บทที่ 71 หม้อระงับวิญญาณ
บทที่ 71 หม้อระงับวิญญาณ
“น้องโจว ผมจะส่งคำเชิญเข้าร่วมการประมูลหม้อระงับวิญญาณออกไปสู่สารธารณชน และคนที่ให้ราคาสูงสุดจะได้รับมัน” เมื่อเห็นว่าโจวอี้เงียบ หลี่หงอี้จึงกล่าวไปตามตรงว่า “ผมเกรงว่าจะมีคนอยากได้หม้อระงับวิญญาณก่อนการประมูล ดังนั้นผมต้องการให้คุณช่วยปกป้องมัน หลังจากการประมูลของหม้อระงับวิญญาณเสร็จสิ้นแล้ว คุณจะได้รับเงินสามสิบเปอร์เซ็นต์จากการประมูลที่ได้!”
“ผมไม่ต้องการเงิน” โจวอี้ตอบ
“งั้นสี่สิบเปอร์เซ็นต์”
“พี่หลี่ มันไม่เกี่ยวกับเงิน ผม…”
“ห้าสิบเปอร์เซ็นต์!” หลี่หงอี้กัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “น้องโจว ตอนที่ผมซื้อหม้อระงับวิญญาณ ผมใช้เงินไปมากถึงสองร้อยล้านหยวน เพราะงั้นผมจ่ายให้คุณได้มากสุดห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น! แต่ผมก็ไม่รู้ว่าหม้อระงับวิญญาณจะขายออกได้เท่าไหร่?”
ซื้อมาสองร้อยล้าน?!
โจวอี้อ้าปากค้าง
เขาคิดว่าตัวเองกลายเป็นเศรษฐีแล้วและภูมิใจในตัวเองมาตั้งหลายวัน แต่ใครจะคิดว่าทรัพย์สินทั้งหมดของเขายังน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของราคาหม้อระงับวิญญาณนั่นอีก!
ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของสองร้อยล้านคือเท่าไหร่?
ร้อยล้าน?
โจวอี้ลอบกลืนน้ำลาย “พี่หลี่ ผมไม่สามารถรับผลประโยชน์นี้จากคุณได้ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
หลี่หงอี้ส่ายหัวและพูดว่า “น้องโจว คุณไม่ได้เอาเปรียบ มันมาจากความร่วมมือของเรา หากคุณไม่อยู่ช่วย แล้วถ้าเกิดมีคนบุกเข้ามาทำร้ายและยึดหม้อระงับวิญญาณไป ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะไม่ได้อะไรเลยนะ”
“ก็จริง…”
โจวอี้คิดว่าหลี่หงอี้พูดถูก
แต่มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเพื่อเงินหรือไม่?
ชายหนุ่มรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ธรรมดา แต่มีผู้คนมากมายในประเทศจีนที่ยิ่งใหญ่นี้กำลังทำตัวเป็นมังกรหลับ หากคนที่แข็งแกร่งมาแย่งชิงหม้อระงับวิญญาณไป เขาก็คงไม่สามารถเก็บคนพวกนั้นไว้ได้!
“น้องโจว ขอร้องล่ะ! แม้ว่าผมจะเป็นหนี้บุญคุณก็ตาม” หลี่หงอี้ยกแขนขึ้นประสานมือและอ้อนวอน
โจวอี้เงียบงัน
เขาครุ่นคิดอยู่หลายนาที
ชายหนุ่มไม่สนใจเรื่องส่วนแบ่งนั้น ไม่ว่าจะหนึ่งร้อยสองร้อยล้าน หรือแม้จะเป็นหมื่นล้าน เขาก็ไม่ต้องการที่จะเสี่ยง!
แต่คำขอของหลี่หงอี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร?
โจวอี้อยากมาที่นี่เพื่อรับที่พักฟรี ถ้าปฏิเสธไปในเวลานี้ อีกฝ่ายคงจะขายหน้าแน่ ๆ
“สามวัน คุณช่วยผมแค่สามวันเท่านั้น!” หลี่หงอี้กล่าวทันที
สามวัน?
โจวอี้ขมวดคิ้วและคิดอีกครั้งครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ แต่ผมต้องการส่วนแบ่งแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น”
“ห้าสิบเปอร์เซ็นต์!” หลี่หงอี้กล่าวอย่างเร่งรีบ
“นั่นมากเกินไป สามสิบเปอร์เซ็นต์ก็เพียงพอแล้วครับ” โจวอี้กล่าว
“ถ้างั้น… ก็ขอให้การร่วมมือของพวกเราราบรื่น” หลี่หงอี้โล่งใจ
“ดื่ม!”
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่หงอี้ก็ออกจากห้องโถง
โจวอี้นั่งเงียบ ๆ อยู่ที่โซฟา เขาสูบบุหรี่พลางครุ่นคิดว่าจะจัดการอย่างไร
กฎข้อที่ 9 ของการออกจากภูเขาของตระกูลโจว ‘เมื่อผู้คนรวบรวมฟืน พวกเขาเปี่ยมด้วยไฟ’
เขาจุดบุหรี่แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของใครบางคน
“พี่หวง เรามาพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจกันเถอะ?”
หวงไห่เทาเพิ่งวางสาย ทันใดนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากโจวอี้
“ธุรกิจอะไร?”
“ร่วมมือกับผม แล้วผมจะแบ่งผลประโยชน์ให้สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่ากัน” โจวอี้กล่าว
“เรื่องหม้อระงับวิญญาณ?” หวงไห่เทาถามอย่างเคร่งขรึม
“คุณก็รู้เหรอ?”
“เหลาเฉิงเพิ่งโทรหาฉัน” หวงไห่เทาตอบ
“หลี่หงอี้กำลังจะนำหม้อระงับวิญญาณไปประมูล เขาเลยขอให้ผมดูแลมันไว้สามวัน หลังจากขายมันแล้ว เขาจะให้ผมสามสิบเปอร์เซ็นต์” หลังจากโจวอี้พูดจบ เขาก็ถามต่อว่า “คุณอยากเข้าร่วมด้วยไหม?”
“ในตระกูลหวงของเรามีผู้เชี่ยวชาญไม่มากนัก ถ้าขนาดคุณยังปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วผมจะช่วยอะไรคุณได้?” หวงไห่เทากล่าว
“ปืน …อย่างน้อยขอสักสามสิบกระบอก!”
“คุณจะไม่ใช้ศิลปะโบราณในการต่อสู้แล้วเหรอ?” หวงไห่เทาถามด้วยความประหลาดใจ
“ผมไม่ใช่สมาชิกของโลกแห่งศิลปะการต่อสู้โบราณสักหน่อย แต่ทั้งหมดที่รู้คือ… ใครก็ตามที่กล้าที่จะยึดหม้อระงับวิญญาณไป นั่นก็คือศัตรูของผม” โจวอี้พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เข้าใจแล้ว งั้นผมจะโทรหาเฉิงฮ่าวทีหลังแล้วปล่อยให้เขาเข้าร่วมด้วย! การหาเงินแบบนี้ ได้มากได้น้อยไม่สำคัญ แต่ที่สำคัญคือต้องแก้ปัญหาให้ราบรื่น!”
“ไม่มีปัญหา แล้วก็เดี๋ยวผมจะแวะไปฝังเข็มให้ปู่ของคุณด้วยที่คฤหาสน์ตระกูลหวง”
โจวอี้วางสายพร้อมความรู้สึกหมดหนทาง
เขาแค่อยากจะอยู่ที่นี่สักสองสามวัน แต่ใครล่ะที่อยากจะมีส่วนร่วมในเรื่องแบบนี้? เหมือนที่หวงไห่เทาว่า ไม่สำคัญว่าจะต้องมีรายได้มากหรือน้อย แต่ต้องแก้ปัญหาได้อย่างราบรื่น!
“ศิษย์น้อง ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ” หลินเวยซึ่งอยู่ในห้องโถงมาหลายนาทีพูดขึ้น
“ครับ นี่มันแย่จริง ๆ แต่เราสัญญาแล้วว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้!” โจวอี้ส่ายหัว
“แล้วฉันต้องทำอะไร?” หลินเวยถาม
“คุณสามารถทำงานง่าย ๆ และพยายามไม่มีส่วนร่วมเท่าที่ทำได้” โจวอี้กล่าว
“ฉันอยู่กับนายที่นี่ …คิดว่าฉันจะรอดเหรอ?” หลินเว่ยถามกลับ
โจวอี้พูดไม่ออก “…”
นั่นคือสิ่งที่ควรกังวล เพราะถ้าหลินเวยตกอยู่ในอันตราย แล้วเขาจะยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร?
“ลืมมันไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้แล้วมาดื่มกันเถอะ” หลินเวยยิ้มและโยนขวดเบียร์ให้โจวอี้
โจวอี้ปฏิเสธที่จะดื่ม “ไม่ คุณขับรถได้ไหม ผมมีสองที่ที่จะต้องไป”
“ได้… จะไปที่ไหน?”
“เดินไปคุยไปกันก่อน!” โจวอี้วางขวดลงบนโต๊ะแล้วเร่งฝีเท้าทันที
ยามค่ำ
โจวอี้ไปที่บ้านของเฉินเยว่ฉินเพื่อฝังเข็มให้เธอ จากนั้นก็รีบไปที่คฤหาสน์ตระกูลหวงเพื่อฝังเข็มให้ผู้อาวุโสหวง ก่อนจะกลับไปที่พาราไดซ์คลับ
บัดนี้เฉิงฮ่าวมาถึงแล้ว และในเวลานี้เขากำลังคุยกับหลี่หงอี้ เมื่อพวกเขาเห็นโจวอี้ หวงไห่เทา และหลินเวยที่พากันเข้ามาในห้องโถง พวกเขาก็ลุกขึ้นทันที
“น้องโจว มันอยู่นี่แล้ว!” หลี่หงอี้ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางสีดำบนโต๊ะน้ำชา
เขาเพิ่งรู้เรื่องความสัมพันธ์ของโจวอี้กับหวงไห่เทามาจากเฉิงฮ่าว รวมถึงเรื่องที่โจวอี้เชิญหวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวมาช่วยปกป้องหม้อระงับวิญญาณใบนี้ด้วย
“เอาล่ะ จากนี้ไปเดี๋ยวผมจัดการเอง!” โจวอี้พยักหน้า
“ลองเปิดดูไหม” หวงไห่เทาถาม
หลี่หงอี้พยักหน้าก่อนจะเปิดกระเป๋าเดินทางให้เห็นหม้อระงับวิญญาณที่อยู่ด้านใน
หม้อนี้มีขาตั้งสีบรอนซ์ ตัวขาตั้งแกะสลักด้วยลวดลายมังกร ตราสัญลักษณ์ และอักขระโบราณ ขนาดของหม้อใบนี้ใหญ่พอ ๆ กับสองกำปั้น
“นี่คือหม้อระงับวิญญาณ?” โจวอี้รู้สึกว่ามันดูคุ้นเคย ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ใช่ มันคือหม้อระงับวิญญาณจากหนึ่งในเก้าหม้อ” หลี่หงอี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“คำสาปของมันอยู่ที่ไหน” โจวอี้ถาม
“อยู่ในขาตั้ง”
“ให้ผมดูหน่อย”
โจวอี้เอื้อมมือออกไปหยิบหม้อระงับวิญญาณมาเปิดฝาทันที!