ตอนที่ 87 ใครเป็นคนทำ
ตอนที่ 87 ใครเป็นคนทำ
กวานจือหนิงไม่รู้ว่าตัวเองลงมาจากรถได้ยังไง เธอกุมมือของซูเถาที่กำลังสั่นไม่หยุด
เกิดอะไรขึ้น?
ดูจากข้างหน้าแล้ว ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
ซูเถาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ฉันไม่เป็นไร..ไม่ใช่เลือดของฉัน มันเป็นเลือดของเขา เขาปลอมตัวเป็นพลตรีสือแล้วถูกฉันจับได้…”
กวานจือหนิงรีบตรวจสอบดูรอบ ๆ ตัวเธอ และแน่นอนว่านอกจากข้อมือของเธอที่เคล็ดเล็กน้อยและรอยฟกช้ำ ก็ไม่มีบาดแผลอื่น
เธอถอนหายใจยาว และจิตใจก็ค่อย ๆ สงบ เธอค่อย ๆ พยายามไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ อีกทั้ง สิ่งที่เธอเรียกมันว่า ‘การแสดงความหวาน’ เมื่อครู่ นั้นล้วนเป็นเรื่องไม่จริง
ที่แท้ในเวลานั้น คนคนนี้กำลังจับซูเถาเป็นตัวประกัน!
กวานจือหนิงตบตัวเองอย่างแรง
ซูเถาตกใจรีบคว้ามือของเธอเอาไว้ “คุณทำอะไร?”
กวานจือหนิงกอดเธอไว้ด้วยความกลัว
“ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ฉันประมาทเกินไป”
เธอไม่อยากจะคาดเดา ว่าฉากการลักพาตัวหรือการจับไว้เป็นตัวประกันเมื่อครู่นั้นมันอันตรายแค่ไหน เกือบ…ซูเถาเกือบจะไม่รอด!
เธอโง่มาก!
ซูเถาปลอบโยนเธอ “ฉันไม่เป็นอะไร นักต้มตุ๋นคนนั้นไม่มืออาชีพ เขาไม่รู้เรื่องของฉันอย่างถ่องแท้ เขาไม่รู้ว่าฉันมีปืนพลังงานนิวเคลียสติดตัว เขาไม่แม้แต่จะตรวจสอบกระเป๋าใส่ปืนของฉัน เขาเองก็ประมาทไม่น้อย ก็เลยเอาเปรียบฉันไม่ได้”
หลังจากที่กวานจือหนิงได้รับการปลอบโยนจากซูเถา ความกังวลใจของเธอก็ผ่อนคลายเล็กน้อย เธอหยิบเศษเสื้อผ้าบนพื้นขึ้นมาแล้วดูอย่างละเอียด
“เขาคิดว่าคุณถือปืนธรรมดา ซึ่งมันไม่สามารถทำอะไรชุดเกราะที่มีความหนาแน่นสูงของเขาได้”
เสวี่ยเตาสงบ หลังจากที่มันได้กลิ่นเลือดแปลก ๆ มันก็หยุดเห่าแล้วเข้าไปเลียเลือดบนในหน้าของซูเถา
หลินฟางจือยังคงงุนงง เขาไม่พูดหรือเคลื่อนไหวร่างกาย และเอาแต่ยืนตัวติดกับเธอ
กวานจือหนิงสำรวจไปรอบ ๆ ที่เกิดเหตุ และพบเข้ากับชิ้นส่วนของเครื่องวิทยุสื่อสาร
เธอก้มหน้าลง “เขามีผู้สมรู้ร่วมคิด เขาคงยังหนีไปไม่ไกล”
ซูเถากำลังจะพูด ในขณะนั้นพวกของสือจื่อจิ้นก็กลับมา
เมื่อเห็นเลือดและซากศพกระจายอยู่ทั่ว เช่นเดียวกับตัวของซูเถาที่เต็มไปด้วยเลือด ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
สือจื่อจิ้นรีบวิ่งไปหาเธอทันที ใบหน้าของเขาซีดและเยือกเย็น
ซูเถารีบอธิบาย
“ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร คุณใจเย็น ๆ นะ”
เห็นได้ชัดว่าสือจื่อจิ้นไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของเขาได้ เขาเข้ามาประคองเธอเอาไว้ แล้วตรวจข้อมือที่เคล็ดและฟกช้ำของเธอ เขาบีบเค้นประโยครอดไรฟันของเขาออกมา
“ใครเป็นคนทำ? กวานจือหนิง มานี่!”
ซูเถาปิดปากของเขา “คุณอย่าตะคอกใส่คนอื่น ครั้งนี้ฉันไม่โทษจือหนิง เสวี่ยเตาเองก็ยังไม่สังเกตเห็น”
เสวี่ยเตาเดินวนรอบ ๆ ตัวของสือจื่อจิ้น มันดมแล้วดมอีกแล้วส่งเสียงร้องเบา ๆ
กวานจือหนิงเป็นคนแข็งแรงและทุ่มเทให้กับหน้าที่ของเธอ เธอเดินเข้ามาแล้วยืดคอตรง
“ท่านพลตรี ได้โปรดลงโทษฉันด้วย มันเป็นความประมาทเลินเล่อของฉันเอง ไอ้สารเลวคนนั้นปลอมตัวมาเป็นคุณ ฉันเห็นเขาชัดเจนเต็มสองตา แต่ฉันก็ไม่สงสัยในตัวเขา ปล่อยให้เขาจับซูเถาเป็นตัวประกัน ทั้งที่เกิดเรื่องใต้จมูกของฉันแท้ ๆ”
ซูเถากลัวจริง ๆ ว่าสือจื่อจิ้นจะหักกระดูกของเธอ ซูเถาจึงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เขายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีก ท่านพลตรี ไปจับผู้สมรู้ร่วมคิดก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยมาคุยกันทีหลัง”
สือจื่อจิ้นไม่พูดอะไร เขาประคองซูเถากลับเข้าไปในรถ แล้วหันมาพูดกับกวานจือหนิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ครั้งแรก และครั้งสุดท้าย”
จากนั้นเขาก็เรียกเจี่ยนไคอวี่มาที่รถเพื่อดูอาการบาดเจ็บที่ข้อมือของซูเถา
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว สือจื่อจิ้นก็ย่อกายลงตรงหน้าซากศพและชิ้นส่วนที่แตกกระจายที่เต็มไปด้วยเลือด เขาเหยียดนิ้วออกแล้วแตะไปที่เลือดนั้นด้วยปลายนิ้วของเขา จากนั้นเขาก็แตะเข้าที่ปลายลิ้นของตัวเอง
ชั่วพริบตาเดียว เรื่องราวชีวิตของคนคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเขา
คนคนนี้เดิมทีชื่อว่า เว่ยหยางชิว พลังตื่นตัวของเขาคือ ‘แปลงกาย’ ซึ่งสามารถเลียนแบบรูปลักษณ์ เสียง กลิ่น หรือแม้กระทั่งบุคลิกภาพของคนคนนั้นได้
นั่นเป็นเหตุผลที่เสวี่ยเตาและกวานจือหนิงไม่ทันได้สังเกตเห็น
แต่ซูเถาสามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็วภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะเธอเป็นคนกระตือรือร้นและตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยธรรมชาติ
เว่ยหยางชิว เป็นหนึ่งในคนที่มีพลังวิเศษที่ถูกเลี้ยงดูโดยครอบครัวเจียง ทำงานให้กับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนของครอบครัวเจียง
ครั้งนี้ก็เป็นน้องชายของเจียงชิงเซียง ที่เป็นคนบอกเว่ยหยางชิวว่ามีน้ำและน้ำมันเชื้อเพลิงในรถของคนจากตงหยาง ดังนั้นเขาจึงมอบหมายให้เว่ยหยางชิวปลอมตัวเป็นเขาแล้วให้แอบเข้าไปในรถเพื่อขโมยน้ำและน้ำมันเชื้อเพลิง
แต่เว่ยหยางชิวเพียงคนเดียวไม่พอ ดังนั้นเขาจึงส่งคนที่มีพลังวิเศษเกี่ยวข้องกับห้วงมิติมาด้วย
คนที่มีความสามารถด้านห้วงมิตินี้ชื่อว่า โจวชิ่ง เขาสามารถทำลายกฎของมิติอากาศและทะลุกำแพงไปมาได้อย่างอิสระ
เดิมทีเว่ยหยางชิวต้องการให้โจวชิ่งซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตาคนก่อน หลังจากไล่ทหารยามออกไปได้แล้ว และหลังจากนั้นก็ค่อยแอบเข้าไปในรถเพื่อที่จะขโมยน้ำและน้ำมันเชื้อเพลิง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับซูเถาที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาจากที่อาบน้ำ
เมื่อภาพที่เขาเห็นในหัว คือภาพที่ซูเถาถูกบีบข้อมือจนพูดไม่ออกด้วยความเจ็บ สือจื่อจิ้นก็ลุกขึ้นและออกไปจากกองทัพทันที เมื่อเขากลับมาเขาก็หิ้วคนคนหนึ่งไว้ในมือ
โจวชิ่งตกใจมาก “จับฉันมาทำไม?”
หลังจากเกิดเรื่องเขาก็หนีไปได้ไม่ไกล แต่แล้วเขาก็ถูกจับกลับมาอย่างรวดเร็ว!
สือจื่อจิ้นไม่สนใจคำพูดของเขา เขาเหยียบไปที่หลังและขอมีดด้ามสั้นมาจากเฉินเทียนเจียว
เมื่อเห็นมีดด้ามสั้นที่แวววาวและดูคมกริบ โจวชิ่งก็ตกตะลึงและดิ้นรนอย่างหนัก
“พวกแกคิดจะทำอะไร?! ฉันเป็นคนของครอบครัวเจียง ห้ามแตะต้องฉัน! ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของที่นี่จะไม่ปล่อยพวกแกไปแน่!”
สือจื่อจิ้นทำเป็นหูหนวก เขายกมีดขึ้นแล้วเขาก็ตัดมือขวาของโจวชิงขาดจากข้อมือ เลือดของเขากระเซ็นไปทั่วพื้น
“อ๊ากกก!”
เฉินเทียนเจียวยัดดินหนึ่งกำมือเข้าปากเขาทันใด “หนวกหู”
ตั่งซิ่งเหยียนพบเครื่องวิทยุสื่อสารและเครื่องมือสื่อสารของเขา เขาพลิกดูคร่าว ๆ แล้วกล่าวว่า
“เหล่าต้า คนของโส่วอันกลุ่มนี้มีเจตนาชั่วร้าย ผมบอกแล้วที่พวกเขาปล่อยไคอวี่ไปง่าย ๆ เพราะพวกเขาต้องการเสบียงของเรา และเดิมทีพวกเขาก็ต้องการจัดการพวกเราให้สิ้นซาก ครั้งนี้เราคงปล่อยพวกเขาไปไม่ได้ เราต้องกลับไปจัดการคนพวกนั้น”
สือจื่อจิ้นที่กำลังบรรจุกระสุน “เหล่าเอ้อร์ นายนำทีมออกไปก่อน”
เมื่อขบวนเริ่มออกจากตัวเมือง ซูเถามองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วหันไปถามกวานจือหนิง
“พวกเขากำลังจะไปทำอะไร? ดูเหมือนว่าจะไปทำการสังหารหมู่อย่างนั้น”
กวานจือหนิงก็อยากที่จะไปกับพวกเขา “แก้แค้น”
“ฮะ? นี่ไม่ใช่ฐานของเรา เราจะวู่วามไปแบบนั้นได้เหรอ?”
กวานจือหนิงไม่สนใจ “มีโจวไห่และโจวหยางอยู่ใกล้ ๆ ไม่เป็นไรหรอก”
ซูเถารู้สึกโล่งใจและถามเจี่ยนไคอวี่อีกครั้ง
“พวกเขาทำร้ายคุณหรือเปล่า คุณดูผอมลงมากนะ”
เจี่ยนไคอวี่ยิ้ม “เป็นเพราะตัวผมเองที่กินอะไรไม่ลง ผมแค่ถูกกักบริเวณไว้ในบ้าน แต่เมื่อผมมีความวิตกกังวล ก็ทำให้กินดื่มอะไรได้ไม่มาก มา ผมขอดูข้อมือคุณหน่อย”
“โชคดีที่กระดูกของคุณยังดีอยู่ เถ้าแก่ซู คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ไม่ใช่แค่คนที่เถาหยางต้องการคุณ แต่เหล่าต้าของพวกเราก็ด้วย แค่คุณบาดเจ็บที่ข้อมือก็เหมือนมีคนมากรีดหัวใจเขา”
“แต่ยังไงครั้งนี้คุณก็ทำได้ดีมาก ถ้าคุณไม่จับมันได้เสียก่อน ผมเกรงว่าถ้ามันฉวยโอกาสแอบเข้าไปในรถแล้วปล่อย ‘โบนวิงส์’ ไป ผลที่ตามมาคงจะเลวร้ายเป็นอย่างมาก”