‘สำเร็จ!’
อินกองยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ถึงไอพลังมังกรที่คุกรุ่นจากกำปั้นของเขา
พลังนี้ได้เสริมคุณสมบัติบางอย่างให้กับลมปราณของอินกอง
โดยพื้นฐานแล้ว ลักษณะคุณสมบัติของลมปราณจะแตกต่างไปตามเผ่าพันธุ์
ลมปราณของเผ่าไลแคนโทรปจะโดดเด่นในเรื่องการระเบิดพลังออกมาในเวลารวดเร็ว นั่นทำให้เคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพเน้นการเดินลมปราณเพื่อเสริมพลังร่างกาย กระตุ้นเสริมศักยภาพออกมาในระยะเวลาชั่วครู่ และสามารถปลดปล่อยออกมาเพื่อสร้างความเสียหายโดยตรง
ส่วนลมปราณของเผ่ามังกรก็จะแฝงไปด้วยไอพลังแห่งมังกรที่แฝงมากับสายเลือด มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือเผ่าพันธุ์อื่น ลมปราณมังกรจึงเหนือหลากเผ่าพันธุ์ในหลายด้าน
ลมปราณคือพลังชีวิต ด้วยอายุขัยที่มีมากทำให้มังกรมีลมปราณในตัวอยู่มาก ถึงกระนั้นหากเปรียบเทียบลมปราณในปริมาณที่เท่ากัน ลมปราณมังกรก็สามารถควบคุมใช้งานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่า
แม้อินกองจะมีเศษเสี้ยวแห่งอันเคลอยู่ในตัวก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถเค้นลมปราณที่มีไอพลังแห่งมังกรออกมาได้ เพราะด้วยพื้นฐานร่างกายที่เป็นเผ่าคนธรรพ์
ทว่าหลังจากรับการโจมตีที่แฝงไปด้วยลมปราณมังกร เศษเสี้ยวแห่งอันเคลที่อยู่ในตัวอินกองได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง นั่นทำให้คุณสมบัติลมปราณของอินกองเกิดการเปลี่ยนแปลง รุนแรงและเกรี้ยวกราด ราวกับอยู่บนหลังม้าพยศก็ไม่ปาน
อินกองขยับหอกที่เสียบตนพลางร่ายเวทมนตร์ฟื้นฟู
‘เจ็บชิบหายยยย!’
ความเจ็บปวดจากการโดนเสียบทะลุร่างไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ยิ่งเมื่อเป็นการโจมตีที่แฝงไปด้วยไอพลังแห่งมังกรเสียด้วย
อย่างไรเสีย ความเจ็บปวดนี้กลับทำให้อินกองรู้สึกยินดี เขากัดฟันพลางกระชากหอกออกจากร่างแล้วหัวเราะ
ภาพตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้กับแจ็ค เจ้าชายฉัตรเป็นลูกครึ่งสุรกับคนธรรพ์ เหตุไฉนใดเล่าเขาจึงสามารถใช้ลมปราณเอกลักกษณ์ของเผ่ามังกรได้? หรือแท้จริงแล้วเจ้าชายฉัตรมิใช่บุตรแห่งจอมมาร? หรือในอีกกรณีก็คือฉัตรหาได้กำเนิดจากราชินีสมิตา แต่เป็นบุตรของสตรีเผ่ามังกร?
แจ็คล้มเลิกความคิดสืบหาชาติพันธุ์ของศัตรูตรงหน้าเอาไว้ก่อน ฉายาหมาบ้ามิใช่ได้มาจากการใช้สมอง แต่การกระโจนเข้าต่อสู้อย่างบ้าคลั่งก็มิอาจทำให้แจ็คคงชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะสัญชาตญาณการต่อสู้อันเฉียบคมในตัวของเขา
การปะทะเมื่อครู่ทำให้เกิดระยะห่างระหว่างนักสู้ทั้งสอง ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายฉัตรกลับมิได้รีบพุ่งจู่โจมสวนกลับ
นี่เป็นโอกาสสำหรับแจ็ค มือซ้ายของเขาคว้าถุงบางอย่างที่เหน็บข้างเอวขว้างไปยังเจ้าชายฉัตร จากนั้นรีบขับเคลื่อนลมปราณ ถุงดังกล่าวแตกระเบิดราวลูกโป่ง ฝุ่นควันสีม่วงระยิบระยับแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
ฝุ่นพิษที่มาจากการรวบรวมพืชหลากชนิดในดินแดนเอเวียง พิษนี้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์รักษาได้เนื่องจากเป็นการผสมปนเปือของพิษหลากชนิด
แจ็คใช้ฝุ่นพิษเพื่อซื้อเวลาปรับชีพจรตนเอง เขาใช้ลมปราณดึงกระบี่จากทหารที่หมดสติ ก้าวถอยหลังเล็กน้อย
เมื่อลมหายใจเริ่มกลับเข้าสภาวะปกติ แจ็คก็เริ่มท่าร่างค่ายกล เขาตัดสินใจจะเข้าจู่โจมเจ้าชายฉัตรอีกครั้งเมื่อการเตรียมพร้อมเสร็จสิ้น เว้นเสียว่ามีบางอย่างที่อยู่นอกเหนือแผนการของเขา
[เรียกใช้ทักษะ เซรุ่มร้อยพิษ]
[เรียกใช้ทักษะ เซรุ่มร้อยพิษ]
[เพิ่มระดับขั้นทักษะ เซรุ่มร้อยพิษ]
…….
[เซรุ่มร้อยพิษได้รับการพัฒนา]
[คุณได้เรียนรู้ เซรุ่มพันพิษ ขั้น1]
[ความทนทานและภูมิคุ้มกันต่อพิษเพิ่มขึ้น อย่างมหาศาล]
ทักษะทั้งหลายของอินกองต้องถูกเรียกใช้เป็นจำนวนหลายครั้งจึงจะเพิ่มระดับ
เซรุ่มร้อยพิษก็ไม่ต่างออกไป
ต้องขอบคุณระเบิดพิษของแจ็คที่ประกอบไปด้วยพิษหลากหลายชนิด นั่นทำให้เซรุ่มร้อยพิษถูกเรียกใช้หลากหลายครั้ง และยังมีพิษที่หายากบางอย่างรวมอยู่ด้วย นั่นทำให้เซรุ่มร้อยพิษได้รับการพัฒนา
อินกองวิ่งฝ่าควันพิษตรงเข้าหาร่างเงาของแจ็คพลางตะโกนร้อง
“ขอบคุณอย่างสุดซึ้งเลยแจ็คกี้!”
ลมปราณมังกร แล้วยังการพัฒนาของเซรุ่มร้อยพิษอีก!
อินกองยิ้มแก้มปริพลางโคจรลมปราณและพลังเวทของเขา เนื่องจากลมปราณมังกรสามารถควบคุมได้ง่ายกว่าลมปราณชนิดอื่น นั่นทำให้การต่อต้านระหว่างลมปราณและพลังเวทลดลง โดยรวมย่อมส่งผลให้อินกองสามารถประสานพลังทั้งสองได้เรียบง่ายยิ่งขึ้น
แจ็คกำลังอยู่ในสภาวะสับสนอย่างมาก เจ้าชายฉัตรหัวเราะหลังจากโดนหอกเสียบทะลุร่าง แล้วในตอนนี้ยังขอบคุณหลังจากที่โดนระเบิดพิษปาใส่ นี่เป็นสิ่งที่เกินกว่าสามัญสำนึกของแจ็คจะรับไหว
“ฮ่า!”
แจ็คกวัดแกว่งกระบี่ในมือ สัญชาตญาณดึงให้เขาหลุดจากอาการสับสน
คมกระบี่กวัดแกว่งอย่างเฉียบคมเชือดเฉือนอากาศ จริงอยู่ที่แจ็คถูกขับออกจากเหล่าทหารจากบุคลิกของเขา แต่ความสามารถการสู้รบของเขาไม่สามารถมองข้ามไปได้ เมื่อเปรียบเทียบเพียงกระบวนยุทธแล้ว แจ็คอยู่เหนือกว่าอินกองหลายขุม
‘นายท่าน!’
กรีนวินด์กรีดร้องออกมา โล่อีเกิ้ลทั้งสองโฉบเข้าขวางระหว่างแจ็คและอินกอง มีเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นเล็กน้อย แจ็คที่รู้ถึงความทนทานของโล่บินตรงหน้าเลือกที่จะใช้มุมกระบี่ปัดเป่ามันทิ้ง แบล็คอีเกิ้ลเปลี่ยนวิถีโคจรเล็กน้อยร่อนไปกระทบใส่เหล่าทหารที่หมดสติรายล้อมแทน
อินกองหยุดชะงักก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าหาแจ็คอย่างระแวดระวังมากขึ้น
การปะทะทำให้แจ็คใจเย็นลงมาก จริงอยู่ที่หลายสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความเข้าใจของเขา การพลิกสถานการณ์ด้วยกำลังเข้าปะทะอาจทำได้ยาก แต่จากประสบการณ์รบที่สั่งสมบ่งบอกว่าเขาสามารถทำได้
ประกายจากการต่อสู่เรืองขึ้นระยิบระยับ คมกระบี่ปะทะกับถุงมือโลหะและโล่ทั้งสอง ไวท์อีเกิ้ลกับแบล็คอีเกิ้ลรับการโจมตีจากแจ็ค อินกองเล็งโจมตีสวน แจ็คใช้กระบี่ปัดทิศทางหมัดของอินกองทำให้ระเบิดลมปราณพลาดเป้า ทั้งสองฝ่ายต่อสู้อย่างสูสีไม่มีฝ่ายได้เปรียบเสียเปรียบ
แจ็คกัดฟันกระหน่ำแทงเร็วขึ้น เขาไม่สามารถเมินเฉยต่อการโจมตีโต้ตอบของศัตรูตรงหน้าได้ การโจมตีอันไม่คาดคิดที่พุ่งเป้ายังตำแหน่งไม่คาดฝันแต่แฝงไปด้วยระเบิดลมปราณ
ทว่าการโจมตีของแจ็คถูกโล่อีเกิ้ลปัดเป่าเอาไว้ได้ การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่มีทีท่าจบสิ้น
‘ขอแค่ช่องโหว่นิดเดียวเท่านั้น’
แจ็คไม่คิดจะฝ่าการป้องกันของอินกอง เขาต้องการเพียงช่องโหว่เล็กน้อยที่เล็ดรอดการป้องกันของโล่บิน
การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเจ้าชายฉัตรมุ่งเน้นไปที่การโจมตี นั่นเพราะเขาเชื่อมั่นในโล่บินทั้งสอง แจ็คพยายามหาช่องโหว่เพื่อโจมตีเข้าไป การโจมตีที่จะจบการต่อสู้ในครั้งนี้
ลมปราณในตัวแจ็คเริ่มคุกรุ่นขึ้น แม้ไม่มากแต่ก็พอที่จะชะลอการโจมตีของเจ้าชายฉัตรไว้ได้ เขาถอยหลังมาเล็กน้อยเพื่อมองภาพรวม อย่างไรเสียเขาก็ได้เปรียบในด้านระยะโจมตี
หน่วยของแจ็คมีราวสี่สิบตน การบุกอย่างบ้าคลั่งของเจ้าชายฉัตรทำให้เขาเสียทหารไปบางส่วน แต่เขาก็ยังเหลือทหารราวสามสิบตนได้ ทหารเหล่านี้ยังเรียกได้ว่าเป็นระดับหัวกะทิ สามสิบตนจึงเป็นจำนวนที่มิน้อย
ทว่าภาพที่แจ็คเห็นทำให้เขาสบถออกมา
เจ้าหญิงลำดับที่แปดกำลังต่อสู้อย่างคลุ้มคลั่งยิ่งเสียกว่าเจ้าชายฉัตร ร่างของนางชโลมไปด้วยโลหิตจากการฉีกร่างทหารของแจ็ค แม้นี่จะทำให้นางอยู่ห่างจากเจ้าหญิงลำดับที่หก แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเหล่าทหารของแจ็คไม่สามารถย่างกรายเข้าใกล้นาง เพราะเวทมนตร์ที่ถูกร่ายออกมาเป็นระยะ
เจ้าหญิงลำดับที่หกค่อยร่ายเวทมนตร์สนับสนุนคุ้มกัน ส่วนเจ้าหญิงลำดับที่แปดกับเจ้าชายลำดับที่เก้าก็บุกโจมตีอย่างไม่กลัวเกรง
ภาพรวม… ช่างเลวร้ายกว่าที่แจ็คคิด เขาเพ่งสมาธิกลับมาที่เจ้าชายฉัตรตรงหน้า
ดูเหมือนในตอนนี้แจ็คจะอยู่ในสถานการณ์สู้หรือตาย เช่นนั้นเขาก็ขอทำตัวให้สมฉายาหมาบ้าใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีกระโจนเข้างับคอเจ้าชายฉัตร
แจ็คย่อตัวลงตั้งท่าแล้วถีบตัวพุ่งกระโจน อินกองเบี่ยงตัวหลบพลางรีบหันไปเตรียมตัวโจมตีสวน แต่แจ็คก็ลงจอดกับพื้นหมุนตัวตั้งท่าเตรียมพุ่งกระโจนอีกครั้ง
โล่ไวท์อีเกิ้ลและแบล็คอีเกิ้ลยังคงโคจรคอยปกป้อง แม้การโจมตีที่ผ่านมาจะถูกโล่ทั้งสองปัดป้องไว้ได้ ทว่าดูเหมือนแจ็คจะสามารถอ่านทิศทางการโคจรและพบช่องโหว่ในที่สุด
การโจมตีของแจ็คที่เล็ดลอดช่องโหว่นั้นมีเป้าหมายเดียว นั่นคือการปลิดชีพเจ้าชายฉัตร!
แจ็คพุ่งกระโจนอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เขาเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศซัดกระบี่เข้าโจมตีแทน
อินกองใช้โอกาสนี้ตั้งสมาธิหวดหมัดเข้าทำลายอาวุธของแจ็ค ทันทีที่กำปั้นของเขากระทบกับอาุวธ กระบี่ก็แตกออกเป็นเศษโลหะหลากชิ้น ที่ทำให้อินกองตกตะลึงก็คือ เศษกระบี่เหล่านี้บินพุ่งโจมตีอินกองจากหลายทิศทาง
แน่นอนว่าเศษกระบี่เหล่านี้ถูกควบคุมโดยลมปราณของแจ็ค ทั้งหมดสามารถเล็ดรอดการป้องกันของโล่บินทั้งสองและพุ่งเข้าจู่โจมศัตรู
ทันใดนั้นเอง…
ร่างของอินกองก็สลายกลายเป็นหมอกควันสีน้ำเงินเข้ม เศษกระบี่ที่พุ่งเข้าโจมตีต่างกระทบกับอากาศธาตุ
ภาพตรงหน้าทำให้แจ็คนึกถึงความสามารถของเหล่าแมร์ นอกเหนือไปจากคนธรรพ์ สุร ไลแคนโทรป เผ่ามังกร แล้วยังจะแมร์? แท้จริงแล้วชาติกำเนิดเจ้าชายฉัตรเป็นเยี่ยงไรกัน?
นั่นเป็นเพียงข้อสงสัยของแจ็ค สิ่งที่เกิดขึ้นคืออินกองใช้ความสามารถที่เขาได้รับจากของวิเศษ
การเคลื่อนย้ายผ่านห้วงมิติ ทักษะพิเศษที่แฝงมากับฮูกคุ้มภัย
ถึงแม้ทักษะนี้จะใช้ได้เพียงสามครั้งในหนึ่งวัน เพียงครั้งเดียวก็เกินพอ
อินกองปรากฏกายในระยะถัดออกไปสิบเมตร
‘โชคร้ายหน่อยนะแจ็คกี้’
หากอินกองอยู่ในสถานการณ์เดียวกับแจ็ค เขาคงบ่นโวยวายอย่างแน่นอน อินกองเรียกไวท์อีเกิ้ลและแบล็คอีเกิ้ลกลับมา พลางกระตุ้นพันธะของแก่นทั้งสี่
“เคทลินนูนะ”
อินกองเรียกนางด้วยเสียงปกติ แต่นางก็รับรู้ผ่านพันธะระหว่างแก่นจันทรากับแก่นบริวาร
เคทลินวิ่งตรงเข้ามาจากทิศหนึ่ง ส่วนอินกองก็พุ่งตรงเข้ามาจากอีกทิศหนึ่ง
ทั้งสองโจมตีประกบหน้าหลังแจ็ค
แจ็ครู้ตัวว่าไม่สามารถหลบหนีได้ เขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายดึงอาวุธจากทหารมาอีกครั้ง เขาหัวเราะออกมาพร้อมเตรียมท่าตั้งรับ
อินกองกับเคทลินสูดหายใจเข้าพร้อมกัน แล้วทั้งสองก็กระโจนเข้าหาแจ็ค
&
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
แสงสีขาวเรืองขึ้นจากตัวอินกองพร้อมกับเสียงสตรีนิรนามอันคุ้นหู
เคทลินจ้องมองอินกองอย่างประหลาดใจ
‘นี่ทำให้นึกถึงครั้งแรกที่เจอนางเลย’
อินกองพบเคทลินครั้งแรกในภารกิจปราบกบฏเผ่าสายฟ้าชาด และในครั้งนั้นร่างกายของนางก็ชโลมไปด้วยเลือดเช่นเดียวกับภาพที่เขาเห็นตรงหน้า
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อเพียงเดือนที่แล้วเท่านั้น เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ทำให้มันรู้สึกยาวนานกว่าความเป็นจริง
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
อินกองยืนสงบนิ่งทำให้เคทลินเอียงคอถามอย่างไม่มั่นใจ
อินกองหัวเราะเล็กน้อยตอบคำถามนาง
“อ่า ผมสบายดีครับ นูนะปลอดภัยใช่ไหมครับ?”
“อืม นี่ไม่ใช่เลือดของฉัน”
คำถามเดิมกับคำตอบที่เหมือนเดิม นี่ยิ่งทำให้อินกองนึกย้อนถึงการต่อสู้ที่เขาบุกเข้าช่วยเหลือเฟลิซี
“ฉัตร! เคทลิน!”
อินกองกับเคทลินหันไปตามเสียงเรียก พบเฟลิซีกับคารัคที่กำลังวิ่งเข้ามา
“องค์ชาย! แกปลอดภัยนะ? ไอ้หมอนั่นดูเก่งกาจน่าดูเลย”
ทั้งสองมองการต่อสู้ของอินกองมาอยู่ระยะหนึ่ง อินกองมองสำรวจคารัคก่อนจะถามกลับ
“นาย… ไร้บาดแผล?”
“ถูกต้อง โล่นี่ปกป้องข้าได้ยอดเยี่ยมมาก”
คารัคแสยะยิ้มพลางใช้มือเคาะโล่ของมัน
อินกองมองสำรวจรอบตัว หน่วยของหมาบ้าแจ็คต่างเริ่มวิ่งแตกกระจายไปในหลายทิศทาง ส่วนใหญ่ต่างเสียชีวิตในการต่อสู้ทำให้มีทหารที่หลบหนีเพียงเล็กน้อย เขาเลือกที่จะไม่ไล่ตาม
“ส สมกับเป็นทายาทจอมมาร พวกท่านจัดการกับหน่วยของหมาบ้าแจ็คได้อย่างยอดเยี่ยมมาก”
นายทหารนำทางคณะอินกองวิ่งตามคารัคมา เขามองไปยังร่างไร้ชีวิตของแจ็คพลางกล่าวอย่างชื่นชม
อินกองจ้องไปยังร่างของแจ็ค ดูเหมือนชื่อเสียงเรียงนามของแจ็คจะกระฉ่อนมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้ ถึงกระนั้นก็ต้องขอบคุณแจ็ค ที่ทำให้อินกองปลุกพลังมังกรให้กับลมปราณของเขา แล้วยังจะทักษะเซรุ่มพันพิษอีก
‘ขอขอบคุณอีกครั้งนะ แจ็คกี้ ขอบคุณนายมากๆเลย’
นั่นเพราะแจ็คยังมีของขวัญทิ้งท้ายให้กับอินกองอีกหนึ่งอย่าง
อินกองหันไปถามกับนายทหารนำทาง
“รางวัลค่าหัวของแจ็คนี่ เท่าไรกัน?”
เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายหาใหม่ได้ แต่ยิ่งมีไว้ก็ยิ่งทำให้อะไรง่ายดายขึ้น
แน่นอนว่าคำตอบจากนายทหารทำให้อินกองกับคารัคยิ้มแก้มปริ
แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ แต่พระเอกดั้นเป็นคนธรรพ์ผู้ฆ่าแจ็ค