บทที่ 98 ฝึกยังไง

บทที่ 98 ฝึกยังไง

“หัวหน้า ท่านมาจากที่ไหนกัน?” เจิ้งเสี่ยวลิ่วเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ผม? มาจากหมู่บ้านเร้นลับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“หมู่บ้านเร้นลับ?” เจิ้งเสี่ยวลิ่วครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”

อีกหลายคนต่างก็ส่ายศีรษะ กล่าวว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

อู๋ฝานยังคงจำได้ ว่าครั้งที่เพิ่งเข้าเมืองมา ทหารหนุ่มที่ประตูเข้าออกก็ไม่เคยได้ยินชื่อหมู่บ้านเร้นลับ เพียงแต่ทหารชราที่มาภายหลัง จึงเป็นคนที่เคยได้ยินชื่อของหมู่บ้านเร้นลับ

มันจึงทำให้หมู่บ้านเร้นลับยิ่งดูเป็นสถานที่ลึกลับปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งปริศนา

เมื่อนึกย้อนถึงความจริงที่ว่าในหมู่บ้านประกอบด้วยตัวตนระดับปรมาจารย์มากมาย อีกทั้งหัวหน้าหมู่บ้านยังเป็นปรมาจารย์หลากหลายแขนง อู๋ฝานจึงยิ่งรู้สึกว่าหมู่บ้านเร้นลับจะต้องไม่ใช่สถานที่ธรรมดา

ในช่วงเย็น ทุกคนที่ฝึกซ้อมประจำวันกันเสร็จแล้ว จึงกลับไปยังค่ายที่กองทัพจัดแจงเอาไว้ให้

“นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือทหารค่ายวิหคแห่งราชสำนัก แม้ว่าเป็นกองทัพชั่วคราว แต่ตราบเท่าที่ยังรับใช้กองทัพ พวกเจ้าก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของค่าย ภายหลังฟ้ามืด จะต้องอยู่แต่ในค่ายโดยสงบ ไม่อนุญาตให้ใครออกจากค่ายโดยไร้ซึ่งคำอนุญาต หากไม่แล้วจะต้องโทษในฐานผู้หลบหนี!” ก่อนฝูงจนจะกระจายตัวแยกย้าย โจวซานได้เรียกพวกเขามารวมเพื่อแจ้งกฎระเบียบ

“ได้ยินครบหรือไม่?”

“ได้ยินขอรับ”

“ไม่ได้กินข้าวกันหรือยังไง? เสียงต้องดังกว่านี้ ได้ยินข้าหรือไม่?”

“ได้ยิน! ขอรับ!” เสียงทุกคนตะโกนดังประสานขึ้นมา

โจวซานค่อนข้างพึงพอใจกับศักยภาพที่ทุกคนตอบรับ สุดท้ายจึงพยักหน้า “แยกย้ายได้! หัวหน้าหน่วยแต่ละคนให้นำหน่วยของตนกลับไปยังเต็นท์ของหน่วย”

อู๋ฝานจึงนำพวกหนิวเอ้อกลับไปยังเต็นท์ของหน่วย

“นี่เป็นเต็นท์ที่พวกนายจะใช้พักผ่อน” อู๋ฝานชี้ไปยังเต็นท์ขนาดใหญ่พลางบอกกับทุกคนในหน่วย “ได้ยินคำของหัวหน้าใหญ่โจวกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? หากไม่มีการอนุญาต พวกนายต้องไม่ออกไปนอกค่าย และค่ำคืนผมก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน ไม่ยินดีนักหากต้องถูกรบกวน เข้าใจแล้วใช่หรือไม่?”

เต็นท์ของอู๋ฝานอยู่ถัดจากเต็นท์ของคนในหน่วย เพราะภายหลังตัวเขาต้องเทเลพอร์ตกลับไปยังโลกความเป็นจริง หากว่ามีใครมาหากลางดึก อาจพบว่าตัวเขาไม่ได้อยู่ในเต็นท์ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหา อู๋ฝานจึงย้ำเตือนทุกคนเอาไว้เสียตั้งแต่แรก อย่างน้อยก็ป้องกันอีกฝ่ายมาหาตนเอง

“ทราบแล้วขอรับ” พวกหนิวเอ้อพยักหน้าตอบรับ

“ก็ตามนี้ พวกนายไปพัก พักผ่อนให้เต็มที่ อย่าได้เพ่นพ่านออกไปไหน การฝึกวันพรุ่งนี้คงไม่ง่าย” อู๋ฝานตอบกลับ

เมื่อมองย้อนถึงความเข้มข้นการฝึกซ้อมของวันนี้ ทุกคนต่างพยักหน้ารับเห็นพ้อง เพราะจากท่าทีของโจวซาน การฝึกซ้อมวันพรุ่งนี้จะไม่มีทางง่ายไปกว่าวันนี้อย่างแน่นอน

ภายหลังแยกย้ายจากพวกหนิวเอ้อ อู๋ฝานจึงเข้าเต็นท์ของตัวเอง และจึงปิดม่านเต็นท์ให้สนิท

แม้ว่าเขาเป็นหัวหน้าหน่วย แต่เต็นท์ของอู๋ฝานก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ทว่าก็มากพอให้อู๋ฝานเกิดพึงพอใจ ตราบเท่าที่ได้อยู่ลำพัง เต็นท์ขนาดเล็กแค่ไหนก็ไม่สำคัญ อย่างไรแล้วตอนกลางคืนของโลกนี้เขาก็ไม่ได้หลับนอนที่นี่

ทัศนาการมองเห็นเปลี่ยนแปลง อู๋ฝานกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง

ในช่วงเช้า ตอนที่อู๋ฝานไปยังสนามกีฬาที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวเพื่อออกกำลังกาย เขารับรู้ได้ชัดเจน ว่ามีสายตาจำนวนมากกำลังจับจ้อง และยังเป็นเป้าสายตาหนึ่งเดียว เรื่องราวจึงทำอู๋ฝานไม่ใคร่สบายใจเท่าใดนัก

“ไม่ชินเหรอ?” เสียงของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ดังขึ้นให้อู๋ฝานได้ยิน จนถึงจุดหนึ่ง เธอวิ่งมาหยุดอยู่เคียงข้างจุดที่อู๋ฝานยืนอยู่

“นิดหน่อยน่ะครับ” อู๋ฝานพยักหน้ารับ

“พอผ่านไปนาน เดี๋ยวก็ชินเอง” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบ

“ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น” อู๋ฝานตอบกลับ

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ลูบเส้นผมบริเวณหน้าผาก น้ำเสียงของเธอค่อนข้างเย็นชา ทว่าก็เป็นปกติดังเช่นที่เคยเป็น “ทำไมก่อนหน้านี้คุณไม่บอก?”

“บอกเรื่องอะไรครับ?” อู๋ฝานงงงัน

“ว่าทำงานเป็นอาจารย์” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตอบเสียงเบา

“เอ่อ คือว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอวดอะไร” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “นอกจากนี้ ผมเองก็จับพลัดจับผลูเป็นอาจารย์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมาเป็นอาจารย์ได้ยังไง”

อู๋ฝานไม่แปลกใจที่หลิ่วเหยียนเอ๋อทราบว่าตนเองเป็นอาจารย์ เพราะเขาคืออาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว ผู้ซึ่งขายบาร์บีคิวแผงลอย หลายคนในมหาวิทยาลัยทราบแล้ว มันจึงเป็นเหตุว่าทำไมตอนเช้าวันนี้จึงมีหลายคนจ้องมองมา หลิ่วเหยียนเอ๋อร์รับรู้เรื่องราวจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

“ถังอวี่เฟยอยู่ในคาบเรียนที่คุณสอนเหรอ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม

ในห้วงความคิดของอู๋ฝาน ภาพเรือนร่างของถังอวี่เฟยผุดขึ้นมา สุดท้ายเขาจึงพยักหน้ารับ “ใช่ครับ”

“เธอสวยใช่ไหม?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม

แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์มีท่าทีเหมือนดังเอ่ยคำถามทั่วไป แต่อู๋ฝานรับรู้ได้ ว่าน้ำเสียงนั้นมีความผิดแปลกจากปกติ

“ครับ ใช่ครับ” อู๋ฝานไม่ทราบว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์คิดอะไรอยู่ ดังนั้นจึงตอบรับไปตามตรง

ถังอวี่เฟยเป็นคนสวยจริง หากไม่แล้ว เธอและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ คงไม่อาจถูกเรียกขานเป็นสองดอกไม้งามแห่งมหาวิทยาลัยเจียงโจว หากตอบว่าไม่สวย ก็ถือเป็นการพูดโกหก

เพียงแต่ ที่อู๋ฝานไม่ทราบ คือบางครั้งผู้หญิงก็อยากได้ยินคำโกหกมากกว่าความเป็นจริง

“ฮึ่ม” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ฮึมฮัมเสียงเบา อู๋ฝานรับรู้ได้ว่าบรรยากาศรอบด้านราวกับเย็นลง

มันจึงทำอู๋ฝานนึกฉงนใจ

เพียงแต่หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้พูดกล่าวถึงประเด็นนี้อีก เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างฉับไว “คุณฝึกยังไง?”

“ฝึก?” อู๋ฝานทวนคำถาม “วิ่งทุกเช้านี่นับหรือเปล่าครับ?”

“ไม่นับค่ะ”

“งั้นก็ไม่มีแล้วครับ”

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับพลางครุ่นคิด “คุณค่อนข้างมีพละกำลัง ทั้งยังรวดเร็ว เพียงแต่ไม่คล้ายว่าคุณได้รับการฝึกมา งั้นก็น่าจะเป็นความฟิตของร่างกายคุณเอง”

“ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วเหรอครับ?” อู๋ฝานได้ยินคำของหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ จึงพอคาดเดาได้ว่าหลิ่วเหยียนเอ๋อร์กำลังพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

เมื่อคืน ตอนที่อู๋ฝานสู้กับพวกพี่หนิว นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวอยู่ที่นั่นหลายคน ทั้งยังมีการบันทึกวิดีโอเอาไว้ จึงไม่ประหลาดใจหากว่าเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไป

เพียงแต่อู๋ฝานกลับเกิดความกังวลขึ้น หากอธิการบดีทราบเรื่องขึ้นมา ตัวเขาจะยังสามารถรักษาตำแหน่งอาจารย์เอาไว้ได้หรือไม่

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับ ราวกับในใจกำลังครุ่นคิดเรื่องอื่น

ภายหลังจากนั้น คนทั้งสองวิ่งออกกำลังกายด้วยกัน แม้หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้พูดถึงอะไรขึ้นอีก แต่คนทั้งสองก็ได้วิ่งออกกำลังกายด้วยกัน จึงเกิดเป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย

หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่ผู้คนในมหาวิทยาลัยเจียงโจวรู้จักดี และอู๋ฝานที่เพิ่งกลายเป็นคนดังของมหาวิทยาลัยเจียงโจวเมื่อวานนี้ คนทั้งสองวิ่งออกกำลังกายด้วยกันประหนึ่งคู่รัก ย่อมดึงดูดความสนใจและสายตาของผู้คนมากมาย

ภายหลังออกกำลังกายตอนเช้า อู๋ฝานจึงออกจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว ในช่วงที่ไม่มีคาบเรียนต้องเข้าสอน เขามักจะไม่ขลุกตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยเจียงโยว ยิ่งไปกว่านั้น หากปัจจุบันขอเพียงเขาเดินเพ่นพ่านไปมาในมหาวิทยาลัย ย่อมต้องมีผู้คนจำนวนมากจับจ้อง มันคือสถานการณ์ที่ตัวเขาไม่ใคร่สบายใจ การหลบหน้า ย่อมเป็นการช่วยลดเลือนความร้อนแรง ทำให้ผู้คนลืมเลือนเรื่องเกี่ยวข้องกับตัวเขาได้

ที่อู๋ฝานไม่ทราบ คือทันทีที่เขาออกจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว หลี่ปิงก็มาถึงมหาวิทยาลัย แต่แทนที่จะไปยังออฟฟิศประจำของตนเอง แต่เขามุ่งตรงไปยังออฟฟิศของอธิการบดี