ตอนที่ 60 เรียกเย่ซิวตู๋ออกมา
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว กระโดดดีดตัวขึ้นและมุดหน้าต่างออกไปยืนด้านบนหลังคาอย่างรวดเร็ว
ภายในโรงเตี๊ยมเกิดความโกลาหล บุรุษชุดดำหลายสิบคนถือกระบี่เล็งมาที่โม่เสียน เสิ่นอิง เหวินเทียน และผู้พิทักษ์ทมิฬของจวนโม่ บนร่างกายของแต่ละคนเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
เถ้าแก่และลูกน้องหายไปตั้งแต่แรกแล้ว โรงเตี๊ยมถูกเสิ่นอิงและคนของพวกเขาเหมาไว้ทั้งหมด กอปรกับสถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตชานเมือง มีเพียงไม่กี่ครัวเรือนอาศัยอยู่ แต่กลับมีโรงเตี๊ยม 2-3 แห่ง จึงย่อมไม่มีลูกค้าให้เห็น
ด้วยเหตุนี้ภายในโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ จึงมีแค่คนสองกลุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากันพร้อมกับปล่อยรังสีเย็นเยือกใส่อีกฝ่าย
นัยน์ตาของเย่ซิวตู๋แสนเย็นชา เขาจ้องมองบุรุษชุดดำที่เป็นหัวหน้า ในมือสอดเข้าไปด้านในแขนเสื้อ…
จินหลิวหลีบุกเข้ามาในห้องของอวี้ชิงลั่วทันที เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ซึ่งเสียงกระแทกประตูห้องนี้ทำให้อวี้ชิงลั่วตกใจจนดีดตัวและตื่นในทันที
เมื่อเห็นจินหลิวหลี คิ้วของนางก็พลันขมวดเข้าหากัน นางเก็บเข็มเงินที่วางอยู่ข้างเตียง คลุมเสื้อลงจากเตียง
“ทำอะไร?”
อวี้ชิงลั่วตื่นนอนด้วยความหงุดหงิด ความหงุดหงิดจากการตื่นนอนรุนแรงมาก อีกอย่างนางยังถูกปลุกให้ตื่นขณะที่หลับลึกหลังจากเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ความหงุดหงิดจากการตื่นนอนย่อมทวีคูณขึ้น
จินหลิวหลีชะงักฝีเท้า นางกลืนน้ำลายและพูดอย่างรีบร้อนว่า “มีนักฆ่าบุกมา เสิ่นอิงบอกให้ข้ามาคุ้มกันเจ้าและหนีออกไปก่อน”
บุคคลที่ปรากฏตัวในครั้งนี้ดูเหมือนจะรับมือยากแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือยิ่งเข้าใกล้เมืองหลวงมากเท่าไร สถานการณ์ก็ยิ่งวิกฤตมากขึ้นเท่านั้นจริง ๆ
เย่ซิวตู๋ไปสร้างความขุ่นเคืองให้ใครกันแน่? คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนไล่ฆ่าพวกเขามากขนาดนั้น ที่พวกเขาเจอระหว่างทางก็มีตั้งหลายกลุ่มแล้ว
“พวกมันไม่ยอมจบสิ้นสักทีสินะ?” อารมณ์ของอวี้ชิงลั่วแตะขีดสุดแล้ว คนเหล่านี้คิดว่านางดูเหมือนคนที่รังแกได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?
จินหลิวหลีมุมปากกระตุก ลอบสบถในใจ เจ้าไหนเลยจะดูเหมือนคนที่รังแกได้ง่าย ๆ? มีแต่เจ้าที่ไปรังแกคนอื่นอยู่ตลอดมิใช่หรือ?
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ด้านบนหลังคาก็เกิดเสียงกรอบแกรบดังขึ้น ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงต่อสู้สองสามเสียง
จินหลิวหลีหน้าเปลี่ยนสี นางรีบหยิบกระเป๋าสัมภาระที่อยู่บนเตียง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังหลายส่วน “แย่แล้ว มีสองกลุ่ม เกรงว่าครานี้คงยุ่งยากจริง ๆ แล้ว”
เย่ซิวตู๋เองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ในโรงเตี๊ยมก็จริง แต่ด้านนอกโรงเตี๊ยมกลับถูกอีกกลุ่มหนึ่งห้อมล้อมไว้ ทั้งยังดูเหมือนกับว่าจะไม่ได้เป็นกลุ่มเดียวกันเสียด้วย
เขายิ้มเย็นชา จากนั้นจึงจัดการกับคนที่กระโดดอยู่บนหลังคาห้องอวี้ชิงลั่ว เพียงแต่คิ้วของเขากลับขมวดแน่นไม่ยอมคลาย
ด้านล่างมีเสียงต่อสู้ดังขึ้น มีเสียงของเสิ่นอิงตวาดด้วยความโกรธเคืองเป็นครั้งคราวด้วย
“เผิงอิง หยุด” ทันใดนั้น เสียงเป็นกังวลของเหวินเทียนก็ดังขึ้นจากด้านล่าง
อวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลีสบตากัน ทั้งสองคนมองลงไปด้านล่าง กลับพบว่าเผิงอิงกำลังพัวพันอยู่กับมือสังหารตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้ ทั้งยังเริ่มถอยเพราะเสียเปรียบอย่างต่อเนื่อง เพียงไม่นานเขาก็ถูกนักฆ่าสองคนต้อนไปอยู่ที่มุมอาคาร บนแขนของเขามีรอยถูกแทงแผลหนึ่ง
“หลิวหลี ไปช่วยเขา” อวี้ชิงลั่วขบฟันแน่น กลุ่มคนเหล่านี้ไม่กลัวตายเลยจริง ๆ
จินหลิวหลีมองนางปราดหนึ่ง หลังจากทราบว่านางมีความสามารถในการป้องกันตัว จึงดึงแส้เส้นบางข้างเอวออกมา ก่อนจะกระตุกขึ้นอย่างรวดเร็วและฟาดไปที่เอวของนักฆ่าที่กำลังเข้าใกล้เผิงอิง บนแส้นั้นมีหนามแหลมคมฝังอยู่ เมื่อคนผู้นั้นถูกแส้ฟาดจนเนื้อเละโลหิตสาดกระจาย ร่างกายเขาก็สั่นกระตุกก่อนจะหมดลมหายใจในเวลาต่อมา
ทุกคนถึงกับตกใจ แม้แต่นักฆ่าเหล่านั้นก็หยุดชะงักเพราะความตกตะลึงเช่นกัน จู่ ๆ ก็เห็นสตรีอำพรางหน้าตาปรากฏตัวขึ้นกลางโรงเตี๊ยม เมื่อได้เห็นแส้ที่อยู่ในมือของนางปราดหนึ่ง ทุกคนต่างก็สูดลมเย็นเข้าปอดแรง ๆ
“เยว่เซี่ยซิวหลัว(จันทราอสุรี)?”
คนหนึ่งอุทานออกมา และถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ
จินหลิวหลีเหวี่ยงแส้ อีกคนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจึงกระเด็นลอยออกไปอีกครั้ง ฝีมือการใช้แส้ของนางเก่งกาจมาก ทำให้แส้เส้นนั้นสะบัดไหวจนดูคล้ายกับอสรพิษตัวหนึ่งที่ต้อนให้คนต้องตกอยู่ในอันตราย
เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ สกัดการโจมตีของนักฆ่า และมองนางราวกับไม่อยากเชื่อสายตา
เยว่เซี่ยซิวหลัว? สุดยอดนักฆ่าที่ฆ่าคนข้ามคืนโดยไม่กะพริบตาคนนั้น? คนผู้นั้น ปรากฏว่าเป็นเถ้าแก่เนี้ยจินหรอกหรือ?
“เยว่เซี่ยซิวหลัว? เจ้าหายสาบสูญไปเมื่อสองปีก่อนมิใช่หรือ?” นักฆ่าผู้นั้นดูเหมือนจะมีความเกลียดชังอยู่มาก เขาถอยหลังออกไปสองสามก้าวและจ้องเขม็งแส้ที่อยู่ในมือของจินหลิวหลี
แส้เส้นนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเยว่เซี่ยซิวหลัว เมื่อแส้ถูกฟาดออกมา มีเพียงน้อยคนที่จะยังมีชีวิตรอด
จินหลิวหลีแย้มยิ้ม ฟาดแส้ลงบนพื้นแรง ๆ “ข้าก็แค่พักฟื้นเท่านั้น สองปีที่ไม่ปรากฏตัว ก็ยังมีรุ่นน้องที่ใช้วิธีการอันมิชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศจำนวนไม่น้อย”
นักฆ่าผู้นั้นถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวเบา ๆ เดิมทีแค่พวกเขาต้องรับมือกับเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ก็เกินกำลังไปเล็กน้อยแล้ว ตอนนี้ยังมีเยว่เซี่ยซิวหลัวปรากฏตัวออกมาอีก นี่มิเท่ากับว่าหมดโอกาสหรอกหรือ?
บัดซบ เขายังคิดอยากจะจับตัวเผิงอิงที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้น ในมือก็จะมีตัวต่อรองเพิ่มขึ้นแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเยว่เซี่ยซิวหลัวจะปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าเขา
เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แก้ปัญหาได้ง่าย ๆ เหมือนที่เขาคิดไว้เสียแล้ว แต่ข่าวที่ได้รับ บอกว่าเย่ซิวตู๋ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอแค่จัดการผู้อารักขาไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายของเขา ก็สามารถสังหารเขาได้แล้วมิใช่หรือ?
หัวหน้านักฆ่ามีสีหน้าเขียวคล้ำ สายตามองไปยังลูกสมุนของเขาที่อยู่ในมือของเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ คนแล้วคนเล่า ภายในใจก็เกิดความโกรธเคืองมากขึ้น
เขาเริ่มคิดหาวิธีถอยหนี ใครจะไปคิดว่าตอนที่เงยหน้าขึ้น จะพบกับอวี้ชิงลั่วที่กำลังยืนพิงราวจับบันไดชั้นสอง
สตรีผู้นี้…ดูเหมือนว่าจะอยู่กับพวกเขา เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของนาง ก็คิดว่ามิใช่คนที่มีทักษะวรยุทธ์ลึกซึ้งอะไร
ดวงตาหัวหน้านักฆ่าเป็นประกายคมกล้า เขารีบลอยตัวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมมือทั้งสองข้างพุ่งเข้าใส่อวี้ชิงลั่ว
“แม่นางอวี้ ระวัง” เสิ่นอิงเบิกตาโตด้วยความตกใจ เขาแยกตัวออกจากนักฆ่าที่อยู่ตรงหน้าลอยไปหาอวี้ชิงลั่วทันที แต่เป็นเพราะไม่ทันได้ระวัง จึงถูกแทงเข้าใส่จุดที่ใส่เกราะบ่าอย่างแรง
“อึก…”
เสิ่นอิงกระแทกเข้ากับเสาที่อยู่ข้าง ๆ หน้าผากของเขาเกิดเหงื่อเย็นผุดออกมาในทันที
วินาทีนั้นเอง กระบวนยุทธ์ของโม่เสียนและเหวินเทียนก็แอบยุ่งเหยิงเล็กน้อย โชคดีที่กลั้นหายใจได้อย่างรวดเร็ว สามารถต้านนักฆ่าที่ไม่ต้องการชีวิตไว้ได้
เพียงแต่ภายในใจกลับกระวนกระวาย จ้องมองไปยังอวี้ชิงลั่วที่ถูกหัวหน้านักฆ่าพุ่งตัวเข้าใส่หมายบีบรัดคอ
บัดซบ!!!
เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ด้านบนหลังคา เขาเตะคนสุดท้ายที่ติดอยู่ด้านนอกโรงเตี๊ยมจนกระเด็นอย่างแรง สายตาจ้องมองไปยังอวี้ชิงลั่วที่อยู่ด้านล่าง นิ้วมือลอบกำเข้าหากันเล็กน้อย
ฝีมือของสตรีผู้นี้เก่งกาจมากมิใช่หรือ? เหตุใดถึงไม่หลบหลีก? ต่อให้ไม่มีวิชาตัวเบากำลังภายใน จากความคล่องแคล่วของนาง การหลบซ่อนตัวครู่หนึ่งเพื่อให้เขาเก็บกวาดคนที่อยู่ในมือให้เรียบร้อยแล้วไปช่วยเหลือนางก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
นางโง่เขลาหรืออย่างไรกัน?
“หยุด หยุดให้หมด” หัวหน้านักฆ่ามองเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ในอาการร้อนรนไปชั่วขณะหนึ่ง เขาทราบว่าตนเองเก็บสมบัติได้ชิ้นหนึ่ง จึงเกิดความภาคภูมิใจหลายส่วนในทันที
จินหลิวหลีเก็บแส้ในมือ นางเลิกคิ้วมองหัวหน้านักฆ่าที่กำลังหัวเราะคิกคัก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
จับใครไม่จับ ดันไปจับอวี้ชิงลั่วเสียได้ โดยเฉพาะเขาที่จับตัวนางในระยะประชิดขนาดนี้ หรือเขาไม่รู้ว่าเพียงอวี้ชิงลั่วโจมตีจากระยะไกลอีกฝ่ายก็โดนนางจัดการแล้ว?
“เรียกเย่ซิวตู๋ออกมา มิเช่นนั้นข้าจะฆ่านางซะ” เป็นเพราะความไม่พอใจหัวหน้านักฆ่าจึงออกแรงที่ฝ่ามือมากขึ้นหนึ่งส่วน กวาดสายตาชั่วร้ายไปยังคนอื่น ๆ ที่อยู่ชั้นล่าง
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชอบเถ้าแก่เนี้ยจินตอนนี้จังค่ะ ดูเท่มากเลย
ไม่จำเป็นต้องเรียกหานายท่านเย่หรอกค่ะ เอ็งน่าจะโดนพิษของชิงลั่วม่องไปก่อนแล้วถ้าดูจากท่าทางของจินหลิวหลี
ไหหม่า(海馬)