ?”
พลังเวทมนคูฟาที่ทิ่มแทงข่มขู่รอบข้างอยู่ทุกเวลา
มันเย็นลง
แต่มันไม่ได้หยุด มันยังอยู่ที่นั่น แต่มันมีผลอื่นเพราะตอนนี้คูฟาเจอเหตุผลใหม่
เธอไม่ได้อยากแค่ปกป้องเด็กผู้หญิง แต่ก็ปกป้องคนอื่นๆข้างเธอด้วย
คูฟาตัดสินใจท้าทายแนพโดยใช้พลังของมามุ เด็กผู้หญิงที่แนพสบประมาท
พร้อมกับการที่หลังเด็กผู้หญิงอยู่ข้างอควาเรีย คูฟาหันไปสนใจแนพ
“การต่อสู้ด้วยเวทมนตร์… มันไม่ใช่แค่มีพลังเวทมนตร์กันเยอะแค่ไหน แต่มันก็เกี่ยวกับการควบคุมพลังเวทมนตร์ด้วย มากกว่านั้น เมื่อนายอยู่ในการดวลแบบเป็นมิตร นายแค่ใช้เวทมนตร์เต็มกำลังไม่ได้… นายต้องทำให้มั่นใจว่าคู่ต่อสู้จะไม่บาดเจ็บด้วย…”
แนพถอนหายใจตอบ แต่คูฟาพูดต่อ “ถ้านายเป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่จริง… มามุจะไม่บาดเจ็บ เพราะบางอย่างแบบนี้ไม่เกิดขึ้นหรอกถ้านายควบคุมเวทมนตร์เป็น”
“หืมมม เธอจะบอกว่าฉันยังด้อยฝีมือเหรอ?”
“ถ้านายไม่ได้จงใจเต็มแรง… ก็ใช่”
ลิตตี้ตกใจมากที่สุด กับการคุยนี้
เธอเอาตอนนี้มาเทียบกับเมื่อคูฟาพึ่งปีศาจให้เขาเป็นคนคุยระหว่างเธอกลัวและเลือกเส้นทางแห่งความเหงา
ลิตตี้เชื่อว่าคูฟาพัฒนาขึ้นด้วยการช่วยของทุกคน และเธอมีเพื่อนเยอะขึ้นด้วย
“มาสู้ด้วยเวทมนตร์กับฉัน ถ้าฉันชนะ นายต้องฮีลมามุซังและขอโทษเธอ”
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นถ้าฉันชนะ เธอจะมากับฉัน เธอเป็นบางคนที่ไม่สมควรมาปล่อยให้เน่าในที่แบบนี้”
มันมาถึงการตกลงต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ และพวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนที่
คูฟาตกลงกับข้อเสนอแนพเพราะรู้ว่าถ้าพวกเธอเอาจริง อาคารสมาคมพังได้
สถานการณ์ไม่ได้อยู่ในมือของเหล่าผู้ฝึกสอนแล้ว แม้แแต่ผู้จัดการสาขาก็มีปัญหาเพราะเขาแทรกไม่ได้แล้ว
***
การต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นนอกเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ หัวหน้าสาขาก็มาดูด้วย และเหล่าคนดูเว้นระยะห่างให้ห่างๆ
แนพส่งเสียงดูถูกคนดูผู้ดูจากไกลๆ ล้อเลียนพวกเขา
“ฮึ่ม… ถ้ามันเป็นอุกกาบาตของฉัน มันจะอันตรายแม้ว่าระยะนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นนายจะบุกคูฟาก่อนเหรอ?” (ผู้จัดการสาขา)
“แน่นอนดิ อ๊ะ นายมันผู้จัดการสาขานี่หว่าใช่เปล่า? นายก็อยู่ในอันตรายด้วย ถอยไปไกลๆกว่านี้หน่อยเหอะ”
แนพไล่ผู้จัดการสาขาชิ่วๆและรอคูฟาบุก
ครั้งนี้ คูฟาไม่ได้ใช้พลังของอควาเรีย เธอยากให้อควาเรียตัดสินว่าตัวเธอเติบโตไปแค่ไหนแล้ว
เธออยากเป็นเจ้านายที่ควรค่า เป้าหมายเรื่องนั้นของเธอยังอยู่
ผู้จัดการสาขาและเหล่าผู้ฝึกสอนก็พยายามหยุดคูฟาจากการสู้กับแนพจนถึงนาทีสุดท้ายเพราะพวกเขาคิดว่าเธอขาดสติแล้ว
พวกเขาไม่ได้แค่กังวลกับพลังเวทมนตร์และทักษะของแนพ พวกเขาก็คิดว่าพลังเวทมนตร์น้ำของคูฟามันแรงเกินควบคุมด้วยตัวเองถ้าไม่มีการช่วยจากภูติอัญเชิญ
“อืม ฉันจะเริ่ม… เวทมนตร์น้ำระดับต่ำ – ปืนน้ำ”
เสียงคูฟาเบามาก แต่เวทมนตร์ที่เธอปล่อยออกมาไม่ได้อยู่ในระดับที่จะคิดว่ามันเป็นระดับต่ำ
ตาลิตตี้เปิดกว้างกับความรุนแรงของเวทมนตร์ที่คูฟาปล่อยออกมา ที่เสี่ยงจะทำกำแพงปราสาทแตก จนทำให้เธอสงสัยว่าคูฟาคิดฆ่าแนพ
“เวทมนตร์อุกกาบาตระดับต่ำ – ดาวหาง”
เส้นทางปืนน้ำถูกตัดโดยวัตถุที่กระแทกมาจากด้านบน
พลังการปะทะอย่างเดียวนั้นพอที่จะทำให้คนดูล้มอย่างวุ่นวายจากแรงสั่นที่มันสร้าง แรงกระแทกของลมก็เกือบทำให้ทุกคนกระเด็นไปรวมถึงคูฟาด้วย
ที่เป็นคนที่ถูกโจมตี คูฟารับความเสียหายตรงและเซขาปัด เมื่อเห็นภาพเธอ แนพยกมุมปากในชัยชนะ
“ฉันก็ใช้เวทมนตร์ระดับต่ำนะ มันเท่าเทียมนี่ถูกป่าว? อืม ฉันอ่อนให้น่ะ”
เวทมนตร์ที่แนพใช้ชื่อเวทมนตร์อุกกาบาตแนพผู้มีความเข้ากันกับธาตุดินผสมธาตุอื่นเพื่อสร้างเวทมนตร์นี้
เวทนตร์แสงระดับกลางของเจสเตอร์เลเซอร์ก็เป็นผลของการผสมธาตุแสงและไฟ แต่แนพไม่ได้หยุดไว้แค่นั้น
ถ้าธาตุอื่นมาผสมกับธาติหลักและทำให้มันแตกต่าง มันแม้แต่ผลลัพธ์ออกมาเป็นธาตุพิเศษไม่เหมือนใครได้
“ธาตุพื้นฐานมันเหมือนที่มันบอก – พื้นฐาน มันมองภาพเพื่อสร้างสูตรเวทมนตร์ง่ายๆ เธอรู้มั้ยว่าอะไรที่ฉันสร้าง? โอ้ ใช่ มันเป็นตาฉันโจมตีครั้งนี้ ถูกมั้ย?”
แนพยกมือขึ้นท้องฟาและเหวี่ยงมันลง
“เวทมนตร์อุกกาบาตระดับกลาง กระสุนดาวหาง”
ถ้านั่นโดนพื้นลมร้อนและแผ่นดินไหวไปถึงเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ได้ ไม่ต้องพูดถึงบริเวณรอบข้าง แนพรู้ว่าพลังเวทมนตร์เขาแรงแค่ไหนและมันจะมีผลลัพธ์กับตัวเขาแค่ไหน
บนสนามรบ บางเวลาก่อนหน้า แม้แต่ทหารใส่เกราะก็ไม่สามารถต่อต้านดาวหางเขาและหายไปกับฝุ่นผิวโลกขณะการโจมตีโดนพื้น
มันเรียกว่าเวทมนตร์ที่รุนแรงได้ แนพมึนเมากับความคิดว่าคนพวกนั้นที่มีพลังเวทมนตร์ต่ำๆจะถูกลบล้างไปด้วยมือของเขาเอง
แนพไม่ใช่คนเหงาที่เขาเคยเป็นเมื่อเขากลัวและหลบเลี่ยงเพราะพลังเวทมนตร์ที่สูงเกินไปของเขา ภายใต้ออสเว็น แนพรับรู้ความหมายของตัวตนเขาและกลายเป็นแข็งแกร่ง
เพราะแบบนี้ นั่นทำไมเขาอารมณ์เสียกับคูฟา ความเป็นห่วงมามุของเธอดูเหมือนค่อนข้างตลกสำหรับเขา
แนพแม้แต่มีความอยากฆ่าคูฟ้าที่ไร้เดียงสามากเมื่ออีกไม่นานก็จะไม่มีใครอยู่ข้างเธอแล้วอยู่ดี
“ตอนนี้ นี่จบแล้ว มาเข้าฝั่งฉันได้แล้วมั้ย?”
“เวทมนตร์น้ำระดับกลาง – มารดาเย็นยะเยือก…”
เมื่อมองผ่านๆทุกคนคิดว่ามันเป็นบาเรียน้ำ มันจะไม่พอหยุดแรงอุกกาบาต และมันจะหายไป
ลิตตี้หยุดตัวเองจากการกระโดดออกไปเอง ถ้าเธอไปช่วย เธอะปฏิเสธเจตนาคูฟา
ความเชื่อเป็นทางเดียวที่จะเคารพเจตนาคูฟา ลิตตี้คิด ขณะเธอดูผลลัพธ์คลี่คลาย จากนั้นอุกกาบาตตกใส่หน้าคูฟา
“อะไรกัน…?”
น้ำกลายเป็นแข็งตัว รั้งอุกกาบาตไม่ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ยิ่งอุกกาบาตเคลื่อนที่ น้ำยิ่งมาขึ้นเปลี่ยนเป็นแข็ง
ในท้ายที่สุด มันกลายเป็นก้อนน้ำแข็งหนึ่งก้อน และร่องรอยน้ำหายไปหมดแล้ว
“หยุดแล้วเรอะ? อะไรกันวะ! เวทมนตร์นั้นมันอะไรกันวะเนี่ย!?”
หลังก้อนน้ำแข็งที่ลบอุกกาบาต คูฟาดูตึงเครียด
แนพลนลาน แต่ไม่ใช่เขาแค่คนเดียว ลิตตี้, โรม่า, และเด็กผู้หญิงไม่เข้าใจสถานการณ์ด้วย
มันจริงเหมือนกันกับผู้จัดการสาขาและเหล่าผู้ฝึกสอน ที่ควรรู้เรื่องเวทมนตร์ดีด้วย
“เวทมนตร์ระดับกลาง – มารดาเย็นยะเยือก… ด้วยเวทมนตร์นี้ แม้แต่การโจมตีที่บ้าคลั่งที่สุดจะถูกโอบอย่างอ่อนโยนด้วยน้ำ และถ้ามันไม่หยุด น้ำจะดุขึ้นและแข็งตัว บังคับให้เป้าหมายอยู่นิ่งๆ… ฉันสงสัยมาตลอดว่าการโอบกอดของแม่นี้เป็นแบบไหน…”
“ฉันไม่เคยเห็นอะไรเหมือนนี่เลย! อย่าบอกน่ะว่านี่เป็นดั้งเดิมของเธอ?!”
“ฉันค้นคว้าและคิดน้ำเย็นแบบเร็ว แต่มันใช้พลังเวทมนตร์เยอะ และถ้าไม่มีอควาเรียช่วยมันทำเองแล้วเหนื่อย…”
เหล่าผู้ฝึกสอนพูดอะไรกับคูฟาไม่ออก การสร้างสูตรเวทมนตร์ใหม่นั้นยากเย็นแต่ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความยากของการใช้งานสูตรเวทมนตร์ใหม่อยู่อีกระดับจากแค่สร้างมัน
มีแค่ไม่กี่คนที่ทำได้
ความได้เปรียบของเวทมนตร์ใหม่คูฟาที่ลดความเสียหายข้างเคียง ถ้าอุกกาบาตถูกกันโดยเวทมนตร์ทรงพลังอื่น มันยังก่อความเสียหายจำนวนหนึ่งได้
“มันไม่สมควรเป็นอย่างนี้… เวทมนตร์อุกกาบาตที่ฉันใช้ครึ่งชีวิตสร้างมา… แม้แต่อาจารย์ก็อ้าปากค้างไม่หยุดสักพักหลังจากเห็นนี่ และแม้แต่พี่น้องของฉันยังพูดว่าเขาเทียบฉันไม่ได้เมื่อเป็นเรื่องพลัง… เพราะมันเป็นแบบนี้แล้ว ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้เวทมนตร์ระดับสูง – อุกกาบาต…!”
“พอได้แล้ว คูฟาชนะการต่อสู้นี้แล้ว”
คนทีปิดฉากการระเบิดอารมณ์ของแนพคือผู้จัดการสาขาที่มายืนขวาง เขาไม่อยากเห็นสถานการณ์บานปลายไปกว่านี้
มากกว่านั้น ในความคิดเห็นของเขา เวทมนตร์ของคูฟาไปถึงความสมบูรณ์แบบแล้ว
การต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ไม่ได้เป็นแค่การสู้กันจนกว่าสองฝ่ายสู้ไม่ไหว มันต้องชมได้ด้วยเพื่อให้คนดูซาบซึ้งและมอบการวิเคราะห์ที่ดีด้วย
“คุณแนพ แน่นอนเวทมนตร์อุกกาบาตนายดีจนน่ากลัว ฉันเชื่อว่าไม่มีใครจะมาลองสู้กับพลังนั่นหรือพยายามเป็นศัตรูกับนาย ฉันจะพูดว่ามันเทียบได้กับแบนเดร่าเลยเมื่อเป็นเรื่องพลังทำลางล้างวงกว้างและอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม… คูฟาเพิ่งเป็นคนของสมาคมผู้วิเศษแค่ระยะเวลาสั้นๆ เมื่อพิจารณาถึงประสบการณ์ที่ต่างกัน มันเป็นสถานการณ์ที่สมาชิกรุ่นพี่ควรเป็นคนที่เห็นใจเธอ”
“เธอเพิ่งมาเหรอ?”
“เธอเป็นนักอัญเชิญ และที่ไม่มีอควาเรียตรงนั้น เธอไม่ได้เก่งที่สุดด้วยตอนนี้”
“อควาเรียเรอะ…?”
ความจริงน่าสิ้นหวังที่คูฟาไม่ได้พยายามสุดแรงเพื่อโจมตีแนพ ไม่มีใครรับชัยชนะกับศัตรูที่ไม่ได้สู้เต็มที่ได้แม้พวกเขาชนะ
ผู้จัดการสาคาคิดถูกที่คิดว่าแนพเป็นนักสู้ที่มีทักษะ
อย่างไรก็ตามผู้จัดการสาขาคิดว่าแนพควรเต็มใจรู้ความต่างระหว่างเขากับคู่ต่อสู้ เพราะการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่การต่อสู้ด้วยพลังอย่างเดียว แต่มันเกี่ยวกับการทำให้คู่ต่อสู้เห็นว่าคนหนึ่งไปถึงไหนในเรื่องเวทมนตร์
แม้ว่านาตาชาพูดว่ามามุแพ้ ความเป็นจริงก็คิดได้เหมือนกันว่ามามุควบคุมพลังเวทมมนตร์ชนะ แนพแม้แต่เอาชนะมามุทียังเป็นแค่ผู้ฝึกหัดยังไม่ได้เลยเมื่อเป็นเรื่องการควบคุม
“อืม เจ้านายของข้าก็จงใจไม่ใช้ท่าอัญเชิญในการต่อสู้เหมือนกัน… เพราะถ้าเธอใช้ข้า ระดับความอันตรายมันจะสูงเกินไป…” (อควาเรีย)
ปรกติแล้วแนพจะพูดว่า “ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย” แต่เขายืนบนเข่าพยักหน้าแทน
คูฟาไม่ได้ไปพูดกับแนพเลยแต่ไปหาลิตตี้และคนอื่นๆแทน มองพวกเขา
“อืม เราชนะ…”
“คูฟาซัง เธอโดดเด่นอ่ะ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์เลย”
“ฉันคิดว่าฉันเกือบถึงลิตตี้หน่อยแล้ว”
“…อา อา เธอได้ยินฉันมั้ย?”
เสียงไม่คุ้นมาจากหลังคูฟา เธอลังเลก่อนจะหันหลังเพื่อพบว่าเสียงมาจากแนพ
ตาของเขาจ้องท้องฟ้าและน้ำลายออกมาจากปาก ทุกคนตื่นตัวโดยความไม่ปรกติและตั้งท่ายืน
“มันดูเหมือนเธอได้ยินฉัน อืม นี่กระทันหัน แต่ฉันเป็นอาจารย์เขา ออสเว็น”
ลิตตี้ที่พูดเองว่าไม่คุ้นกับเวทมนตร์ เข้าใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอรู้ว่ามันเป็นคนอื่น ไม่ใช่แนพ
ระหว่างนั้น ผู้ใช้เวทมนตร์ปากสั่นฟันกระทบ
นักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ แค่จากการเห็นอะไรเกิดขึ้นหน้าพวกเขา พวกเขาบอกได้เลยว่าปราชญ์ชื่อออสเว็นทรงพลังแค่ไหน
ตอนต่อไป →