ตอนที่ 90 ไม่เชื่อฟังต้องตีก้น (5)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 90 ไม่เชื่อฟังต้องตีก้น (5)

แต่ว่า ตอนนี้ เขาจะทำอะไรได้

เมื่อวานฮูหยินเพิ่งถูกตีบั้นท้าย แต่กลับไม่หลาบจำ สุดท้ายคนที่ซวยก็มีแต่บ่าวรับใช้อย่างพวกเขา

มั่วเชียนเสวี่ยได้ยินเสียงกระแอมไอ เข้าใจเป็นอย่างดี ขมวดคิ้วเป็นปม แล้วพูดเสียงเบา “ขืนเจ้าไอต่อไปเช่นนี้ กลับไปพักที่เรือนเถอะ คราวหน้าให้อาซานมาขับเกวียนให้ข้าแทน” อยู่ด้านนอก ต่อหน้าเจี่ยนชิงโยว นางต้องให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์อยู่บ้าง

ทันทีที่นางพูดออกมาเช่นนี้ อาอู่ก็หยุดไอทันที

หยวนหมัวมัวไม่อาจโต้เถียงคำสั่งของเจี่ยนชิงโยวได้ ขึ้นไปบนรถม้าอีกครั้ง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวล แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้

นางเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงของอาอู่ ใบหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยเปื้อนยิ้ม พาเจี่ยนชิงโยวขึ้นไปบนเกวียน “เจ้าไม่เคยนั่งเกวียนมาก่อนใช่ไหม วันนี้เพราะวาสนาของข้า ให้เจ้าได้ประเดิมเป็นครั้งแรก”

สั่งอาอู่หันหัวเกวียนขับกลับไปที่เรือน แล้วหันมาจับมือเจี่ยนชิงโยว “นั่งให้ดี เกวียนนี้ค่อนข้างมั่นคง ทั้งยังมองได้สุดลูกหูลูกตา ไม่ด้อยไปกว่ารถม้าของเจ้า”

คุณชายใหญ่เจี่ยนเกือบจะสำลักและเวียนหัวเพราะคำพูดนี้

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนบอกว่าเกวียนไม่ด้อยไปกว่ารถม้า ราวกับว่าการได้นั่งเกวียนเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ดียิ่งนัก

เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนนั่งอยู่บนเกวียน ยืนอยู่ตรงหน้ารถม้า พูดด้วยความสง่างามเช่นนี้

และเป็นครั้งแรกที่เห็นคนขับเกวียนที่น่าเกรงขามเช่นนี้ น่าเกรงขามยิ่งกว่าคนเฝ้าเรือนของตระกูลพวกเขาเสียอีก

เขาเข้าใจท่านย่าที่หลักแหลมของตนขึ้นมาทันทีว่าเหตุใดต้องรับแม่นางผู้นี้มาเป็นหลานสาวบุญธรรม

แต่ว่า เขาที่นั่งหัวโด่ตรงนี้ อย่างน้อยก็เป็นคุณชายรูปงาม แต่กลับถูกเพิกเฉย ภายใต้ความขุ่นเคืองใจ เห็นเหล่าหวังนั่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ จึงตำหนิ “ยังไม่รีบตามไปอีก หรือจะให้ข้าไปนั่งเบียดบนเกวียน”

หยวนหมัวมัวที่นั่งอยู่ด้านใน รู้สึกเหมือนตนกำลังนั่งอยู่บนพรมเข็ม จิตใจกระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุข

เข้ามาในเรือน อาซานกำลังตัดฟืนที่ลานกว้าง มั่วเชียนเสวี่ยออกคำสั่ง “อาซาน มีแขกมา ให้หนีจื่อออกมาช่วยชงชา”

อาซานเห็นมั่วเชียนเสวี่ยพยุงหญิงสาวรูปโฉมงดงามเข้ามาในเรือน แล้วสบตากับสายตาอับจนหนทางของอาอู่ เข้าใจทันทีว่าเป็นคุณหนูใหญ่เจี่ยน คร่ำครวญในใจ คืนนี้เจ้านายต้องทดสอบว่าวรยุทธ์ของพวกเขาก้าวหน้าขึ้นหรือไม่อีกแล้ว

อาซานส่งสายตา เดินนำแขกเข้าไปในเรือน อาอู่ลอบออกไปจากเรือนเงียบๆ

วีรกรรมของมั่วเชียนเสวี่ยในหมู่บ้านหวังจยา แน่นอนว่าตระกูลเจี่ยนย่อมสืบจนกระจ่างชัดแล้ว เจี่ยนมั่วไป๋ย่อมรู้ดี เขาเคยชินกับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย โรงงานเล็กๆ หลังหนึ่ง บ้านเรือนในชนบท ร้านอาหารขนาดเล็กร้านหนึ่ง ในสายตาของเขาไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง กิจการเช่นนี้ ตระกูลเจี่ยนของเขามีมากมาย

ทว่า เมื่อได้มาเห็นกลับต้องตกใจ

แม้ร้านอาหารจะตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทว่ายังคงความสง่างาม

แม้จะสร้างเรือนอยู่ในหมู่บ้าน กลับไม่ได้มีขนาดเล็ก ด้านในมีครบทุกอย่างและใหม่เอี่ยม

แตกต่างกับเรือนเก่าๆ เตี้ยๆ ที่เขาคิดเอาไว้ ภาพหญิงชนบทสกปรกมอมแมมถูกสลัดออกไป

บนรถม้ามีของกำนัลมากมายที่เจี่ยนชิงโยวนำมาแทนคำขอบคุณ หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยกล่าวขอบคุณแล้ว ก็ให้อาซานไปช่วยหยวนหมัวมัวเก็บให้เรียบร้อย

อาซานเดินนำหยวนหมัวมัวออกมาจากเรือน มั่วเชียนเสวี่ยเชิญทั้งสองนั่ง

หลังจากแนะนำพี่ชายของตนเสร็จ ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้นเจี่ยนชิงโยวก็พูดถึงเจตนาของเหล่าไท่จวิน ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยตกตะลึงทันที

เมื่อฟังต่อก็ได้รู้ว่า ยังต้องทำพิธีรีตอง เชิญพวกเขาสองสามีภรรยาไปจวนเจี่ยน จัดงานฉลองในจวน ทั้งยังบอกให้นางอย่ารังเกียจที่ไม่ได้จัดงานยิ่งใหญ่

ศีรษะของมั่วเชียนเสวี่ยส่ายไปมาเหมือนกับกลองป๋องแป๋ง

ย่าบุญธรรม? เคยได้ยินแต่พ่อบุญธรรม ไม่เคยได้ยินย่าบุญธรรมมาก่อน

ทั้งยังมีงานฉลองในจวน ถึงเวลา นางต้องแสดงละครยิ่งใหญ่อีกใช่หรือไม่ เรียกท่านย่าบุญธรรมต่อหน้าผู้คน กราบสามครั้งคำนับเก้าครั้ง…

คิดถึงตรงนี้ มั่วเชียนเสวี่ยดึงสติกลับมาด้วยความสะท้าน ยิ้มแหยงๆ “ระหว่างเราสองคน ยังจะนับญาติไม่นับญาติอะไรกัน บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าท่านย่าของเจ้าก็คือท่านย่าของข้า ชิงโยว วานเจ้าช่วยบอกท่านย่าเจี่ยนว่าไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ ขอเพียงมีใจก็พอแล้ว ทำเช่นนี้กลับกลายเป็นห่างเหิน”

นี่เป็นการปฏิเสธอ้อมๆ เจี่ยนชิงโยวไม่ได้แปลกใจ และไม่ได้เกลี้ยกล่อมอะไรมาก เพียงแค่ยิ้ม

เจี่ยนมั่วไป๋กลับเบิกตากว้าง

คนมากน้อยเพียงใดอยากจะนับญาติกับท่านปู่ท่านย่าตระกูลเจี่ยนแต่กลับไม่มีหนทาง ครานี้พวกเขาเป็นฝ่ายเสนอ แต่กลับมีคนปฏิเสธ?

ไม่แปลกที่เข้าตาท่านย่า แม่นางผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อหางเสือในอนาคตของตระกูลเจี่ยน ทั้งยังผลักไสโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป

ต้องรู้ว่า การได้เป็นบุตรีบุญธรรมตระกูลเจี่ยน ฐานันดรศักดิ์เปลี่ยนไปในทันควัน มีสัมพันธ์ส่วนตัวกับตระกูลใหญ่ ฐานันดรศักดิ์แตกต่างราวฟ้ากับเหว

เหมือนกับที่จะตีสุนัขต้องดูเจ้านาย หลังจากนี้ผู้ใดคิดจะทำอะไรนาง ต้องชั่งน้ำหนักก่อน ต้องดูความสำคัญของนางในตระกูลเจี่ยนด้วย

หนีจื่อยกน้ำชาเข้ามา มั่วเชียนเสวี่ยและเจี่ยนชิงโยวพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบไม่กี่คำ หนิงเซ่าชิงก็กลับมา

ในเรือนมีแขกที่เป็นบุรุษ เขาที่เป็นเจ้าของเรือน การกลับมาต้อนรับแขกก็เป็นเรื่องที่สมควร

หนิงเซ่าชิงเดินอยู่ด้านหน้า อาอู่เดินตามหลัง ก้าวเท้าเข้ามาในเรือนด้วยความสง่างาม

ตอนที่เจี่ยนมั่วไป๋เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในเรือน ก็เดาได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือท่านอาจารย์หนิง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าท่านอาจารย์หนิงจะสง่างามเช่นนี้ รีบลุกขึ้นทักทาย

เมืองเทียนเซียง คนเดียวที่อยู่ในสายตาของคุณชายใหญ่เจี่ยน ก็คือซินอี้หมิง

ส่วนตัวแล้วเขากับซินอี้หมิงสนิทสนมกันไม่น้อย แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ว่าซินอี้หมิงมีใจให้น้องสาว และอยากให้เขาเป็นสามีของน้องสาวตน เพียงแต่…

คิดไม่ถึงว่าเขาจะสง่างามยิ่งกว่าซินอี้หมิง สูงศักดิ์ยิ่งกว่าคุณชายซูชี น่าเกรงขามตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกอย่างช่างดูเป็นธรรมชาติ

เขา เขาเป็นเพียงอาจารย์ในชนบทจริงๆ หรือ

สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ธรรมดา!

เจี่ยนมั่วไป๋ครุ่นคิดในใจ สิ่งที่เจี่ยนชิงโยวคิดกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

รูปลักษณ์ดี คู่ควรกับน้องสาว แต่เหตุใดจึงเย็นชากับตนยิ่งนัก

มั่วเชียนเสวี่ยเห็นหนิงเซ่าชิงกลับมา ก็ร้อนตัวยิ่งนัก

ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองจับมือทักทายกัน มั่วเชียนเสวี่ยกัดฟันแน่นแล้วลุกขึ้นแนะนำตัวให้ทั้งสองได้รู้จักกันด้วยความกระอักกระอ่วน แน่นอนว่าต้องแนะนำเจี่ยนชิงโยวให้รู้จักด้วย

หนิงเซ่าชิงกวาดมองทั้งสองด้วยแววตาเยือกเย็น ใบหน้าเย็นชา ทว่ากลับพูดด้วยความเกรงใจ “มีแขกสำคัญมาเยือน เป็นเกียรติยิ่งนัก!”

คุณชายตระกูลขุนนางระดับสองคนหนึ่ง ไม่ควรคู่ให้เขาต้อนรับด้วยตนเองด้วยซ้ำ

เขากลับมา สิ่งสำคัญคือมาจับตาดูหญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้ ไม่ให้นางใกล้ชิดสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวกับหญิงอื่นอีก

ชำเลืองมองเจี่ยนชิงโยวที่ยืนอยู่ข้างๆ หนิงเซ่าชิงหัวเราะหึๆ ในลำคอ

สายตาของชายผู้นี้คมเฉียบ! เจี่ยนชิงโยวสั่นไปทั้งตัว ขดตัวอยู่ด้านหลังมั่วเชียนเสวี่ยโดยไม่รู้ตัว มั่วเชียนเสวี่ยพยุงนางเอาไว้

คิดไม่ถึงว่าจะมีแรงมหาศาลกระชากที่แขนนาง กระชากเพียงครั้งเดียว นางก็ยืนอยู่ข้างหนิงเซ่าชิง ได้ยินเสียงเครื่องสายตะวันตกดังขึ้นที่ข้างหู “หนีจื่อ ยังไม่รีบพยุงคุณหนูเจี่ยนอีก”

ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยตกตะลึงอยู่นั้น นางก็นั่งลงข้างหนิงเซ่าชิงแล้ว หนีจื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบเดินเข้าไปหาอย่างมีไหวพริบ พยุงเจี่ยนชิงโยวไปนั่งข้างถัดจากคุณชายใหญ่เจี่ยน