บทที่ 77 โครงกระดูกทั้งห้อง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 77 โครงกระดูกทั้งห้อง

ในขณะที่นางกำลังสับสน ในช่องทางที่อยู่ริมสุดนั้น เงาสีขาวสว่างกะพริบขึ้นมาอีกครั้ง……

ครั้งนี้ นางไม่แม้แต่จะพิจารณา เลือกช่องทางที่มีเงาสีขาวกะพริบผ่านทันที

อย่างไรก็ตามช่องทางนี้ ไม่มีตะเกียงน้ำมันหรือคบเพลิงอะไรพวกนั้นอยู่ที่พื้น แม้แต่เทียนก็ไม่มี

เริ่มต้นค่อยยังชั่ว สามารถมองเห็นด้านหน้าได้อย่างชัดเจน จากนั้นพร่ามัวขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดยื่นมือออกก็มองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า

ช่วยไม่ได้ หลานเยาเยาทำได้เพียงหยิบมุกเย่หมิงออกจากระบบได้เท่านั้น

มุกเย่หมิงเม็ดนี้ได้รับมาตอนที่นางเปิดประมูลกระเป๋าพยาบาล!

ช่างเป็นของรักที่ล้ำค่า ตอนนี้ถูกนางกำลังใช้มันเพื่อส่องสว่าง

เฮ่อ! ใช้ประโยชน์ไม่สมกับของล้ำค่าเลยจริงๆ

ไปที่ปลายทางเดิน มีประตูหินอยู่บานหนึ่ง หลานเยาเยาคิดว่าเขาต้องหากลไกถึงจะเปิดประตูหินออกได้ แต่คิดไม่ถึง นางใช้มือผลัก ก็เปิดออก

“เสียงดังกึกก้อง……”

หลังจากประตูหินเปิดออก หลานเยาเยาไม่ได้รีบเร่งเดินเข้าไป แต่ใช้มุกเย่หมิงส่อง

ไม่ส่องก็ไม่รู้ พอส่องก็ตกใจ!

โครงกระดูกที่สมบูรณ์แต่ละชิ้นแขวนอยู่ในห้องหิน ตายด้วยการแขวนคอทั้งหมด แม้ว่าเสื้อผ้าของพวกเขาจะปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเป็นชั้นๆ แต่ยังสามารถเห็นได้ว่าคนที่แต่งตัวอย่างเป็นทางการมาก่อนตาย

และ!

เสื้อผ้าเป็นแบบเดียวกัน

ดูเหมือนเครื่องแต่งกายขององครักษ์ในวัง แต่สีแตกต่างกันบ้าง

หลานเยาเยาค่อยๆ เดินเข้าใกล้ พยายามไม่สัมผัสกับกระดูก แต่เนื่องจากมีกระดูกมากเกินไป บางทีก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสโดน

ฝุ่นบนร่างของกระดูกเหล่านั้น กระจายออกไปทั่วทุกทิศราวกับระเบิด

หลานเยาเยารีบปิดปากจมูก หลบให้ไกลจากฝุ่นอย่างรวดเร็ว

เห็นด้านในสุดของห้องหิน นางเห็นกระดูกในชุดประจำเสนาบดีอันดับสอง แม้จะเป็นเพียงกระดูก แต่ดูดุดันมาก

กระดูกของเสนาบดีผู้นี้แตกต่างจากกระดูกอื่นๆ เขาไม่ได้ห้อยอยู่ แต่นั่งเฉยๆ กระดูกจากด้านล่างคอเป็นสีดำทั้งหมด

และมีโต๊ะเตี้ยอยู่ตรงหน้าเขา มีไหเหล้าและผ้าห่มที่เปื้อนฝุ่น

และด้านหลังของเสนาบดีนั้น มีโครงกระดูกสองชิ้น กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น มีดติดอยู่ในช่องท้อง

นี่……

ทำไมดูแปลกๆ?

หากพวกเขาเป็นกำลังหลักที่สร้างสถานที่แห่งนี้ เหตุใดองครักษ์ทั้งหมดจึงถูกแขวนคอตาย? และเสนาบดีนั้นถูกวางยาตาย ข้างหลังสองคนถูกแทง

ไม่ว่าจะมองยังไงก็คิดว่ารวมฆ่าตัวตาย!

“ซ่าๆ ……”

ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างสั่นไหว ดูเหมือนว่าจะมาจากด้านหลังผนังหิน มีโพรงหนึ่งในผนังหิน หลานเยาเยามองผ่านโพรงทันที เห็นเพียงเงาสีขาววาบผ่านไป

เมื่อนางจะหากลไก ดูว่ามีประตูหินที่นำไปสู่ห้องหินด้านในหรือไม่

“ตึกๆๆ ……”

มีเสียงฝีเท้ามากมาย

“ข้างหน้ามีแสงสว่าง ข้างในมีคนแน่นอน พวกเราจะเข้าไปดูหรือไม่?”

“อย่างไรก็ต้องไป ทุกคนเร็วเข้า ผู้ที่บาดเจ็บสาหัสค่อยๆ ตามมา”

“ถ้าหากเป็นอ๋องเย่หรือคนของอ๋องเย่ พวกเราก็ได้ตายสถานเดียว?”

“ไม่ใช่จะดีมาก หลังจากเข้ามาที่นี่ ทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บ พวกอ๋องเย่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่บาดเจ็บ นอกจากนี้พวกเรามีคนมากมาย จะกลัวอะไร?”

บางทีคนที่อยู่ข้างหลังก็พูดถูก คนเหล่านั้นไม่เถียงอีกต่อไป เร่งฝีเท้าทันที ใช้เวลาไม่นานนักคนเหล่านั้นก็มาถึงหน้าประตูห้องหินที่หลานเยาเยาอยู่

“อ้าก……โครงกระดูก โครงกระดูกเยอะมาก เป็นโครงกระดูกทั้งสิ้น”

“หนึ่งในนั้นตะโกนร้องออกมาด้วยความกลัว”

ทุกคนก็อุทานตกใจ!

“เสียงดังโวยวายทำไม? ก็แค่โครงกระดูกไม่ใช่หรือ? มีอะไรน่ากลัว ถ้ายังเสียงดังข้าจะตัดหัวพวกเจ้าทิ้ง”

เสียงนั้นเปล่งออกมา ทุกคนหุบปาก

“พี่ใหญ่ ข้างในมีคน!”

“อืม รู้แล้ว พวกเราเข้าไปกัน ห้ามสัมผัสกับโครงกระดูกเหล่านั้นเด็ดขาด”

“รับทราบ!”

ขณะเดียวกันที่หลานเยาเยากำลังหากลไก ยังคงสังเกตการกระทำของคนที่เดินเข้ามา

ดูร่างกายที่เคลื่อนไหวของพวกเขา หลานเยาเยาเหงื่อแตกเพราะพวกเขาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ส่งเสียงเตือน:

“นี่ ห้ามสัมผัสกับโครงกระดูกเด็ดขาด มิฉะนั้นเราทั้งหมดจะต้องตาย!”

เมื่อเสียงนางเงียบไป เสียงฝีเท้าและการสนทนาของพวกเขาหยุดลง

“พี่ใหญ่ เป็นหญิงคนหนึ่ง และเป็นหญิงที่มีน้ำเสียงไพเราะ นางคงไม่ใช่ผีนะ?”

“หุบปาก ไปถึงด้านในสุดค่อยว่ากัน”

พูดก็พูดเช่นนี้

แต่พี่ใหญ่ผู้นั้นเดินอยู่หน้าสุด อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง และถามขึ้นเสียงดัง:

“แม่นาง เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ทรัพย์สมบัติของที่นี่ถูกฝังไว้ในอดีตทั้งหมด คนทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้”

พวกเขาเข้ามาตามหลังอ๋องเย่

มิฉะนั้นพวกเขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทางเข้าอยู่ที่ไหน!

“เฮ้อ ข้ากังวลเกี่ยวกับปัญญาของเจ้าจริงๆ เจ้าก็บอกแล้วว่าคนทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้ ในเมื่อข้าเข้ามาได้ นั่นก็แสดงว่าเข้าไม่ใช่คนทั่วไป

เจ้าจะถามคำถามโง่ๆ นี้ทำไม? จะถามก็ถามคำถามที่ฉลาดหน่อย ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่รู้อะไรเลย”

“……”

ไม่รู้อะไรเลย แล้วพวกเขาที่จะถามคำถามอะไรที่ฉลาดทำไม?

เห็นว่าคนที่ถูกเรียกว่าพี่ใหญ่เงียบไม่พูด หลานเยาเยาจึงส่งเสียงอีกครั้ง:

“เจ้าคิดไม่ออกใช่ไหม? หรือสมองของเจ้ามีปัญหา”

พูดคำนี้ออกไป พี่ใหญ่ผู้นั้นก็ไม่พอใจ

“แม่นาง ข้าวจะกินอย่างไรก็ได้ แต่คำพูดจะพูดไม่คิดไม่ได้ รู้หรือไม่มีคำพูดที่ว่าหายนะมาจากปาก?”

ได้ยินเช่นนั้น!

ด้านหลานเยาเยาที่กำลังมองหากลไกตามผนัง อีกด้านหนึ่งก็ยิ้มมุมปาก พูดกล่าวอย่างเหน็บแนม:

“อย่าเป็นแบบนี้สิ! ข้าถามคำถามที่ฉลาดหน่อย หากเจ้าสามารถตอบได้ เจ้าก็แสดงว่าสมองของเจ้าดีมาก ว่าอย่างไร?”

ใครเล่าจะรู้……

พี่ใหญ่ผู้นั้นตบหน้าอก ทั้งๆ ที่รู้ทัน แต่ก็ยังทนไม่ได้กับวิธีการปั่นป่วนดันของหลานเยาเยา

“เจ้าถามเถิด!”

ยังไงนางก็แค่ตัวคนเดียว และยังเป็นหญิงคนหนึ่ง พวกเขาจะกลัวนางหรือ?

แม้นางจะรู้อะไรมากขึ้นไปอีก ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องตาย

“โครงกระดูกเหล่านี้เป็นผู้ใด?”

“ดูจากเครื่องแต่งกายของพวกเขา พวกเขาล้วนเป็นอดีตองครักษ์ และเป็นองครักษ์ของเมืองหลวงในอดีต”

เป็นไปตามที่นางคิดไว้

แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นองครักษ์ของเมืองหลวง

ขณะนี้!

หลานเยาเยาค้นพบพอดีว่ากลไกอยู่ที่ไหน และพี่ใหญ่ผู้นั้นก็เข้ามาถึงด้านในสุดแล้ว และแล้ว นางจึงชี้ไปยังโครงกระดูกของเสนาบดีแล้วถาม

“งั้นเจ้ารู้ไหมว่าคนนั้นเป็นใคร?”

หลังจากพี่ใหญ่เห็นหลานเยาเยา หรี่ดวงตาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขากวาดสายตาไปยังมุกเย่หมิงเม็ดนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

นี่คือมุกเย่หมิงหรือ?

สวยมาก!

ว่ากันว่ามีเพียงเม็ดเดียวในประเทศก่วงส้า และอยู่ในมือของอ๋องเย่ที่ร่ำรวยด้วยอำนาจและความมั่งคั่ง

ตอนนี้เห็นอยู่ในมือของหญิงผู้นี้

ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนของอ๋องเย่!

ดีมาก สามารถปล้นมุกเย่หมิงได้ และยังฆ่าผู้หญิงคนนี้ได้อีก

แต่ว่า!

ได้ยินมาว่าคนของอ๋องเย่แต่ละคนฉลาดและเจ้าเล่ห์ และมีประโยชน์มาก

เขาต้องระมัดระวัง

หลังจากตัดสินใจแล้ว เขาเบี่ยงเบนสายตาไปที่กระดูกของเสนาบดี เพียงแค่ชำเลืองมองไปที่ชุดเครื่องแต่งกาย แววตาของเขาแสดงออกถึงความประหลาดใจ

จากนั้นพูดขึ้นอย่างดูถูก……