บทที่ 76 ฮูหยินมู่

เว่ยฉิงพาภรรยากลับมาที่บ้าน ทั้งสองคนเหนื่อยจนหลับไปสักพักใหญ่ ในช่วงเย็นวันนั้นถังหลี่และเว่ยฉิงพาเด็กทั้งสองคนออกไปเดินเล่น พวกเขาจงใจหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดผู้คนพลุกพล่าน

ในวันธรรมดาถังหลี่ก็ยุ่งมากและป้าจ้าวก็เป็นคนระมัดระวังตัว นางไม่กล้าพาคุณหนูทั้งสองคนออกไปนอกบ้าน ดังนั้นเด็ก ๆ จึงอยู่แต่ในบ้านอย่างเชื่อฟัง อย่างไรก็ตามพวกเขายังเป็นเพียงเด็กเล็ก ๆ ที่ซุกซน

ราวกับปล่อยนกเข้าป่า ตอนนี้พวกเขามีความสุขมาก

ถังหลี่ให้เงินกับเด็กน้อยทั้งสองคน เพื่อให้พวกเขาซื้อของที่พวกเขาชอบ

ซานเป่าไม่กังวลเลย นางใช้เงินอย่างมือเติบ

หากเอ้อร์เป่านั้นต่อราคาของที่หน้าแผงลอยอยู่นาน

“ท่านลุง ลดราคาน้ำตาลปั้นสี่ตัวนี้อีกหน่อยสิ”

“ท่านลุง นี่เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้วหรือ? ”

“ท่านลุง ขายของไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ..ข้าไม่จำเป็นต้องซื้อของท่านก็ย่อมได้ แต่ถ้าหากท่านขายให้ข้าถูกกว่านี้สักอีแปะเดียว ข้าจะเหมาทั้งสี่ตัวเลย ดีกว่าท่านจะขายได้แค่ตัวเดียวจริงหรือไม่? ”

เจ้าของร้านเห็นเด็กน้อยที่น่าเอ็นดูต่อรองราคาอย่างจริงจัง ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลดีเขาเลยตัดสินใจลดราคาให้เอ้อร์เป่า เด็กชายซื้อน้ำตาลปั้นมาสำหรับสี่คน อันหนึ่งสำหรับน้องสาว อันหนึ่งสำหรับท่านพ่อ และอีกอันสำหรับท่านแม่

เป็นเพราะเขารู้จักที่จะต่อรองราคาเงินของเอ้อร์เป่าจึงลดไปไม่มากนัก

“เจ้าเด็กคนนี้ขี้เหนียวเสียจริง ไม่รู้ว่าได้ใครมา” เว่ยฉิงพูดด้วยรอยยิ้ม

“แต่อย่าตระหนี่กับคนในครอบครัวล่ะ เข้าใจหรือไม่? ”

เด็กชายเห็นน้องสาวชอบดาบไม้ เขายืนล้วงกระเป๋าครุ่นคิดอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจหยิบแผ่นทองแดงในกระเป๋าออกมายื่นให้น้องสาว

ซานเป่าได้ซื้อดาบไม้ที่ตัวเองชื่นชอบ นางมีความสุขมาก เด็กน้อยจับแขนของพี่ชายไว้และออดอ้อนราวกับเด็กเอาแต่ใจ

ถังหลี่กับเว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นฉากนี้

กว่าคนทั้งสี่คนจะซื้อของกันเสร็จก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านพวกเขาต่างอาบน้ำและเข้านอนทันที

วันถัดมา

เว่ยฉิงรีบกลับไปที่จวนสกุลเซี่ยเพื่อทำงานและถังหลี่ก็ไปที่เป่าชิงเก๋อด้วยเช่นกัน ภายในร้านมีห้องชั้นในและชั้นนอก ในส่วนของห้องชั้นในนั้นมีขนาดเล็ก เป็นเพียงห้องอ่านหนังสือที่มีโต๊ะ ตู้และเตียงนอนขนาดเล็กเท่านั้น เป็นที่ที่ถังหลี่อาศัยในช่วงที่อยู่ร้าน ด้านหน้าของร้านจะให้ฉางลู่เป็นคนจัดการ

ถังหลี่รับตั๋วเงินมาทำบัญชี ตอนนี้ที่ร้านมีเพียงฉางลู่เท่านั้น แม้เขาจะฉลาดเฉลียวทำได้ทุกอย่างจนเกือบจะเป็นเถ้าแก่อยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มไม่รู้หนังสือเขาจึงทำบัญชีร้านไม่ได้

ในตอนนี้ที่ร้านยังมีบัญชีที่ต้องทำไม่กี่ชนิดเท่านั้น ถังหลี่ยังดูแลเองได้อยู่หากแต่ถ้ากิจการดีขึ้นในภายหน้านางอาจจะต้องจ้างนักทำบัญชีมาเพิ่ม ในขณะที่ถังหลี่กำลังทำบัญชีร้านอยู่นั้นเอง

“นายหญิง ท่านออกมาข้างนอกหน่อยเถอะขอรับ” เสียงของฉางลู่ดังขึ้นที่หน้าประตู น้ำเสียงดูเร่งเร้าแปลกๆ

หรือจะมีขโมย? ดูท่าจะเป็นเรื่องใหญ่?

ถังหลี่รีบว่างพู่กันลงและผลักประตูออกไป ทันใดนั้นนางเห็นสตรีท่าทางสง่างามยืนอยู่ในร้าน

สตรีผู้นั้นอายุประมาณสามสิบปี นางแต่งตัวอย่างงดงามเสื้อผ้าที่สวมใส่ดูมีราคา ปลายคางของนางเชิดขึ้น ท่าทางไว้ตัวเย่อหยิ่ง

ด้านหลังของนางมีสาวใช้ถึงสี่คนและบ่าวรับใช้อีกสองคน

ในเมืองเหยาสุ่ยนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้ แม้แต่นายท่านสามไป๋ยังมีแค่คนรับใช้ข้างกายเพียงสองคนเท่านั้น สตรีผู้นั้นมองถังหลี่ก่อนจะให้คนรับใช้ทั้งสองเดินเข้ามาพร้อมกล่องที่อยู่ในมือ เมื่อกล่องได้ถูกเปิดขึ้นมาจึงเห็นว่าในนั้นบรรจุไปด้วยแท่งเงินเงาวับเรียงกันเป็นแถว!

“นายหญิงนี่หมายความว่าอย่างไรหรือ? ” ถังหลี่ประหลาดใจ

“สามีของเจ้าช่วยชีวิตสามีของข้าไว้ สิ่งนี้แทนคำขอบคุณ!”

“ขออนุญาตเรียนถาม ท่านคือ..? ”

“ข้าคือฮูหยินมู่”

ฮูหยินมู่? ถังหลี่ไม่รู้จักฮูหยินมู่และนางไม่มีความทรงจำอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ในงานวัดเมื่อวานนี้ สามีของเจ้า เว่ยฉิงได้ช่วยเหลือสามีของข้าเอาไว้” ฮูหยินมู่กล่าว

ถังหลี่เข้าใจในทันที

เว่ยฉิงกล่าวว่าเมื่อวานที่มีคนลอบสังหารนายท่านสกุลใหญ่ แต่ชายหนุ่มหยุดเขาไว้ได้ แต่ถังหลี่ไม่ทราบมาก่อนว่าเขาคือคนสกุลมู่

“เป็นฮูหยินมู่นี่เอง ฮูหยินเชิญนั่งก่อน”

ฉางลู่ได้เอาเก้าอี้เลื่อนเข้ามาให้อีกฝ่ายอย่างแนบเนียนและลื่นไหล ฮูหยินมู่นั่งลงตามคำเชื้อเชิญ

“ฮูหยินมู่ แล้วตอนนี้นายท่านมู่เป็นอย่างไรบ้าง? ”

“แค่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ได้ออกตามหาผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้ บ่าวรับใช้ที่บ้านข้าถามหาอยู่วันหนึ่งเต็ม ๆ จึงได้รู้ว่าเป็นผู้ใด? ”

ว่าแล้วฮูหยินมู่ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ

ทันทีที่สามีของตนได้ยินว่าใครคือผู้มีพระคุณ เขาไม่สนใจพื้นเพของอีกฝ่ายและรีบวิ่งไปที่จวนสกุลเซี่ย แต่กลับได้รับคำตอบว่า “ข้าไม่ว่าง” ก่อนจะถูกไล่ออกมา

เมื่อฮูหยินมู่รีบไปถึงนางเห็นสามีแบกเก้าอี้ไปนั่งรอที่หน้าจวนสกุลเซี่ย โดยกล่าวว่าจะรอผู้มีพระคุณ จนนางทนไม่ไหว บอกว่าจะกล่าวขอบคุณชายผู้นั้นให้ สามีจึงเชื่อฟังและกลับบ้านตามที่นางเกลี้ยกล่อม

ฮูหยินมู่ไม่ค่อยสันทัดในการคบหาคนแปลกหน้ามากนัก ดังนั้นนางจึงขอให้คนรับใช้ไปสืบมา จนรู้มาว่าภรรยาของเว่ยฉิงเปิดร้านอยู่ในเมือง นางจึงเลือกเดินทางมาที่เป่าชิงเก๋อแทน

“หนึ่งร้อยตำลึงนี้… สำหรับความมีน้ำใจของสามีเจ้า คนรับใช้ข้างกายนายท่านถูกจ้างมาเพียงแค่ไม่กี่ตำลึงต่อเดือน แต่ในช่วงเวลาวิกฤติกลับไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือนายท่านได้ทันการณ์นอกจากสามีของเจ้า ข้าคิดว่าหากต้องจ้างคนที่มีวรยุทธ์แบบสามีของเจ้าแล้วน่าจะต้องใช้เงินถึงหนึ่งร้อยตำลึง ข้าขอให้เจ้ารับเอาไว้” ฮูหยินมู่อธิบาย

พ่อค้าย่อมเล็งเห็นแต่ผลกำไร เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ถูกคำนวณอย่างรอบคอบโดยฮูหยินมู่มาแล้ว หากนางรับเงินก็ย่อมไม่มีอะไรติดค้างกันอีกต่อไป ถังหลี่เข้าใจได้ในทันที สกุลมู่เป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาในเมืองเหยาสุ่ย มีคนเข้าหามากมายจน พวกเขากังวลต่อการถูกแอบอ้างเป็นผู้มีพระคุณ นั่นเอง!

แต่….

ถังหลี่ยิ้มเล็กน้อย

“ฮูหยินมู่ สามีของข้าเป็นคนใจดี เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ต่อให้ไม่ใช่นายท่านมู่ เป็นแค่ปุถุชนธรรมดา หรือหมาแมว เขาก็ยังช่วยเหลือเช่นกัน หากข้ายอมรับเงินรางวัลจากท่านก็จะเป็นการดูถูกน้ำใจของสามีข้า ข้าขอน้อมรับเพียงน้ำใจของท่านเท่านั้น ส่วนเงินจำนวนนี้ท่านนำกลับไปเถิด ”

“เจ้าเอาสามีข้าไปเทียบกับหมาแมวหรือ? ” ใบหน้าของฮูหยินมู่บิดเบี้ยว

“ฮูหยิน ข้าเพียงแต่จะบอกว่าทุกอย่างไม่สามารถตีราคาเป็นเงินได้เท่านั้นเอง ”

“ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการเงิน ข้าก็จะเอากลับไป” ฮูหยินมู่บ่นเบา ๆ

ถังหลี่มีสีหน้าเรียบเฉยกล่าวว่า “เชิญตามที่ท่านต้องการเจ้าค่ะ” ฮูหยินมู่ออกคำสั่งให้บ่าวรับใช้ปิดกล่องและเดินออกไปพร้อมสาวใช้อย่างมีโทสะ หากเมื่อเดินไปสักพักโทสะเริ่มทุเลาลง นางจึงครุ่นคิด

“น้าหง เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง? ” ฮูหยินมู่เอ่ยถามคนสนิทของนาง

“ฮูหยินเว่ยผู้นี้ไม่ใช่คนโลภ นางพูดจาดีและมีความเอื้อเฟื้อซึ่งแตกต่างจากสตรีหลายคนเจ้าค่ะ” น้าหงกล่าว

ฮูหยินมู่พยักหน้ารับ

ตระกูลของนางเป็นคนที่ใจดีและมีฐานะ จึงมักมีคนเข้าหาอย่างมีเลศนัยแอบแฝง นางจึงทำได้แต่ตีหน้าเคร่งเพื่อกันไม่ให้คนเหล่านี้เข้ามาวุ่นวายกับตระกูลมู่ ทุกคนที่เข้ามาล้วนเห็นแก่เงินเท่านั้น แต่ฮูหยินเว่ยผู้นี้…ทำให้นางคิดต่างออกไป

“เจ้าคิดเช่นเดียวกับข้า จดชื่อของร้านนางไว้ข้าจะบอกสหายของข้าในงานชมดอกไม้พรุ่งนี้” ฮูหยินมู่กล่าว

“เจ้าค่ะนายหญิง ฮูหยินเว่ยโชคดีมากที่เข้าตาท่าน ด้วยความช่วยเหลือของท่าน ร้านชาดของนางจะต้องทำเงินได้มหาศาลแน่นอน!”

“จวนสกุลมู่ไม่เคยติดหนี้ใคร ในเมื่อนางไม่ต้องการเงินหนึ่งร้อยตำลึง ข้าจะให้นางมากกว่านั้น!”

******