ตอนที่ 101 บทที่ 6 ตอนที่ 18

โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร”

บทที่6ตอนที่18

 

 

ณ ที่ริมทะเลสาบอันไร้ที่สิ้นสุด มังกรยักษ์สีดำสนิทกำลังเหยียบย่ำมนุษย์ผู้ต่ำต้อยโดยไม่ซ่อนกิเลสเลยแม้แต่นิด

 

 

มนุษย์ที่มีขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วเมื่อมองจากมุมมองของมังกร ปลิวไปด้วยความเร็วสูง แต่มันก็ยังตอบโต้ด้วยการเหวี่ยงดาบในมือกลับมา

 

 

ใบมีดที่แหลมคมกระทบเข้ากับขาของเทียแมต แต่ว่าก็กลายเป็นเม็ดฝนที่อยู่ข้างหน้าเกล็ดมังกรดำและกระจายไปทั่วพื้นที่อันแสนว่างเปล่า

 

 

เท้าของมังกรที่กระทืบลงกับพื้นทำให้หินที่ถูกบดขยี้เข้าโจมตีใส่โนโซมุที่โดนคลื่นกระแทก

 

 

คลื่นกระแทกแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้โนโซมุไม่มีโอกาสได้หลีกเลี่ยง

 

 

โนโซมุฟันดาบออกเป็นวงกลมแล้วจับคลื่นกระแทกด้วยเทคนิคคิ “ระเบิดทำลายล้าง”

 

 

ในขณะที่คิที่ถูกกางออกและมันก็ส่งเสียงสั่นสะเทือนเข้าชนกลับคลื่นของเทียแมต

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุที่ถูกคลื่นกลืนเข้าไปก็หยุดเท้าของเขาโดยสมบูรณ์

 

 

เทียแมตหมุนเท้าและเหยียบลงพื้นและหางที่ตวัดไปก็กวาดไปทางโนโซมุ

 

 

ไม่มีทางที่จะหลบได้อย่างแน่นอนสำหรับโนโซมุที่ถูกหยุดเอาไว้และกระเด็นออกไป

 

 

ร่างของโนโซมุกระแทกกับพื้นอยู่หลายครั้ง

 

 

เสียงกระดูกหักดังก้องไปทั่งทั้งร่างกาย และในขณะที่ขอบเขตการมองเห็นยังคงหมุนไป ร่างกายก็กลิ้นไปประมาณสิบวินาที

 

 

อย่างไรก็ตามร่างกายนั่นสะบักสะบอมมาก

 

 

แม้ว่าพยายามจะลุกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แขนซ้ายและขาขวาก็ห้อยลงมาเหมือนกับปลาหมึก

 

 

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เข้าฟาดเข้าสีข้าง และบางทีกระดูกซี่โครงอาจจะทะลุปอดไป ถ้าไอออกมาก็จะเห็นลิ่มเลือดไหลออกมาจากปาก

 

 

โนโซมุที่ถูกตามล่าไปในการโจมตีเพียงครั้งเดียวถึงตาย

 

 

ถึงกระนั้นเขาก็ใช้มือขวาประคองร่างกาย กัดฟันและลุกขึ้นสู้

 

 

และเขาก็มองไปยังมังกรยักษ์ตรงหน้า

 

 

ด้วยพลังของตัวเขาจะไม่ยอมแพ้ต่อเจตจำนงของมัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่ศัตรูกับตัวเขาก็ตาม

 

 

ดวงตาเปล่งแสงอันแรงกล้าและจ้องมองมายังเทียแมต

 

 

 

“อึก!!”

 

สายตานั่นทำให้เทียแมตรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

 

“โอหังนักแววตานั่น ! เหตุใดแกถึงไม่ยอมแพ้ไปเสียที ! ทำไม…..ทั้งๆที่นังหมูตัวเมียเป็นคนทรยศแกแท้ๆ!!”

 

เทียแมตอ้าปากในขณะที่โกรธ ราวกับแผลตกอกของเขาที่รักษาไม่หายสักที

 

“คิดว่าจะยอมรับได้งั้นเหรอ!”

 

มังกรยักษ์พยายามปฏิเสธและปลดปล่อยความโกรธออกมาเพื่อปฏิเสธมนุษย์ตรงหน้านี้

 

 

เปลวไฟขนาดยักษ์ที่ระเหยน้ำในทะเลสาบ และพื้นดินรอบข้าง ขณะที่เผาร่างของโนโซมุในพริบตาและลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

 แต่ว่า……。

 

 

ความคิดดังกล่าวเข้ากระทบจิตใจของมังกรยักษ์ตัวนี้ แต่หลังจากนั้นก็มี เสียงดังที่คล้ายกับระฆัง ดัง ก้อง อยู่ในห้วงอากาศ

 

“อึก!?”

 

ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นก็แพร่กระจายไปตามผิวน้ำและโซ่จำนวนนับไม่ถ้วนก็โผล่มาจากก้นทะเลสาบ

 

 

โซ่ที่ทอดยาวไปในอากาศราวกับฝูกนกจำนวนมาก เข้าโจมตีมังกรดำเหมือนสุนัขล่าเหยือและเริ่มตรึงร่างกายของมัน

 

 

โซ่ที่ผุดขึ้นมาทีละเส้นเริ่มพันร่างของเทียแมต และทำให้ไร้ซึ่งอิสรภาพ

 

 

 

“โถ่เว้ย น่ารำคาญจริง!”

 

เทียแมตกางปีกเพื่อหนีจากโซ่

 

 

อย่างไรก็ตามโซ่ที่ดูไม่น่าจะแข็งแกร่งอะไรกับกดทับพลังของมังกรดำอย่างสมบูรณ์ และไม่ว่าเทียแมตพยายามสยายปีกแค่ไหนก็ทำไม่ได้

 

 

ถึงกระนั้นเทียแมตก็ยังคงต่อต้านมันอย่างสิ้นหวัง พร้อมกับพยายามทำลายโซ่

 

 

อย่างไรก็ตามโซ่นั่นไม่ได้แตกสลายไปแต่อย่างไร และโซ่ก็พันรอบตัวมันสุดท้ายก็ถูกลากลงไปในทะเลสาบ

 

 

เทียแมตโดนลากลงไปในทะเลสาบทั้งๆแบบนั้น

 

 

แม้ว่าจะพยายามใช้ขาดิ้นรนสักแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้และค่อยๆจมลงไปในทะเลสาบ

 

 

ขา ลำตัว ปีก และคอจมอยู่ใต้น้ำอย่างสมบูรณ์ และผิวน้ำกำลังเข้าใกล้คอหอย

 

 

เทียแมตส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง แต่ไม่มีทางที่จะหนีได้อีกแล้ว

 

 

และมันก็พยายามส่งเสียงแต่ก็จมลงไปใต้น้ำ

 

 

สติของมันค่อยๆจางหายไป

 

 

ความโกรธ ความแค้น ความผิดหวัง ความโศกเศร้า ความเดียวดาย

 

 

ขณะถูกกัดเซาะไปด้วยอารมณ์อันแสนว้าวุ่น มังกรก็ได้จมลงไปในส่วนลึกของทะเลสาบ

 

 

จวบจนสุดท้ายแววตาก็ปิดลงไปด้วยความเกลียดชัง เสียใจ และเศร้าโศก ขณะที่ยังคงจ้องมองผิวน้ำที่ส่องประกายอย่างระยิบระยับ

 

 

◆◇◆

 

 

เสียงดังก้องไปทั่วทั้งสถาบัน

 

 

เด็กชายและเด็กหญิงในชุดขาวกำลังเดินอยู่บนทางเดินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

 

มันเป็นทิวทัศน์หลังเที่ยงเช่นเคย เป็นฉากที่เห็นได้แทบทุกวัน

 

 

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศอันแสนสงบสุขก็ถูกทำลายลง

 

 

 

「ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!」

 

เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทั้งอาคารเรียน

 

 

น่าแปลกที่ดวงตาของเหล่านักเรียนต่างจับจ้องไปยังลานฝึกที่ซ่อมเสร็จแล้ว

 

 

เสียงระเบิดที่ได้ยินอย่างต่อเนื่อง

 

 

ตู้ม ตู้ม เสียงคำรามที่ดังก้องติดต่อกันอย่างรวดเร็วเป็นเหมือนกับการโจมตีขนาดใหญ่

 

 

เสียงระเบิดที่เขย่าบรรยากาศของสถาบันชั่วครู่หนึ่ง แต่เมื่อได้ยินเสียงดังและควันที่ลอยฟุ้ง จากนั้นก็ไม่ได้ยินอะไรอีกเลย

และทั้งสถาบันก็สงบลง นักเรียนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้แต่มองขึ้นไปที่ลานฝึกอย่างตกตะลึง

 

 

◆◇◆

 

 

ในลานฝึกการต่อสู้ที่ส่งเสียงคำรามมาก่อนหน้านี้ก็คือของชายคนหนึ่งที่กำลังถือดาบยักษ์อยู่บนพื้น โดยนอกสนามมีไอริส ซีน่า และ โซเมีย จากสถาบันอีคอร์ส

 

 

ข้างหน้าเขามีร่างของโนโซมุที่นอนราบ

 

 

เมื่อกำลังจะออกจากห้องเรียนในช่วงพักกลางวันโนโซมุก็โดนจิฮัดลากมา และถูกนำมาที่สนามฝึกเพื่อจำลองการต่อสู้อีกครั้ง

 

「……ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก เป็นศพไปแล้ว」

 

ฟีโอที่รีบเข้าไปหาโนโซมุที่กำลังนอนอยู่บนพื้นและในขณะที่ใช้นิ้วจิ้มๆ และสวดมนต์

 

「……ยังอยู่เฟ้ย」

 

「ฟุเกีย!」

 

โนโซมุคว้าหางของฟีโอไว้

 

 

เมื่อฟีโอโดนจับหางก็ร้องเสียงหลง โนโซมุยิ้มออกมา

 

 

ภาพลักษณ์ตอนนี้เหมือนผีที่คลานออกมาจากหลุมศพ ฟีโอที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจ

 

 

 

「เอ่อ โนโซมุ สบายดีรึเปล่า?」

 

「อ่าครับ น่าเสียดายหน่อยนะแต่ขอยืมหางหน่อย」

 

「เฮ่ ! หางมันไวต่อ………อ้าาาาาาา!」

 

โนโซมุยืนขึ้นโดยใช้หางของฟีโอเป็นเชือก

 

 

จิ้งจอกนั่นกำลังกรีดร้อง แต่โนโซมุก็เมินเฉย

 

 

เมื่อดึงหางไปจนสุด ฟีโอก็กรีดร้องลั่นและล้มลง

 

 

โนโซมุที่เผชิญหน้ากับจิฮัดก็ลุกขึ้นมา

 

「อืม คิดได้ดีเลยนี่หน่า แผนที่สกัดกั้นดาบของข้าก็ไม่ได้แย่ แต่บางทีหากมีแรงมากกว่านี้ก็คงจะดีนะ?」

 

「กำลังพูดอะไรครับเนี่ยทั้งๆที่ซัดคนอื่นจนปลิวว่อนแท้ๆเชียว……」

 

โนโซมุบ่นออกมา

 

 

อย่างที่เห็นโนโซมุแพ้อีกแล้ว

 

 

โนโซมุที่กำลังสกัดกั้นดาบยักษ์ที่เหวี่ยงไปมา และมุดลงกับพื้นเพื่อไม่ให้โดนเขี้ยวยักษ์ที่ฟันมา

 

 

และเมื่อเขากระโดดขึ้นไปบนดาบยักษ์ก็ฟันไปที่เขี้ยวยักษ์ด้วย “คมดาบมายา-บทสุดท้าย”

 

 

ปิดผนึกอาวุธของฝ่ายตรงข้ามด้วยน้ำหนักของตัวเขาและใช้ดาบในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม

 

 

โดยปกติแล้วเขาจะต้องทิ้งอาวุธและเริ่มหนี ไม่งั้นก็โดนโนโซมุฟันแน่ๆ

 

 

แต่ว่าจิฮัดก็ดึงดาบออกมาด้วยแรงของเขาและเหวี่ยงโนโซมุขึ้นไปบนฟ้า

 

 

แรงช้างสารนั่นทำให้เกิดภาพแบบนั้นขึ้นมา

 

 

โนโซมุที่ลอยขึ้นไปบนอากาศก็ตกใจ และเมื่อสังเกตเห็นก็ตกลงมาอยู่ใต้เขี้ยวยักษ์แล้ว

 

 

 

「ในตอนท้ายที่หลบนั้น ในร่างกายนั้น ดูเหมือนพลังคิจะเหลือไม่เยอะ……」

 

「ขอบคุณครับ…อย่างไรก็ตามมีความคิดอื่นๆอีกไหมครับ?」

 

โนโซมุจ้องมองไปยังจิฮัด ในทางกลับกันจิฮัดก็กังวลในสิ่งเดียวกัน

 

「อืม จะบอกว่าไงดีนายใช้ความพยายามมากเกินไปรึเปล่า? เข้าใจดีอยู่หรอกที่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเหวี่ยงดาบเหมือนการต่อสู้จำลองก่อนหน้านี้ แต่ว่าก็ต้องมาปรับแก้กันอยู่นะ」

 

「ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยครับ!」

 

โนโซมุเอื้อมมือลงไปที่พื้นและดินที่ถูกตักขึ้นมา

 

 

เป็นความจริงที่ว่าบาเรียเวทย์ไม่มีปัญหา แต่ว่าสภาพโดยล้อมล่ะเห้ย

 

 

อย่างไรก็ตามการอาละวาดแบบนี้มันก็

 

 

 

「ดูสิครับ สภาพโดยรอบเต็มไปด้วยหลุมหมดแล้วนะครับ ! แล้วลานฝึกล่ะครับ ! อาจารย์อินด้าเป็นลมไปแล้วนะครับ!」

 

นอกสนามมีอาจารย์อินด้าที่ลมจับอยู่

 

 

ทิม่าและซีน่ากำลังเรียกสติอาจารย์อินด้ากลับมา แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ

 

 

 

「เอ่อ….ก็จริงที่ว่ามีหลุมไปทั่วแต่ว่ามีบาเรียเวทย์อยู่ก็ไม่น่าเป็นปัญหาหรอกมั้งนะ?」

 

「พอกันทีครับ……」

 

โนโซมุแหงนหน้ามองฟ้าพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก

 

 

ครั้งแรกที่พบกันและได้ยินว่าเขาเล่าเรื่องของอาจารย์ให้ฟังก็คิดว่าเป็นคนหัวดี

 

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับชิโนะเลยแม้แต่น้อย สามัญสำนึกพังทั้งคู่

 

 

โนโซมุก้มหน้าลงขณะถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

 

 

「เอ่อถ้างั้นขอตัวก่อนนะครับ……」

 

「อืม ขอให้โชคดี คาบเรียนบ่ายก็พยายามเข้าล่ะ」

 

โนโซมุและเพื่อนๆต่างออกจากลานฝึกพร้อมกับพูด “ครับ/ค่ะ”ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

 

 

จิฮัดมองแผ่นหลังของโนโซมุ แต่เมื่อเขาหันหลังกลับก็ได้ยินน้ำเสียงของอินด้าที่เต็มไปด้วยความมืดมน

 

 

เนื่องจากแสงสะท้อนเลยไม่เห็นใบหน้าหลังแว่นที่ใส่

 

 

 

「ท่านจิฮัด……」

 

「เอ่อ อินด้า ค่อยๆนะ……」

 

จิฮัดที่บอกว่า “ไปทานอาหารกลางวันกัน” เมื่ออินด้าได้ยินแบบนั้นและมาพยายามยืนยัน

 

 

เมื่อมองลงไปที่จิฮัดถืออยู่ในมือมันเป็นพลั่วขนาดใหญ่

 

 

 

「เพราะงั้นช่วยเก็บกวาดด้วยนะคะ」

 

「……เอ๋?」

 

ขณะชี้ไปที่ลานฝึกที่เต็มไปด้วยหลุม จิฮัดก็ส่งเสียงตกใจออกมากับเสียงของอินด้า

 

 

หลังจากนั้นดูเหมือนว่าชายร่างใหญ่จะต้องมาขุดดินทำให้พื้นกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างสิ้นหวัง

 

 

 

 

 

◆◇◆

 

 

「เฮ้อได้ประสบการณ์แย่ๆมาซะได้……」

 

โนโซมุทำหน้าโกรธ ขณะออกจากลานฝึกกับเพื่อนของเขาและมุ่งหน้าไปยังลานภายในสถาบัน

 

 

สภาพของโนโซมุไม่ค่อยดีนัก อาจเพราะการต่อสู้จำลองเมื่อกี้

 

「คุณโนโซมุ ไม่เป็นอะไรนะคะ?」

 

โซเมียถามขณะมองหน้าโนโซมุด้วยความเป็นกังวล

 

 

โนโซมุโบกมือและพยายามจะตอบแต่ก็โดนหยุดเอาไว้

 

 

 

「ขอโทษนะคะ แต่รู้ไหมว่า คุณจิฮัด รันเดล อยู่ที่ไหน?」

 

「เอ๋?」

 

เป็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีอายุหน่อยๆและไม่น่าจะเป็นคนของสถาบัน  

 

「เอ่อ เป็นใครงั้นเหรอครับ?」

 

「ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันชื่อ เม็กเลีย・รีเฟล็ก(メクリア・アフレクト)เป็นเมดประจำตระกูลเฟบูรัน(ファブラン)」

 

「ตระกูลเฟบูรัน……」

 

ไอริสที่ได้ยินชื่อตระกูลเฟบูรัน ก็หันไปมองผู้หญิงที่ชื่อเม็กเลีย

 

 

คล้ายกับไอริสมีผมสีดำยาวถึงเอวและรูปลักษณ์เองก็เป็นคนที่งดงามอย่างมากเหมือนผลไม้ที่สุกงอม

 

 

ร่างกายที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดสีดำชวนให้นึกถึงชุดไว้ทุกข์ ดันหน้าอกให้แน่นขึ้น และจากกระโปรงที่มีรอยผ่านั้น มีขาสีขาวเนียนเหยียดยาวให้เห็น

 

 

สวยราวกับตุ๊กตา ผิวขาวเนียน นัยน์ตาใส่เหมือนกับแก้ว

 

 

เมื่อมองแวบแรกดูเป็นคนเรียบร้อย แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเจ้าเสน่ห์ ด้วยรอยยิ้มอันแสนเย้ายวนและเครื่องแต่งกายสีดำ

 

 

 

「เอ่อไม่ทราบว่าทางนั้นคือลูกสาวของตระกูลฟรานซิสสินะคะ? ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ」

 

「ไม่หรอกค่ะ ดิฉันเองก็ได้ยินเรื่องของคุณเม็กเลียมามาก ถึงขนาดนั้นได้รับความไว้วางใจจากท่าน อีกอร์ต เฟบูรัน(エグロード・ファブラン) และเป็นคนที่มีความสามารถมากเลยนี่ค่ะ」

 

「เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่รู้จักดิฉันหัวหน้าตระกูลฟรานซิสคนต่อไป」

 

ไอริสและเมคเลียทักทายกัน

 

 

เริ่มต้นด้วยการใช้ถ้อยคำสุดซับซ้อน ทำให้บรรยากาศดูสูงส่ง ซึ่งมันต่างจากคำศัพท์ที่เหล่านักเรียนทั่วไปใช้กัน ทั้งสองต่างยิ้มและชื่นชมอีกฝ่าย

 

 

ความจริงที่ว่าไอริสได้รับการยอมรับจากตระกูลเฟบูรัน และเม็กเลียเองก็ยกย่องไอริสที่ได้เกรดดีด้วย

 

 

ในขณะที่ยิ้มแลกเปลี่ยนคำพูดกัน การสนทนาของทั้งสองก็ยังดำเนินต่อไป

 

 

แน่นอนว่าคนธรรมดาสามัญอย่างพวกเราเข้าไปยุ่งไม่ได้

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะสวยเสื้อผ้าที่แสนงดงามแต่ก็มีบรรยากาศตึงเครียดระหว่างทั้งสอง

 

 

ขาวดำเป็นโทนหลัก มันเหมือนกับมีดที่เคลือบไปด้วยพิษอยู่ด้านหลัง

 

 

โนโซมุถึงกับกลืนน้ำลาย

 

 

ทั้งสองสนทนากันอย่างสุภาพมาสักพัก แต่ในที่สุดเม็กเลียก็ถามออกมา

 

 

 

「อ่า คุณเม็กเลียไม่ทราบว่ามาที่นี่ด้วย จุดประสงค์อันใดเหรอคะ?」

 

「ดิฉันมาที่นี่เพราะมีความจำเป็นต้องเข้าพบท่านจิฮัด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานค่ะ……」

 

「ถ้าอาจารย์จิฮัดล่ะก็อยู่ที่ลานฝึกค่ะ」

 

ไอริสหันหลังกลับไปทางลานฝึกที่พึ่งออกมา

 

「ขอบคุณมากเลยนะคะ ……」

 

เพราะแบบนั้นเองเม็กเลียเลยเข้าไปในลานฝึก

 

 

โนโซมุที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่ก็มองไอริส

 

「ไอริส รู้จักเธอคนนั้นเหรอ?」

 

「ไม่หรอกค่ะ ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ว่าตระกูลเฟบูรันเองก็ยิ่งใหญ่เท่ากับตระกูลฟรานซิสค่ะ และเคยเจอหัวหน้าตระกูลในงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง」

 

「เอ๊ะ……」

 

ความเงียบเข้าปกคลุมทันที

 

 

ก็ไม่ค่อยเข้าใจสังคมชั้นสูงเท่าไร แต่ดูจากบรรยากาศแล้ว ดูเหมือนไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเป็นมิตรเสียเท่าไร

 

 

 

「สำหรับเรื่องนั้นคำตอบดูไม่เข้ากันเลยใช่ไหมล่ะ? และอากาศเองก็หนักหน่วงเกินไปสำหรับการพบกันครั้งแรก?」

 

ในขณะเดียวกันฟีโอก็ได้ทำลายความเงียบและถามคำถามออกมา

 

 

ไอริสยิ้มอย่างขมขื่นกับฟีโอ

 

 

 

「บ้านฉันกับบ้านโน้นไม่ค่อยถูกกันเท่าไรค่ะ จะเรียกได้ว่าเป็นศัตรูทางการเมืองก็ว่าได้……」

 

โนโซมุและคนอื่นๆก็คิดแบบนั้น

 

 

แน่นอนว่ามีความรู้สึกเร่งรีบไปด้วย สำหรับคนที่พบกันครั้งแรก

 

 

 

「บ้านของฉัน ตระกูลฟรานซิส เห็นด้วยกับการก่อตั้งสถาบันโซลมินาติ และพ่อของฉันก็ทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างอาร์คาซัมขึ้นมา ไม่เพียงแต่ในฟอเกียแต่ทั่วทั้งทวีป ในทางกลับกัน เฟบูรัน ไม่ได้ทำและพยายามต่อต้านอย่างต่อเนื่อง」

 

ตามทีไอริสกล่าวดูเหมือนว่าเม็กเลียจะเป็นเมดที่มารับใช้ตระกูลเมื่อไม่กี่ปีก่อน

 

 

ในเวลานั้นตระกูลเฟบูรันมีปัญหา และมีการกล่าวได้ว่าใช้เวลา 20 ปีในการแก้ปัญหา

 

 

อย่างไรก็ตามเม็กเลียนั้นแก้ปัญหาได้ในไม่กี่เดือนและความสำเร็จก็ได้รับการยอมรับและตอนนี้ดูเหมือนว่ากำลังรับใช้ตระกูลเฟบูรันอยู่

 

 

อย่างที่เห็นเธอยังเป็นผู้หญิงที่สวย ดังนั้นดูเหมือนว่าเธอเองก็มีหน้ามีตาในแวดวงสังคมบ้าง

 

 

 

「เมื่อเร็วๆนี้ตระกูลเฟบูรันได้อำนาจกลับคืนมา และแรงผลักดันก็คือเม็กเลีย」

 

「เท่าที่ได้ยินเรื่องราวของไอริสเนี่ยเธอค่อนข้างเก่งเลยใช่ไหม……」

 

「แล้วทำไมตระกูลแบบนั้นถึงได้มาที่นี่……」

 

「ก็ไม่รู้สินะ……」

 

ดูเหมือนไอริสเองก็ไม่รู้

 

「จะกังวลไปเพื่ออะไรกันล่ะ ถ้าไม่รู้จักไอริสดีพอที่จะคุยกับเธอนี่?」

 

มาร์นั้นไม่ค่อยคิดอะไร แต่ว่านั่นก็ถูก

 

 

จริงๆแล้วมีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะพูดคุย

 

 

เรื่องที่เม็กเลียนำมาอาจจะเป็นข่าวร้าย แต่สถานบันนี้ก็ถูกสร้างขึ้นตามติจากประเทศต่างๆ

 

 

ยากที่จะคิดว่ามันจะเอนเอียงเพราะตระกูลใหญ่เพียงตระกูลเดียว

 

 

 

「นั่นสินะ……」

 

「คราวนี้เรารีบไปที่ลานกันก่อนไหม ถ้าไม่รีบได้พลาดมื้อเที่ยงแน่ๆ……」

 

มิมูรุเตือนขณะหิวมาก

หางและหูห้อยตกลงมาราวกับไม่มีแรง และดูเหมือนว่าเสียงของท้องจะดังออกมา

 

「นั่นสินะไปกันเถอะ」

 

ไอริสที่ยอมแพ้กับท่าทางของมิมูรุ ยิ้มอย่างไร้เดียงสา ไม่เหมือนกับตอนที่คุยกับเม็กเลีย

 

 

มีต้นไม้มากมายและมันเหมาะแก่การหลบแดดในฤดูร้อนแบบนี้

 

 

“ยัตต้า!”มิมูรุพูดแบบนั้นและกำมือทอมเอาไว้ขณะก้าวไปข้างหน้า

 

 

โนโซมุเองที่เห็นแผ่นหลังของทุกคนก็ยิ้มอย่างมีความสุข

 

 

 

「เอ่อ โนโซมุ……」

 

「เอ๋?」

 

เมื่อสังเกตก็เห็นไอริสมายืนข้างๆเขา ขณะกำลังจัดผมของตัวเธอและมองโนโซมุมา

 

「เอ่อสภาพฉันดูเป็นไงบ้างเมื่อกี้?」

 

「เอ๋?」

 

「ถ้าเทียบกับฉันในตอนนี้แล้ว」

 

เห็นได้ชัดว่าไอริสค่อนข้างกังวลภาพลักษณ์ของเธอ

 

 

เธอคงไม่อยากให้เพื่อนสนิทเห็นท่าทางแบบนั้น

 

 

ท่าทีของเธอนั้นแปลกไปต่างจากปกติ

 

 

แน่นอนว่าโนโซมุเองก็ตกใจอยู่หรอกที่ไอริสพูดคุยกับเม็กเลียด้วยภาษาของชนชั้นสูง หากเป็นเมื่อก่อนผมเองก็คงมีเกร็งๆบ้างที่ต้องคุยกับไอริสในสภาพนั้น

 

 

อย่างไรก็ตามโนโซมุคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก

 

 

แม้ว่าจะดูแปลกตาและกดดัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ชอบ

 

 

โนโซมุส่ายหัวราวกับบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่ท่าทางของไอริสก็ยังคงกังวล

 

 

ราวกับเด็กที่กลัวความมืด

 

 

 

「……จริงๆเหรอ?」

 

「แน่นอนสิ กำลังพูดอะไรอยู่ล่ะเนี่ย?」

 

ในตอนแรกโนโซมุเองก็ไม่ได้เปิดเผยอดีตทั้งหมด ซึ่งมันก็เจ็บปวดเหมือนกันหากมีความสัมพันธ์กันในระดับนั้น เหมือนกับเทียแมต

 

 

ขณะที่พูดไปอย่างนั้น โนโซมุก็ชี้ไปยังพวกมิมูรุ

 

「เอิ่ม ผมคิดว่าทุกคนเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนะครับดูสิ?」

 

「นี่ ! ทั้งสองคนเร็วเข้า!」

 

「พี่จ๋า เป็นอะไรไปคะ~!」

 

「ทำอะไรกันอยู่นะทั้งสองคน ! คาบพักจะหมดแล้วนะ!」

 

ท่าทางของเพื่อนๆก็ยังคงเหมือนเดิม

 

 

โนโซมุมองไปทางไอริสและยักไหล่

 

 

ไอริสก็วิ่งไปหาพวกเขา

 

 

รอยยิ้มบนมุมปากเป็นประกายเจิดจ้า ไม่เหมือนกับตอนที่คุยกับเม็กเลีย

 

 

 

◆◇◆

 

 

ขณะที่พวกโนโซมุกำลังมุ่งหน้าไปยังลานกว้าง จิฮัดและอินด้าก็ได้รับหนังสือจากตระกูลเฟบูรันที่นำมาโดยเม็กเลียที่เป็นผู้ส่งสาร

อย่างไรก็ตามท่าทางของจิฮัดไม่ได้อยู่ในสภาพของวีรบุรุษ แต่เป็นภาพของตาแก่ที่กำลังซ่อมหลุมอยู่

 

「แท้จริงแล้วฉันได้รับหนังสือนี้มาจากนายให้มาส่งให้ค่ะ」

 

「ขอบคุณมากที่มาส่งให้นะ ถ้าไม่รังเกียจลองเดินสำรวจรอบๆสถาบันดีไหม?」

 

เมื่อจดหมายที่ได้รับถูกส่งให้อินด้า จิฮัดก็ถามเม็กเลียว่าไปเดินเล่นหน่อยไหม

อย่างไรก็ตามเธอปฏิเสธ

 

「ไม่หรอกค่ะ ก็นับว่าเป็นคำเชิญที่ดี แต่ว่าวันนี้ดิฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ แต่ว่าก็เป็นอาคารเรียนที่ดีนะคะ……」

 

เม็กเลียมองดูอาคารที่อยู่ทางด้านหลัง

 

 

สายตานั้นหมุนวนไปรอบๆและกลับมาจ้องจิฮัดอีกรอบ

 

 

แววตาเยือกเย็น ไม่ใช่ดวงตาที่ซ่อนความอบอุ่นเหมือนอินด้า แต่เป็นแววตาที่ไม่ใช่ของมนุษย์เลย

 

「แต่ว่ามันก็น่าเศร้า จนถึงตอนนี้ก็มีหลายคนต้องร่ำไห้เพราะกลับบ้านเกิดไม่ได้ พวกเราต้องพาเขากลับบ้านเกิดโดยเร็วที่สุดค่ะ」

 

「อืม ทางนี้ก็พยายามอย่างเต็มที่อยู่นะ」

 

จิฮัดและเม็กเลียแลกเปลี่ยนคำพูดกัน คามความเป็นจริงมันเป็นเหมือนกับเหน็บแหนมมากกว่า

 

 

ในความหมายหนึ่ง“พวกเราต้องการกองทหารในทันที ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้เงินสูญเปล่าไปกับสถานที่แบบนี้”เธอบอกแบบนั้น

 

「ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องในคราวนี้ ดิฉันเองก็พักอยู่ในเมืองนี้ตามคำสั่งของนายท่านค่ะ」

 

เม็กเลียพูดแบบนั้นและออกไป

 

 

สิ่งที่เหลืออยู่คือจิฮัดที่เปื้อนดินและอินด้าที่ถือจดหมาย

 

 

 

「แล้วตระกูลเฟบูรันมาทำอะไรที่นี่?」

 

「นั่นสินะ……」

 

จิฮัดคว้าจดหมายออกมาและเปิดตราประทับเพื่ออ่านมัน

 

 

อินด้าเหลือบมองไปที่ท่าทางอันแสนหยาบคายของจิฮัด แต่เขาก็ยังอ่านต่อไปโดยไม่สนใจ

 

 

ในที่สุดจิฮัดก็ถอนหายใจออกมาและเอาจดหมายให้อินด้า

 

 

 

「มันเขียนอะไรไว้บ้างเหรอคะ?」

 

「เป็นจดหมายประท้วงเหตุการณ์ของอบีตไงล่ะ แถมเป็นจดหมายทีมาจากตระกูลที่มากชื่อพอที่จะกดสถาบันให้จมดินเลย」

 

หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงเรื่องการฟื้นคืนชีพอบีต

 

 

ประท้วงและมีคำสั่งโดยละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น อย่าทำการทดลองที่ไม่ปลอดภัย อย่าทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อสมาชิกสภา และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย

 

 

ประเด็นคือการล่วงละเมิดในนามหนังสือแสดงเจตจำนง

 

 

จริงๆแล้ว ก็ประทับใจที่พยายามจะหาเรื่องบ่นให้ได้นะ

 

 

และตอนท้ายของประโยคก็ยังพูดว่า

 

 

 

“ในสถานการณ์ปัจจุบันในทวีปนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่แต่ละประเทศจะได้ดินแดนที่สูญเสียไปเมื่อสิบปีก่อนกลับคืนมา และอยากจะขอให้สถาบันโซลมินาติร่วมมือกับเรามากขึ้นในอนาคต”

 

「กล่าวอีกนัยหนึ่งให้ยุบสถาบันทิ้งซะและส่งไปเป็นทหารได้แล้ว」

 

จิฮัดยกมือทั้งสองขึ้นราวกับตกใจ ความขุ่นเคืองของเขาก็ผุดขึ้นมา

 

「อย่างไรก็ตามคดี อบีตก่อนหน้านี้ก็คลี่คลายไปแล้วนะ……」

 

「แต่ว่ามันก็เป็นการละเมิด นอกจากนี้อาจจะพยายามระงับพฤติกรรมของพวกเราด้วย」

 

ดูเหมือนว่าจะชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของอีกฝ่ายและจะใช้มันเป็นตัวต่อรอง

 

 

“เพราะงั้นก็รบกวนด้วย!”

 

 

ราวกับบอกว่าถ้าเกิดเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้อีก ก็อยากจะยืมมือฝ่ายนี้อีกแน่นอน

 

 

อย่างไรก็ตาม มีแต่ได้ทั้งนั้นพวกนั้นเนี่ย

 

 

 

「แล้วจะทำยังไงดีค่ะ?」

 

「ถ้าแค่บ่นก็ปล่อยมันไปเถอะ พวกเราไม่สามารถห้ามอะไรได้ แต่ว่าการที่ส่งเม็กเลียมาที่นี่ก็เพื่อจับตาดูพวกเราเป็นแน่」

 

「เอาล่ะถ้าแบบนั้นท่านจิฮัดก็ทำงานต่อด้วยค่ะ ทำงาน ทำงาน ทำงาน」

 

จากนั้นอินด้าก็ชี้ไปที่หลุม

 

「……สรุปนี่ข้ายังต้องทำอีกเหรอ?」

 

「ค่ะ เพราะงั้นเร่งมือด้วย พวกเราไม่มีเวลาก่อนจะเริ่มเรียนภาคบ่ายนะคะ เพราะงั้นให้ว่องเลย ตอนแรกก็กะว่าจะลดงานให้แล้วแท้ๆแต่ดันสร้างเรื่องเพิ่มซะได้ค่ะ」

 

เบื้องหลังคำพูดอันแสนสุภาพก็คือ “เร็วๆเข้าสิ”

 

 

ไม่มีการต่อรองโดยเล็กน้อย เป็นการสั่งอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนกับ …สั่งและจิฮัดเองก็ต้องมาทำงานซ่อมหลุมต่อไป

 

 

 

โอ๊ะ แปลทะลุ 100 ตอนแล้วเหรอ แล้วแต่ละตอนยาวประมาณ 30 หน้า + ลองคิดตามมาตราฐานแล้ว 30×101 ก็ประมาณ 3030 หน้าใช่มะ? นิยายส่วนใหญ่ก็ประมาณ 400 หน้า เท่ากับผมแปลนิยายไปเกือบประมาณ 7 เล่ม? โอ๊ะ เยอะจริง เหนื่อยจังเลย ไปนอนและ