ตอนที่ 43 เด็กก็แค่เล่นกัน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 43 เด็กก็แค่เล่นกัน

หลินเว่ยเว่ยอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาเหนือหินก้อนใหญ่ จากนั้นก็วางตัวเขาลงครู่หนึ่งแล้วยกขึ้นอีก ให้เขาลิ้มรสความรู้สึกว่าเป็นเช่นไร…มันเหมือนความรู้สึกวูบวาบคล้ายเล่นบันจีจัมป์ในยุคอนาคต สีหน้าของเจ้าอ้วนซานจึงเริ่มถอดสี คราวนี้ใบหน้าอวบอ้วนไม่หลงเหลือความยโสอีกต่อไป เขารีบคว้าหมับเข้าที่มือของหลินเว่ยเว่ยเพราะกลัวนางจะปล่อยให้เขาร่วงลงมากระแทกหิน

หนึ่งในลูกน้องของเจ้าอ้วนซานหรือเรียกได้ว่าเป็นลูกน้องคนสนิทรีบวิ่งกลับไปเรียกผู้ใหญ่ที่บ้านมาช่วย เมื่อมารดาของเจ้าอ้วนซานได้ยินว่าบุตรชายไปมีเรื่องกับเจ้าเด็กโง่ของตระกูลหลิน นางจึงรีบวิ่งออกไปเพราะกลัวว่าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนจะได้รับบาดเจ็บ

นางเด็กนี่ วางเจ้าอ้วนซานลูกของข้าลงเดี๋ยวนี้ หากเจ้ากล้าทำร้ายเขา ข้าก็จะสู้กับเจ้าเอง ! พอมารดาของเจ้าอ้วนซานเห็นว่าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ในกำมือเจ้าเด็กโง่ตระกูลหลิน นางก็รีบพุ่งตัวเข้ามาทันที

หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นจึงวางตัวเจ้าอ้วนซานลง จากนั้นก็หันไปกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เจ้าอ้วนซาน ข้ารังแกเจ้าหรือยัง ? ข้ากำลังเล่นกับเจ้าอยู่ ! เจ้าสนุกและตื่นเต้นหรือไม่ ?

เมื่อเจ้าอ้วนซานถูกปล่อยตัวลงพื้นก็อาเจียนออกมาด้วยอาการเวียนศีรษะตาลาย แข้งขาก็อ่อนยวบยาบราวกับเส้นบะหมี่และใบหน้าก็ซีดเผือดดูไร้สีเลือด มารดาของเจ้าอ้วนซานได้เห็นสภาพบุตรชายก็ร้องไห้โฮออกมา นางเด็กโง่รังแกลูกของข้า ! ทุกคนรีบมาดูเร็ว ! นางเด็กโง่รังแกเจ้าอ้วนซานจนมีสภาพดูไม่ได้เลย

บรรดาเพื่อนบ้านได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวนี้ต่างพากันเดินออกมานอกบ้าน หลินเว่ยเว่ยจึงหันไปหาพรรคพวกของเจ้าอ้วนซานแล้วถามว่า ข้าตีเขาหรือยัง ? ข้าด่าเขาหรือไม่ ?…ดูสิ ข้าทั้งไม่ได้ตีเขาและก็ไม่ได้ด่าเขา เหตุใดมากล่าวหาว่าข้ารังแกเขากันเล่า ?

ยังมาเจ้าเล่ห์อีก ! เจ้าเด็กโง่ ในตอนที่ข้ามาถึงเจ้ายังหิ้วเจ้าอ้วนซานไว้ในมืออยู่เลย หรือเจ้ายังไม่รู้ตัวว่ามีแรงมากเพียงใด ? มารดาเจ้าอ้วนซานกอดบุตรชายเอาไว้แน่น ปากก็ตะโกนด่าหลินเว่ยเว่ยไม่หยุด

หลินเว่ยเว่ยจึงชี้ไปที่เด็กชายผิวคล้ำ เจ้าบอกทุกคนสิ ข้าได้ทำอันใดเจ้าอ้วนซานหรือไม่ ?

เจ้าเด็กผิวคล้ำถอยออกไปหลายก้าวแล้วพยายามยืดอก นาง…นางจับเสื้อของพี่อ้วนซาน จากนั้นก็ยกตัวเขาขึ้น !

เจ้าอ้วนซานของข้ายังไม่เคยมีเรื่องกับเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าต้องขู่เขา ? ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องเอากระต่ายมาชดใช้เพื่อเป็นค่าปลอบขวัญให้เจ้าอ้วนซาน ! มารดาของเจ้าอ้วนซานไม่มีวันยอมปล่อยไปโดยง่าย

ลูกของเจ้าทำเช่นไรกับน้องสี่ของข้า ข้าก็ทำเช่นนั้นกับเขา เจ้าอ้วนซานตัวใหญ่กว่าน้องสี่ตั้งเยอะ เขาทั้งขวางทางน้องสี่ของข้าไป ทั้งข่มขู่ ทั้งง้างมือจะตีน้องข้า เช่นนี้พวกเจ้าจะชดใช้อย่างไร ?

เรื่องนั้น…เขาก็ยังไม่ได้ตีใช่หรือเปล่า ? มารดาเจ้าอ้วนซานพลิกลิ้น

ข้าก็ไม่ได้ตีเขาเช่นกัน ! หลินเว่ยเว่ยผายมือออกอย่างไม่ยี่หระพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มกริ่ม

มารดาเจ้าอ้วนซานยังเถียงเสียงแข็ง แต่เจ้าดูสิ เจ้าทำให้เจ้าอ้วนซานหวาดกลัว !

น้องชายของข้าก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน ! เจ้าอ้วนซานข่มขู่เขาจนหวาดกลัวและสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว น้องชายของข้าน่ารักเพียงนี้ หากในอนาคตเขากลายเป็นเด็กขี้กลัวขึ้นมา ครอบครัวของเจ้าจะชดใช้ไหวหรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยกล่าวอย่างเย็นชา

เจ้าอ้วนซานถูกมารดาตามใจจนเสียคน เขาจึงชอบทำตัวสูงส่งอยู่เหนือคนอื่นและเที่ยวรังแกเด็กในหมู่บ้านเกือบครบทุกคน บรรดาชาวบ้านที่มามุงก็มองไปที่เจ้าอ้วนซานร่างยักษ์แล้วสลับไปมองร่างเล็กจิ๋วของเจ้าหนูน้อย แน่นอนว่าทุกคนย่อมเอนเอียงไปทางเจ้าหนูน้อย

ทว่าอย่างไรตระกูลหลินก็เป็นเพียงคนนอกหมู่บ้านที่เข้ามาตั้งรกรากในนี้ ดังนั้นจึงมีคนเสนอตัวราวกับว่าจะเข้ามาช่วยจัดการ ช่างเถิด ! เด็กก็แค่เล่นกัน ต่างคนต่างถอยให้กันสักก้าวไม่ดีหรือ !

ข้าแก่กว่าเจ้าอ้วนซานแค่ปีเดียว ข้าก็เป็นเด็กเช่นกัน ! ต่อไปนี้หากเจ้าอ้วนซาน ‘เล่น’ กับน้องชายของข้าเช่นไร ข้าก็จะ ‘เล่น’ กับเขาเช่นนั้น ในเมื่อเด็กเล่นกันก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มันเป็นเรื่องน่าตกใจ จริงหรือไม่ป้า ? หลินเว่ยเว่ยยิ้มกริ่ม มีนางอยู่ทั้งคนถ้าผู้ใดกล้ามารังแกน้องชาย นางจะเอาคืนคนผู้นั้นให้สาสม !

มารดาของเจ้าอ้วนซานเคยเห็นอีกฝ่ายสามารถย้ายโต๊ะหินตัวใหญ่ได้อย่างสบาย ดังนั้นมีหรือที่นางจะกล้าให้บุตร ‘เล่น’ กับหลินเว่ยเว่ย นางจึงรีบพยุงบุตรให้ลุกขึ้น หลังก่นด่าอีกเล็กน้อยก็รีบพาบุตรกลับบ้านแล้วกำชับมิให้เขาไปมีเรื่องกับหลินเว่ยเว่ยอีก

เจ้าอ้วนซานก็รู้ตัวว่าเทียบชั้นกับหลินเว่ยเว่ยไม่ได้ เวลาเขาเจอนางจึงมักเดินอ้อมไปอีกทางและเพราะเรื่องนี้จึงทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกเจ้าหนูน้อยอีก ทว่าเจ้าอ้วนซานก็ยังมิวายทิ้งคำขู่ไว้ว่าหากผู้ใดกล้าเล่นกับน้องเล็กของหลินเว่ยเว่ย เขาจะจัดการคนผู้นั้น !

แม้ว่าไม่มีผู้ใดมาเล่นกับเจ้าหนูน้อย แต่เขาไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดเพราะในแต่ละวันเขาจะไปเกี่ยวหญ้าให้กระต่าย จากนั้นก็จับแมลงมาให้แม่ไก่ นอกจากนี้เขายังทำความสะอาดรังกระต่ายและเล้าไก่อีกด้วย เรียกได้ว่าในแต่ละวันเด็กน้อยงานยุ่งมาก จะมีเวลาไปเล่นดินโคลนกับเด็กน้อยคนอื่นได้เช่นไร ? ตอนนี้เขาได้มองว่าตนเป็นเสาหลักของครอบครัวไปแล้ว !

หลังจากที่เจ้าหนูน้อยตั้งใจเลี้ยงกระต่ายที่เหลือเป็นอย่างดี พวกมันก็เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ เจ้าหนูน้อยทำตามคำแนะนำของพี่รองโดยการนำกบที่จับมาได้ไปล้างน้ำจนสะอาดแล้วล่ามไว้ที่หน้ารังกระต่าย นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกระต่ายหายไปอีกเลย

ในตอนเช้า แม่ไก่สองตัวจะถูกปล่อยและเลี้ยงไว้ที่ลานบ้าน พวกมันจะคอยกินวัชพืชและแมลงที่จับมา รวมถึงคุ้ยหาแมลงใต้ดินและกินผักเหลือทิ้งของที่บ้าน ส่วนตอนกลางคืนหลินเว่ยเว่ยก็จับพวกมันไปขังไว้ในกรงแล้วก็ไปไว้ในห้องนอนของตน ก่อนที่นางจะนอนก็โยนกรงไก่เข้าไปไว้ในมิติน้ำพุวิญญาณ พอถึงตอนเช้าก็ค่อยเอาออกมาใหม่

แม่ไก่ทั้งสองตัวถูกเลี้ยงจนอ้วนท้วนสมบูรณ์ทำให้ออกไข่ทุกวันไม่เคยขาด บางครั้งแม่ไก่หลูฮวาก็สามารถออกไข่ได้ถึงวันละ 2 ฟอง โดยออกตอนเช้า 1 ฟอง ตอนกลางคืนอีก 1 ฟอง ! ทำให้นางหวงและเจ้าหนูน้อยได้ทานไข่วันละ 1 ฟอง บางครั้งก็เป็นไข่ลวก บ้างก็เป็นไข่เจียวและบางครั้งเป็นไข่ตุ๋น…ดังนั้นทั้งคู่จึงดูมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัดซึ่งทำให้หลินเว่ยเว่ยรู้สึกว่าประสบความสำเร็จ !

ทว่านับตั้งแต่ที่หลินเว่ยเว่ยพาชาวบ้านขึ้นเขาไปเจอหมีควาย นางหวงก็มักห้าม ไม่ยอมให้นางขึ้นไปบนภูเขาอีก และหลินเว่ยเว่ยก็ไม่อยากให้มารดาเกิดความกังวล ดังนั้นนางจึงขึ้นเขาไม่บ่อยนัก

เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า ความเป็นจริงแล้วนี่ต้องเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน แต่ดูเหมือนสวรรค์ช่างใจร้ายเหลือเกินที่ยังไม่ยอมให้ฝนตกลงมาสักหยด บ่อน้ำด้านล่างภูเขาก็เหือดแห้งจนเหลือแต่โคลนตม เด็กในหมู่บ้านจึงพากันเล่นจับปลาตัวเล็กตัวน้อยและเล่นโคลนกันจนเนื้อตัวสกปรก

ส่วนพืชผลในนาก็เริ่มงอกขึ้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้ชาวบ้านต้องขึ้นไปตักน้ำบนภูเขามารดที่นาของตนอย่างน้อยวันละครั้ง ทว่าด้วยภัยแล้งจึงทำให้ชาวบ้านต้องลำบากทุกข์ยากเหลือเกิน

นางหวงได้บำรุงร่างกายของตนและหลีกเลี่ยงการทำงานหนักมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อนางเห็นว่าร่างกายเริ่มกลับมามีเรี่ยวมีแรงเหมือนคนปกติ กอปรกับหลังจากที่หมอเหลียงมาตรวจชีพจรให้ เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าร่างกายของนางฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน เขาแค่บอกให้นางทานยาบำรุงอย่างตรงเวลาและทานอาหารให้ครบ ห้ามนางทำงานหนัก นอกจากนี้เขายังทิ้งท้ายอีกว่าหากนางดูแลร่างกายอย่างดีเป็นเวลาครึ่งปีก็น่าจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้

แต่เนื่องจากชาวบ้านต่างก็ไปทำงานตรากตรำอยู่ในไร่นา นางหวงที่ได้แต่อยู่บ้านก็เกิดความรู้สึกร้อนใจอยากออกไปทำบ้าง ดังนั้นนางจึงเอาหมวกฟางขึ้นมาสวมแล้วเดินไปยังที่นาของตนและเห็นว่าที่นาคนอื่นแห้งแล้ง ในขณะที่ผืนนาของบ้านนางเปียกชุ่มและพืชพันธุ์ในแปลงนาของคนอื่นล้วนเหี่ยวเฉาไร้ชีวิตชีวา ขณะที่ข้าวสาลีในแปลงนาของนางชูยอดอย่างสดใส

นอกจากนี้ข้าวโพดที่หลินเว่ยเว่ยทดลองปลูกชดเชยก็สูงเท่าหน้าแข้งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังดูอุดมสมบูรณ์และเขียวขจี ไม่มีวี่แววของที่นาซึ่งประสบภัยแล้งแต่อย่างใด

ป้ากุ้ยฮวากำลังก้มหน้าก้มตารดน้ำในแปลงนาของตนอยู่ หลังเห็นว่านางหวงมา นางก็อดกล่าวชมเชยบุตรสาวคนรองของนางหวงไม่ได้ ทุกสองสามวันลูกสาวคนรองของเจ้ามักมารดน้ำที่แปลงนาเป็นประจำ ชาวบ้านคนอื่นใช้เวลารดน้ำตั้งสามวันกว่าจะรดน้ำพืชพันธุ์ในที่ดินสามหมู่เสร็จ แต่ลูกสาวของเจ้าใช้เวลาแค่หนึ่งถึงสองชั่วยามเท่านั้น ครอบครัวเจ้าช่างโชคดีเหลือเกินที่ลูกสาวหายป่วย !

ระหว่างที่กล่าวนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ถือถังน้ำไว้ในมือทั้งสองข้าง นอกจากนี้บนหลังของนางยังแบกน้ำมาอีกสองถังด้วย นางเดินลงเขามาอย่างคล่องแคล่วและไม่มีท่าทีว่าจะเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด

หลังจากเห็นมารดามาที่แปลงนา นางก็ยิ้มกว้างพร้อมกล่าวทักทายมารดาเสียงดังลั่น ท่านแม่ เหตุใดถึงมาที่นี่เจ้าคะ ?

ตอนต่อไป