ตอนที่ 91 ช่วยเหลือนักพฤกษศาสตร์

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 91 ช่วยเหลือนักพฤกษศาสตร์

มู่เถาเยาวิ่งไปตลอดทางด้วยทักษะวิชาตัวเบา และใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้นจากคฤหาสน์ตระกูลตี้ไปถึงภูเขาเซิ่งเย่ว์

บรรยากาศของป่าที่แข็งแกร่งทำให้เธอรู้สึกมีความสุขจากภายใน

เธอชอบวิทยาศาสตร์ แต่เธอยิ่งชอบภูเขาและป่ามากกว่า

อื้ม อีกหน่อยเข้าไปตั้งสถาบันวิจัยในป่าเซียนโหยวก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย

มองสำรวจโดยทั่วพื้นที่ของภูเขา ในไม่ช้าเธอก็พบกับสมุนไพรที่เธอต้องการ

ตะกร้าสานใบเล็กถูกวางลงกับพื้น หยิบจอบและพลั่วขนาดเล็กออกมาจากนั้นก็ลงมือขุดอย่างมืออาชีพ นิ้วเรียวงามเคลื่อนไหวราวกับกำลังเต้นระบำอยู่ และเพียงไม่นานสมุนไพรสีเขียวมรกตกำมือหนึ่งก็มาอยู่ในมือของมู่เถาเยา

อื้มๆ คุณภาพไม่เลวเลยจริงๆ !

เขย่าให้ดินที่ติดอยู่ตกลงพื้น จากนั้นก็ใส่มันลงในตะกร้าใบเล็ก

มู่เถาเยาเปลี่ยนสถานที่ใหม่อย่างรวดเร็ว

มีสมุนไพรค่อนข้างมากในภูเขานี้ เอาไว้ค่อยหาเวลามาขุดต่อวันหน้า!

หนูภูเขา กระต่าย ลิง ไก่ฟ้า งู และสัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ เดินผ่านเธอไป

เจ้าตัวเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไม่กลัวคน ตราบเท่าที่คุณไม่ยั่วยุพวกมัน พวกมันก็จะไม่สนใจคุณ และปล่อยให้คุณไปทำธุระที่ตัวเองต้องการ ส่วนพวกมันอยากจะเล่นก็เล่นไป

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง มู่เถาเยาก็รวบรวมสมุนไพรที่จำเป็นทั้งหมดครบ

เมื่อเห็นว่าเวลายังเหลืออยู่ เธอจึงเดินเข้าป่าไปลึกอีกเล็กน้อย

จากพื้นดินที่เป็นแนวราบ ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นแนวตั้งแล้ว

“โฮ่ง…โฮ่ง…” ช่วยด้วย

เสียงเห่าเบาๆ ดังเข้ามาในหูของมู่เถาเยา

หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เธอก็เลือกเดินหาที่มาของเสียง

เห็นเพียงแต่มาสทิฟฟ์ตัวเล็กรูปร่างคล้ายสิงโตสีดำสนิทกำลังนอนอยู่บนพื้น น้ำลายฟูมปาก ดูน่าสงสารอย่างมาก

แต่ทันทีที่มันเห็นใครบางคนเดินเข้ามาในอาณาเขตของมัน มันก็เห่าอย่างรุนแรง ไม่ต้องการให้ใครก็ตามล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของมันเด็ดขาด!

แต่เสียงนี้ในหูของมู่เถาเยา กลับเป็นเหมือนเสียงของทารกน้อยที่พยายามขู่ให้กลัวอย่างไรอย่างนั้น

มู่เถาเยาย่อตัวลง มองไปที่คราบโฟมที่ปากของมันพ่นออกมา หลังจากได้กลิ่นของโฟม เธอก็พยักหน้าเข้าใจ

“เจ้าตัวเล็ก เผลอกินพืชมีพิษเข้าไปสินะ”

มาสทิฟฟ์สีดำตัวนี้มีอายุเพียงสองเดือน ซึ่งก็เทียบเท่ากับเด็กมนุษย์อายุเพียงสามปีเศษๆ เท่านั้น

มู่เถาเยาคิดถึงถุงลมน้อยตี้อันเหยี่ยขึ้นมาทันที

เสียงของมาสทิฟฟ์ตัวน้อยเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แต่มันก็ยังคงเห่าและมีน้ำลายฟูมฟายมากขึ้นเรื่อยๆ

มู่เถาเยาย่อตัวลง หยิบยาล้างพิษสีดำออกมาจากกล่องยาขนาดเล็กแล้วใส่เข้าไปในปากของมัน

มันละลายทันทีเมื่อเข้าไปในปาก

ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงเห่าของมาสทิฟฟ์ก็ดังยิ่งขึ้น แต่ความเกรี้ยวกราดดุร้ายในน้ำเสียงนั้นไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป

มู่เถาเยาลูบหัวของมันพลางนึกไปถึงภาพถุงลมน้อยขี้อ้อนแล้วพูดว่า “เจ้าตัวเล็ก อีกหน่อยถ้าจะกินหญ้าล้างท้องต้องระวังนะรู้ไหม อย่ากินไปเสียทุกอย่าง”

“โฮ่ง…”

“เอาล่ะ แกไม่ตายแล้ว และจะกลับมาวิ่งอย่างแข็งแรงได้ภายในเวลาสิบนาที”

มู่เถาเยายืนขึ้น หยิบกล่องยาขนาดเล็ก จอบ และพลั่วขนาดเล็ก แล้วหันหลังเดินจากไป

“โฮ่งๆๆ…” มาสทิฟฟ์ตัวน้อยพยายามร้องเรียก มันพยายามที่จะยืนขึ้น

แต่หลังจากที่มันถูกล้างพิษ ร่างกายของมันก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่เลยดังนั้นมันจึงยิ่งเห่าเร็วมากขึ้น

มู่เถาเยาหันศีรษะกลับไปมอง “ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น อีกสิบนาทีแกก็จะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”

“โฮ่งๆๆ …” พามันไปด้วย!

มู่เถาเยาเดินกลับมาหามันอีกครั้ง เธอคุกเข่าลงตรงหน้ามัน ลูบหัวเล็กๆ นั้นแล้วพูดว่า “เจ้าตัวเล็ก ฉันฟังสิ่งที่แกพูดไม่เข้าใจหรอกนะ”

เขี้ยวสีน้ำนมของมันกัดกางเกงของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย

“หือ ให้ฉันเดา…แกคงไม่ได้อยากจะไปอยู่กับฉันใช่ไหม”

“โฮ่ง…”

“จริงเหรอเนี่ย แต่ถ้าแกมาอยู่กับฉัน แกจะถูกจำกัดอิสระนะ และจะไม่สามารถวิ่งเล่นไปทั่วได้เหมือนกับอยู่ที่อีกต่อไป”

ถ้าอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน เธอยังพอจะเลี้ยงมันแบบปล่อยได้ แต่ตอนนี้เธออยู่ที่เย่ว์ตู และต้องรออีกสักสองหรือสามเดือนก่อนที่จะกลับไป

“โฮ่ง…”

“เจ้าตัวเล็ก คิดให้ดีๆ ก่อนนะ แกไม่สามารถวิ่งไปรอบๆ ได้ และต้องเข้าห้องน้ำให้เป็นที่เป็นทาง ยิ่งไม่สามารถกัดคนได้”

ในเมืองแตกต่างจากหมู่บ้านบนภูเขาและสุนัขป่าชนิดนี้อาจจะไม่สามารถปรับตัวได้

“โฮ่ง!”

“เอาเถอะ อย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน หรือต่อให้แกเสียใจภายหลังจริงๆ ก็ให้บอกฉันอย่าได้วิ่งหนีไปทั่ว แล้วฉันจะส่งแกกลับมาที่นี่โอเคไหม”

มู่เถาเยายืนขึ้นและปลดตะกร้าสานใบเล็กลงจากหลังของเธอ เอากล่องยาขนาดเล็กออกมาสะพายข้างแล้ววางจอบลงไปในตะกร้าก่อนจะยกขึ้นแบกไว้บนหลังอย่างเก่า จากนั้นเธอก็ย่อตัวลงใช้มือข้างหนึ่งอุ้มสุนัขตัวน้อยและมืออีกข้างถือจอบขนาดเล็ก

“อืม ดูเหมือนจะเสียเวลาไปเยอะเลย ช่างเถอะ พวกเราลงจากภูเขากันเถอะ เดี๋ยวคนที่บ้านจะเป็นกังวลเอา”

เพียงแต่ก่อนที่เธอจะได้ใช้ทักษะวิชาตัวเบาของเธอ เธอก็ได้ยินเสียงร้อง ‘ช่วยด้วย’ อีกครั้ง

นี่…สิ่งที่ขัดขวางเธอไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ!

อนิจจา สุนัขได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่จะทิ้งคนไว้ไม่ช่วยเลยก็คงไม่ได้จริงไหม

หลังจากพยายามฟังที่มาของเสียง เธอก็พบว่ามันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เธออยู่ตรงนี้นัก

มู่เถาเยาวิ่งไปตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็เห็นร่างของคนที่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือกำลังนั่งอยู่ที่พื้น

เพราะมู่เถาเยาเข้ามาจากทางข้างหลังของเขา และฝีเท้าของเธอก็เงียบเชียบมาก คนคนนี้จึงไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังเข้ามาใกล้

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ช่วยผมด้วย” ชายคนนั้นตะโกนขอความช่วยเหลือตามสัญชาตญาณ เขาไม่ได้หันหน้ากลับมา

มู่เถาเยาเคลื่อนตัวไปยืนอยู่ข้างหน้าเขาทันทีโดยไม่รอให้เขาหันหน้ากลับมามอง

“ช่วย…สาวน้อย ทำไมเธอถึง…มาอยู่ที่ภูเขานี่คนเดียวล่ะ มัน…เย็นมากแล้วนะ และเธอ…คนเดียว…บนภูเขา มันอันตราย…”

เพราะความเจ็บปวด คำพูดเขาจึงกระท่อนกระแท่นไม่เป็นประโยค

เมื่อเห็นว่ามู่เถาเยายังเด็กมาก ชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบต้นๆ คนนี้จึงเป็นห่วงเธอโดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดที่ขาที่หักไปแล้วของเขา

“ฉันขึ้นมาเก็บสมุนไพรบนเขาค่ะ คุณลุง ได้รับบาดเจ็บที่ขาได้ยังไง”

มู่เถาเยาวางสุนัขตัวน้อยและจอบลงบนพื้นแล้วคุกเข่าลงเพื่อคุยกับเขา

“ฉันปีนขึ้นไปบนต้นไม้…เพื่อเก็บผลไม้ ทันใดนั้น…ก็มีงูเลื้อยลงมาจาก…ด้านบน และฉันก็…ตกลงมา และขาของฉันก็ไปโดน…หินก้อนใหญ่นี้…และหัก”

“ฉันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู ให้ฉันช่วยดูขาที่บาดเจ็บของคุณได้ไหมคะ ฉันพกกล่องยาขนาดเล็กมาด้วย”

มู่เถาเยาปลดตะกร้าสานบนหลังลงก่อน จากนั้นค่อยวางกล่องยาขนาดเล็กลงบนพื้นแล้วเปิดออก

“สาวน้อย…ขอบคุณ…แต่เธอต้อง…รีบลงจากภูเขา…”

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณลุง ฉันใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็ลงจากภูเขาได้แล้ว”

“…”

มู่เถาเยาหยิบกรรไกรขนาดเล็กออกมาจากกล่องยาและพูดว่า “ลุงคะ ฉันขอตัดขากางเกงของคุณออกนะ จะได้ดูแผลที่ขาได้ชัดๆ”

“ไม่ไม่ไม่ เธอลงจากเขาไปก่อน เมื่อเธอลงไปข้างล่างแล้วค่อยโทรแจ้งตำรวจและให้พวกเขามาหาฉัน ฉันชื่อจินเฉิงเจียง นักพฤกษศาสตร์จากประเทศเหยียนหวง จำชื่อฉันไว้ แล้วพวกเขาจะมาหาฉันเร็วๆ นี้”

อาจเป็นเพราะเขารีบเกินไป คำพูดจึงไม่ตะกุกตะกักอีก

มู่เถาเยารู้จักจินเฉิงเจียง เพราะเธอเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับพืชที่เขาเขียน

“ลุงจิน ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนขึ้นเขามาฉันใช้เวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น ขอฉันดูขาให้คุณก่อน ถ้าโอเค ฉันจะพาคุณลงจากเขาแล้วเราค่อยไปรักษาที่ด้านล่าง”

“สาวน้อย เชื่อฟังที่ฉันพูด…”

มู่เถาเยาสกัดจุดชีพจรเขาโดยตรง จากนั้นจึงตัดขากางเกงของเขาอย่างรวดเร็ว

“อืม กระดูกหักจริงๆ แต่โชคดีที่ไม่หักจนหมด”

จินเฉิงเจียงยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

ขณะที่เขาต้องการจะพูดอีกครั้ง เขาถึงเพิ่งค้นพบว่าตัวเองไม่สามารถพูดหรือขยับเขยื้อนได้เลย

มู่เถาเยาจับชีพจรให้เขา

“ไม่ต้องตื่นตระหนกไปหรอกค่ะ ฉันสกัดจุดชีพจรของคุณไว้ อาการบาดเจ็บที่ขาของคุณไม่ร้ายแรงมาก แต่สาเหตุที่ทำให้คุณเจ็บถึงขนาดนี้ คงเป็นเพราะคุณตกจากที่สูงอวัยวะภายในของคุณเลยมีเลือดออกเล็กน้อย”

เธอควานหาเม็ดยาที่เหมาะสมจากในกล่องยาขนาดเล็ก หลังจากปลดจุดชีพจรให้เขา เธอก็มองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “นี่คือยาที่ฉันทำขึ้นเอง เชื่อฉันเถอะค่ะว่ามันให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ฉันจึงหวังว่าคุณจะใช้มัน แต่ถ้าหากคุณไม่เชื่อ รออีกเดี๋ยวฉันจะพาคุณลงจากเขาแล้วไปส่งคุณที่โรงพยาบาล”

จินเฉิงเจียงเหยียดฝ่ามือออกไปทันที

มู่เถาเยาเทเม็ดยาสีน้ำตาลแดงเม็ดเล็กออกจากขวดและวางมันไว้บนฝ่ามือของเขา

เขากินมันโดยไม่ลังเลทันที

ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเชื่อเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้ที่ดูมีอายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปีเท่านั้น แต่สัญชาตญาณของเขามันบอก บอกว่าเธอมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้เขาเชื่อในตัวเธอ