ตอนที่ 23

My Disciples Are All Villains

ตอนที่ 23 พลังพิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

“ศิษย์พี่ก็ยังจะกลัวอยู่ละสินะ” ยี่เทียนซินที่พูดออกมานั้นส่งรอยยิ้มออกมาด้วย “ดูอย่างศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง และก็ตัวข้าสิ…พวกเราไม่เห็นจะต้องไปกลัวอะไร? ข้ายอมรับว่าตาแก่นั้นอาจจะมีไพ่ตายจริงๆ แต่การที่ตาแก่นั้นยังคงไว้ชีวิตพวกเราเอาไว้นั้นมันหมายความว่ายังไงกัน? หมายความว่าไพ่ตายนั่นมีขีดจำกัดยังไงล่ะ! “

“นอกจากนี้ตาแก่นั้นยังอายุมากขึ้นทุกวัน เส้นพลังลมปราณที่เป็นเหมือนกับแหล่งพลังงานจะต้องแห้งเหี่ยวลงทุกวันตามไป เมื่อเวลานั้นมาถึง เวลาที่เจ้าแก่นั้นใช้ไพ่ตายไปกับความเกลียดชัง ในเวลานั้นแหละที่พวกเราจะจัดการกับเจ้าแก่นั้นได้ “

จ้าวยู่ที่ได้ฟังอยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นั่นแหละ ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นแหละ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วละก็…เราจะต้องหากลอุบายเพื่อที่จะรู้ให้ได้ว่าตาแก่นั้นซ่อนไพ่ตายอะไรไว้กันแน่ ในกรณีที่เลวร้ายมากที่สุด ถ้าหากตาแก่นั้นรู้ว่าเราอยู่เบื้องหลังจริง เมื่อถึงตอนนั้นเราก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกซะจากรอให้เจ้านั่นแก่ตายไปเอง” ยี่เทียนซินพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะอันตราย

“…”

ยี่เที่ยซินไม่ได้อาศัยแต่เฉพาะวรยุทธ์ของเธอเพื่อที่จะเป็นใหญ่เท่านั้น เธอยังอาศัยภูมิปัญญาอันชาญฉลาดอีกด้วย

‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศิษย์น้องเจ็ดจะยกย่องศิษย์น้องหกถึงเรื่องความฉลาดมากขนาดนี้ในตอนที่พวกเราอยู่ที่ภูเขาทอง…’

แม้ว่าจ้าวยู่จะเป็นศิษย์พี่ของยี่เทียนซิน แต่ถึงแบบนั้นช่องว่างระหว่างวรยุทธ์ของทั้งสองคนก็ยังคงกว้างมากอยู่ดี ยี่เทียนซินมีอาวุธระดับสรวงสวรรค์อยู่ มันคือห่วงแห่งความเร้นลับนั่นเอง และเพราะแบบนั้นทำให้จ้าวยู่มีฝีมือน้อยกว่าศิษย์น้องของตัวเอง

“ศิษย์พี่ในตอนนี้อยู่ในพระราชวังจันทราแล้ว ไม่ว่าศิษย์จะตัดสินใจยังไง ข้าก็จะช่วยศิษย์พี่ทุกอย่างเอง”

“เอาล่ะ ขอโทษที่ต้องทำให้ลำบากนะศิษย์น้อง! “

หลังจากที่อยู่อย่างสันโดษมามากกว่าสองวัน ลู่โจวในตอนนี้ก็ยังคงไม่ออกมาจากการเก็บตัว ไม่ว่าจะเป็นวันที่สามก็แล้ว วันที่สี่ก็แล้ว

ลู่โจวในตอนนี้ได้เกาหัวจนแทบจะเลือดออก การเรียนคัมภีร์วีรชนอักษรสวรรค์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาได้เข้าใจบทสรุปบนหน้าแรกแล้ว แต่ส่วนที่เหลือนั้นลู่โจวยังคงไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย

ลู่โจวรู้สึกได้ถึงความยากลำบากนี้ได้ดี ความยากลำบากในการศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เหมือนกับการอ่านและทำความเข้าใจภาษาจีนดั้งเดิมเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่ง แต่ถึงแบบนั้นความยากในครั้งนี้มันก็ยากกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยถึง 100 เท่า

“เพื่อที่จะเข้าใจความคิดของผู้อื่น พวกเราควรจะกำจัดซึ่งความแตกต่างในหัวใจทั้งหมดไปซะก่อน ไม่ว่าจะความแตกต่างจากผู้คนของโลกไหน โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ หรือแม้แต่โลกนรก สุดท้ายแล้วทั้งหมดนั้นก็คือโลกใบเดียวกัน”

“เพื่อได้รับพลังอันศักดิ์สิทธิ์โดยไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้ ดวงตาแห่งสวรรค์อันแสนบริสุทธิ์ พวกเราทั้งหมดจึงควรรู้จักสิ่งที่เรียกว่า…”

“…”

ลู่โจวที่ได้อ่านบทความทั้งหมดได้ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ตัวเขาได้แต่พึมพำกับตัวเอง “นี่มันค่อนข้างคล้ายกับเนื้อหาปรัชญาของชาวลัทธิเต๋าที่ได้เคยร่ำเรียนมาจากที่โรงเรียนในโลกใบเก่า…”

ในชีวิตก่อนหน้านี้ ลู่โจวไม่ได้ศึกษาอะไรเกี่ยวกับปรัชญามากนัก ตัวเขาเข้าใจเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง แต่ถึงแม้ว่าเขาจะศึกษามามากแค่ไหนสุดท้ายแล้วลู่โจวก็ไม่อาจที่จะเข้าใจอะไรได้เลย สิ่งเหล่านี้นั้นมันลึกลับและดูเป็นนามธรรมที่เป็นเหมือนกับปรัชญามากเกินไป บางครั้งก็มีบางอย่างที่ฟังดูเหมือนกับเรื่องไร้สาระ แต่ถึงแม้ว่าจะสมเหตุสมผลแค่ไหนตัวลู่โจวที่ผ่านมาก็ไม่เคยเชื่อเลย

“นี่สินะพลังพิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์น่ะ? ” ลู่โจวได้ใช้มือของตัวเองเกาหัวอีกครั้ง

“ท่านอาจารย์อยู่อย่างสันโดษมาแล้วกว่าสี่วัน ศิษย์พี่สี่มาขอพบท่านอาจารย์เมื่อวานนี้ แต่ศิษย์ไม่กล้าที่จะรบกวนท่าน ศิษย์ก็เลยบอกให้ศิษย์พี่กลับไปก่อน”

ลู่โจวได้ปิดคัมภีร์เคล็ดวิชาลงไปจากระบบเมื่อได้ยินเสียงเรียก เวลาได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว การจะอ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์นั้นเป็นงานที่แสนน่าเบื่อสำหรับลู่โจว อย่างน้อยๆ ตัวเขาก็คิดแบบนั้น

“เจ้าสี่ได้พูดอะไรไหม? “

“ไม่ค่ะ”

“เจ้านั้นคงจะมีปัญหาในตอนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ขั้นสุดท้ายของเคล็ดวิชาเวหาพงพนาอยู่อย่างงั้นสินะ”

ลู่โจวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเอามือของเขาลูบไปที่ผมสีเทาขาว ใบหน้าของเขาในตอนนี้นั้นดูแดงก่ำกว่าเดิมเล็กน้อย ในระหว่างที่ตัวเขาเดินออกจากห้อง ดวงตาของหยวนเอ๋อก็เบิกกว้างขึ้น เธอในตอนนี้จ้องมองไปที่ลู่โจวด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นสักเท่าไหร่ “ทะ…ท่านอาจารย์! “

การแสดงออกของลู่โจวในตอนนี้ยังคงสงบเยือกเย็นและไร้อารมณ์ใดๆ เขายืนอยู่อย่างสงบพร้อมกับเอามือไขว้หลังเอาไว้ ตัวเขาในตอนนี้นั้นอายุน้อยลงไปกว่า 10 ปีด้วยกัน และเพราะแบบนั้นเองรูปร่างของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่ถึงแบบนั้นทั้งกระดูกของเขารวมไปถึงกล้ามเนื้อก็ยังคงแก่ชราอยู่ดี

“ท่านอาจารย์ ท่านดูเด็กขึ้นอีกแล้วนะคะ! ” หยวนเอ๋อกล่าวทักทาย

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้ตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา “เหตุผลที่ข้าจะต้องเก็บตัวอยู่อย่างสันโดษไม่ใช่เพราะการฝึกวรยุทธ์เพียงอย่างเดียวหรอกนะ ข้าได้ใช้เวลานั้นในการบำรุงรักษาร่างกายที่แก่ชราของข้าเอาไว้ด้วย วันนี้เจ้าทำงานได้ดีมาก”

“แฮะแฮะ นี่คือหน้าที่ของศิษย์ในฐานะที่ศิษย์เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ยังไงละคะ ศิษย์เชื่อว่าอาจารย์จะต้องไปได้ไกลกว่านี้ ท่านอาจารย์จะต้องเป็นคนแรกของยุทธภพที่สามารถฝึกยุทธ์จนไปถึงระดับนักบุญสวรรค์แห่งความลับได้! “

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็หัวเราะออกอย่างชอบใจก่อนที่จะเริ่มถามอะไรออกมา “วันนี้เจ้าสามส่งจดหมายกลับมารึยัง? “

ลู่โจวในตอนนี้ไม่ได้ข้อความการแจ้งเตือนอะไรจากระบบของเขาเลย ดูเหมือนว่างานที่ตัวเขามอบหมายเอาไว้จะไม่ได้คืบหน้าอะไร

ด้วยระดับวรยุทธ์ของด้วนมูเฉิงแล้ว ตัวเขาก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรในการไล่ตามโจวจี้เฟิงไป แต่ถึงแบบนั้นวันเวลาก็ผ่านมากว่าหลายวันแล้ว ตัวเขาที่ได้แจกแจงงานไปกลับไม่ได้แจ้งเตือนอะไรกลับมาเลย

แต่ถึงแม้ว่าลูกศิษย์คนนี้จะไม่ได้ทำงานเสร็จสิ้น แต่ตัวเขาก็ควรจะส่งจดหมายรายงานอะไรสักอย่างกลับมาสิ ทำไมไม่มีข่าวคราวเลยล่ะ?

“ศิษย์พี่ไม่ได้ส่งจดหมายอะไรกลับมาเลยค่ะ”

“นี่มันแปลกมาก” ลู่โจวได้ใช้มือของเขาลูบไปที่เคราของตัวเองก่อนที่จะเดินออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างช้าๆ

บรรยากาศด้านนอกตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยท้องฟ้าที่สดใสพร้อมกับแสงแดดที่ส่องสว่างแพรวพราว

“ท่านอาจารย์ เป็นไปได้ไหมที่ศิษย์พี่สามจะเป็นเหมือนกับศิษย์พี่หญิงจ้าวยู่…” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างเป็นกังวล

“ไม่ นั่นมันเป็นไปไม่ได้! ” ลู่โจวยกมือขึ้นมาห้ามหยวนเอ๋อพูดเอาไว้

ตัวเขารู้ดี ค่าความจงรักภักดีของด้วนมูเฉิงนั้นมีมากกว่า 70% แต่ค่าความจงรักภักดีของจ้าวยู่นั้นต่ำกว่ามาก และถ้าหากศิษย์คนนี้ได้ทรยศต่อสำนักไปจริงๆ ยังไงซะระบบที่ลู่โจวมีก็ต้องแจ้งเตือนเขา แต่เขากลับไม่ได้ยินการแจ้งเตือนอะไรจากระบบเลย นั่นหมายความว่าด้วนมูเฉิงคนนี้ยังไม่ได้คิดทรยศ

‘แต่ทำไมเขาไม่ได้รายงานอะไรกลับมาเลยล่ะ? ‘ ลู่โจวครุ่นคิดอยู่อย่างเงียบๆ

หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นจึงพูดออกมา “ท่านอาจารย์ ศิษย์ก็ไม่คิดหรอกนะว่าศิษย์พี่จะทรยศต่อท่านน่ะ เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากพอ ศิษย์พี่คงจะไม่คิดทรยศอย่างแน่นอน! “

ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นกับไม่ได้พูดอะไรกลับไป เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัดสินหัวใจของใครจากใบหน้าของคนคนนั้น เว้นแต่ว่าค่าความจงรักภักดีของคนคนนั้นจะมีมากกว่า 80% ขึ้นไป ถ้าไม่เป็นแบบนั้นลู่โจวในตอนนี้ก็ไม่สามารถเชื่อใจใครได้อยู่ดี จ้าวยูที่มีค่าความจงรักภักดีอยู่ที่ 60% ยังกล้าที่จะทรยศต่อตัวเขาได้ ตัวเขาจึงไม่อาจที่จะวางใจใครได้อีก

ในโลกใบนี้การที่จะคาดเดาความคิดเห็นของผู้อื่นได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ลู่โจวที่ไม่มีโอกาสครั้งต่อไปจะต้องระวังตัวให้มาก

ในขณะนั้นเอง หยวนเอ๋อตัวน้อยก็ได้ชี้ไปยังท้องฟ้า “ศิษย์พี่สี่มาแล้วค่ะ! “

หมิงซี่หยินหมุนตัวลงมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้าฟาด

ถ้าหากลู่โจวได้ใช้ร่างสุดยอดพลังของเขา ตัวเขาก็คงจะไม่รู้สึกแปลกกับความเร็วแบบนี้เลย ระดับวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้มันต่ำกว่าขั้นศักดิ์สิทธิ์มาก

‘เจ้านี่เข้าใจส่วนสุดท้ายของเคล็ดวิชาเวหาพงพนาแล้วอย่างงั้นสินะ…’ ลู่โจวอิจฉาในพรสวรรค์ของลูกศิษย์พวกนี้มาก

หมิงซี่หยินรีบลอยตัวลงมา เมื่อเขาเหลือบเห็นลู่โจวที่ในตอนนี้บรรยากาศรอบๆ ตัวของผู้เป็นอาจารย์เปลี่ยนไป ตอนนั้นเองหัวใจของเขาก็ถึงกับเต้นรั่ว

‘นั่นมัน…ท่านอาจารย์จริงๆ อย่างงั้นหรอ? ‘

การเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ภายนอกของลู่โจวนั้นได้ทำให้หมิงซี่หยินที่ไม่ได้เจอเขาเพียงไม่กี่วันรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พลังรอบตัวที่อยู่ใกล้ๆ กับลู่โจวได้เปลี่ยนไปมาก ตอนนี้เองหมิงซี่หยินจึงรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น และเมื่อนึกถึงอดีตที่จีเทียนเด๋าเคยสั่งสอนตัวเขา ตอนนี้ความเย็นยะเยือกก็ได้ไหลเข้าไปสู่กระดูกสันหลังไปเป็นที่เรียบร้อย หมิงซี่หยินที่ลนลานรีบใช้กำปั้นทุบลงบนอกก่อนที่จะพูดทักทายขึ้น “สวัสดีครับท่านอาจารย์! “

“เจ้าน่ะทำได้แล้วอย่างงั้นสินะ”

“ใช่ครับท่านอาจารย์! “

“เจ้าน่ะเข้าใจส่วนสุดท้ายของเคล็ดวิชาเวหาพงพนาจนเกือบหมดแล้ว เคล็ดวิชาที่เจ้าได้ฝึกฝนไปน่ะเป็นเคล็ดวิชาธาตุไม้ และเพราะแบบนั้นแล้วด้วยคุณสมบัติพิเศษของไม้ทำให้เจ้าน่ะได้พลังชีวิตเพิ่มมากขึ้น จงใช้ข้อได้เปรียบนี้กับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ซะละ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับท่านอาจารย์! ศิษย์จะจดจำทุกอย่างเอาไว้”

ค่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินได้เพิ่มขึ้น 2%!

หมิงซี่หยินในตอนนี้เองแม้ว่าจะดูสงบเสงี่ยม แต่ในใจของเขานั้นกับตกใจเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่ยี่เทียนซินได้ออกจากภูเขาทองลูกนี้ไป จีเทียนเด๋าก็หยุดที่จะสั่งสอนแนะนำลูกศิษย์ของตัวเขา เขายังไม่แม้แต่จะชี้นำหยวนเอ๋อลูกศิษย์คนที่เขาโปรดปรานมากที่สุด แค่หนังสือเกี่ยวกับเคล็ดวิชานั้นตัวเขายังไม่เคยให้ศิษย์รักคนนี้เลย

หมิงซี่หยินไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าภายใต้สถานการณ์วิกฤตของท่านอาจารย์แบบนี้ สถานการณ์ที่ทุกคนกำลังจะทอดทิ้งตัวเขาไปทั้งหมด อาจารย์ของเขายังคงใจกว้างมากพอที่จะให้คำแนะนำกับตัวเขาแบบนี้ คำแนะนำนี้เองทำให้หมิงซี่หยินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“ท่านอาจารย์ในระหว่างที่ศิษย์ฝึกเคล็ดวิชาเวหาพงพนาอยู่ ศิษย์ก็ได้บินไปที่เมืองอันยางมาและได้ยินข่าวอะไรบางอย่างเข้า”

“บอกมาสิ”

“ดูเหมือนว่าจะมีคนจากครอบครัวตระกูลซี ครอบครัวของศิษย์น้องหญิงถูกลักพาตัวไปอีกแล้วครับ” หมิงซี่หยินรายงานออกมา

“ฮะ?” ดวงตาของหยวนเอ๋อนั้นเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ได้ยิน เธอขมวดคิ้วของตัวเองด้วยความโกรธแค้น

“ศิษย์พี่ขออาสาตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองเอง ศิษย์พี่จะหาผู้วงการตัวจริงมาให้ได้ ศิษย์พี่จะเป็นคนที่ทำให้พวกมันจะต้องชดใช้เอง! ” หมิงซี่หยินพูดออกมาด้วยท่าทีที่แสนเย็นชา หน้าตาของเขาในตอนนี้นั้นดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก