ตอนที่ 166 คว้าโอกาส

ทดลอง ทดลองอย่างไรกัน

ในยามเถียนเอ้อร์เดินออกมาจากอารามชิงผิง ยังคงสับสน รู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่ ท้องฟ้าถล่มลงมาแล้ว

แต่คำพูดของคุณชายรูปหล่อคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เรื่องราวทุกอย่างมีที่มาที่ไป

สามพี่น้องในบ้าน เขาเป็นพี่คนรอง พ่อไม่ห่วงแม่ไม่รักมาตั้งแต่เด็ก ยามที่บ้านมีของอร่อยก็ไม่เคยตกมาถึงเขา พี่ใหญ่และน้องชายแอบกิน แต่งานสกปรกงานหนักล้วนโยนมาให้เขา

แม้แต่แต่งภรรยา เขาก็อยู่ลำดับสุดท้าย พี่ใหญ่อายุสิบหกก็มีภรรยาแล้ว น้องชายคนเล็กเองก็มีตอนอายุสิบเจ็ด แต่เขา กลับยืดเวลาออกไปจนอายุยี่สิบกว่า เป็นผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่ทนดูไม่ได้ จึงเอ่ยกับท่านพ่อท่านแม่จัดการหาคู่แต่งงานให้กับเขา

ฮวาเอ๋อร์ภรรยามาจากหมู่บ้านข้างๆ ของหมู่บ้านตระกูลเถียน รูปร่างหน้าตาไม่เลว เพียงแต่ชื่อเสียงไม่ได้ดีนัก นางเป็นบุตรีคนโตของหญิงหม้าย เพราะหน้าตางดงามของนาง ชายที่ชื่นชอบนางจึงมีมากมาย

เถียนเอ้อร์เองก็ไม่คิดว่าจะถูกเลือก แต่ฮวาเอ๋อร์กลับเลือกเขา เมื่อครั้งพาภรรยาแต่งเข้าบ้าน เขารู้สึกราวกับฝันไป

หลังจากแต่งงาน จากที่เขาลำบากคนเดียว กลายเป็นลำบากสองคน บิดามารดาคนในบ้านทำราวกับพวกเขาสองคนเป็นวัวเป็นควาย งานหนักงานสกปรกต่างก็โยนมาให้พวกเขา สำหรับเรื่องนี้เขาเป็นห่วงภรรยาไม่น้อย

ที่สำคัญคือหลังจากแต่งงานมาแล้วพวกเขาก็ไม่มีบุตรมาตลอด บิดามารดาก่นด่าอยู่ทุกวันไม่พอ เรียกใช้พวกเขาหนักขึ้นไปอีก

เป็นบุตรชายเหมือนกัน ไยจึงต่างกันเพียงนี้

อยู่ที่บ้าน ฐานะของพวกเขายังไม่สู้บ่าวรับใช้พวกนั้น ราวกับคนใช้แรงงาน ที่ไม่มีเงินค่าจ้าง

ไม่ใช้ลูกแท้ๆ จึงปฏิบัติต่างกันเช่นนี้กระมัง

“ภรรยา หากข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขาจริงๆ พวกเราควรทำอย่างไรต่อไป”

เถียนเหนียงจื่อถามกลับ “ท่านพี่ ข้าต้องถามท่าน ในเมื่อเป็นญาติ หากสิ่งที่ท่านอาจารย์เอ่ยเป็นความจริง ท่านจะทำอย่างไร”

เถียนเอ้อร์ชะงัก “โบราณว่าพี่น้องมีหนี้ยังต้องชำระบัญชี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังทำอัปยศกับเจ้าเพียงนี้มิใช่หรือ ต่อให้เป็นญาติ ข้ายังทน เช่นนั้นข้ายังเป็นบุรุษอยู่หรือไม่”

“เช่นนั้นก็พอแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ” เถียงเหนียงจื่อเอ่ย “ข้ากลับคาดหวังว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์เอ่ยจะเป็นความจริง อยู่บ้านตระกูลเถียน พวกเราใช้ชีวิตอย่างไร ทำงานใช้แรงงานเหมือนบ่าวรับใช้ทำงานแลกเงินเดือน พวกเรามีอะไร แม้แต่จะไปหาหมอยังต้องขอเศษเงินถึงจะได้มาเพียงเล็กน้อย มากกว่านั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว หรือพวกเราต้องเป็นวัวเป็นควายให้พวกเขาไปตลอด ไม่เห็นหัวกันเลยหรือ”

“ยังไม่พูดถึงสิ่งที่อาจารย์บอก พวกเขาทำเรื่องเหล่านั้นหรือไม่ คือยกเด็กให้กับเรา ก็จะเป็นใจเดียวกันแล้วอย่างนั้นหรือ ใช่ว่าท่านจะไม่เห็นหลานของคนเหล่านั้น แต่ละคนถูกเลี้ยงมาราวกับลูกหมาป่า ข้ายอมตายแล้วเน่าเปื่อยก็ไม่มีทางทนเลี้ยงหมาป่าเจ้าเล่ห์พวกนั้นแน่นอน”

เถียนเอ้อร์โอบกอดนางเอาไว้ “ข้าเข้าใจแล้ว”

ทำตามที่ปู่เฉียนบอกแล้วกัน

“ท่านเอ่ยกับแขกที่มาจุดธูปตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเช่นนี้หรือ” อวี้ฉังคงหันมาถามฉินหลิวซีที่อยู่ด้านข้าง

ฉินหลิวซีเอ่ย “แน่นอน อยากฟังก็ฟัง”

“เช่นนั้นให้คำชี้แนะกับทุกคนเช่นนี้หรือไม่”

“แน่นอนว่าไม่ ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ข้าน่ะการเผชิญหน้าก็รู้อยู่บ้าง ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นหม้ายไร้บุตรด้วยกัน ดวงของเขาถูกกำหนดให้ภรรยาและลูกตาย แต่เขาเป็นคนเปิดกว้าง มีจิตใจเที่ยงธรรม ข้าใช้วิชาไท่ซู่จับชีพจรของเขา เขาจะมีบุตรบุญธรรมไว้สืบทอดในอนาคต เด็กคนนี้หากเลี้ยงให้เติบใหญ่ จะต้องเป็นคนมีโชคลาภอย่างแน่นอน และภรรยาของเขา เป็นคนมีคุณธรรม คิดว่าที่ผ่านมาคงทำความดีมาไม่น้อย” ฉินหลิวซีเอ่ย “คนเช่นนี้ ข้ายินดีให้พวกเขาได้คว้าโอกาส แน่นอนจะคว้าเอาไว้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของพวกเขาแล้ว”

คุณความดีหรือ

อวี้ฉังคงประหลาดใจอยู่ในใจ คือแสงสว่างจางๆ ที่ปรากฏอยู่บนตัวของสตรีผู้นั้นหรือ

หรือเป็นแสงกระทบจากแสงสีทองบนร่างของฉินหลิวซีหรือ

“คุณความดีเป็นสีอะไร”

ฉินหลิวซีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ว่ากันว่าคุณความดีแสงสีทอง แน่นอนว่าเป็นสีทอง แต่หากมีไม่มาก ก็จางมาก หากคุณความดีมีมาก ทั่วทั้งร่างก็จะโอบอุ้มไปด้วยแสงสีทอง คนเช่นนี้เป็นคนมีเมตตามาแต่ไหนแต่ไร”

“เหมือนกับท่านหรือ”

“หืม” ฉินหลิวซีมองกลับมา “ท่านเอ่ยอะไรกัน”

อวี้ฉังคงกดความสงสัยเอาไว้ กำมือ “ไม่มีอะไร”

แปลกแล้ว เมื่อก่อนเขาไม่เคยมองเห็นแสงบนร่างของคน ยามนี้ไยจึงมองเห็นแล้วเล่า

หรือเพราะดวงตายังไม่กลับมาหายดี ก็เลยเป็นเช่นนี้

“ท่านก็ไม่เลวนะ ท่านยังให้ลุงเฉียนวางแผนช่วยให้พวกเขาหลุดออกจากความทุกข์นี้อีกด้วย” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา “คุณชายฉังคงกำลังส่งเสริมหลักการสกุลอวี้ ช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นจากความทุกข์หรือ”

ดวงตาของอวี้ฉังคงราบเรียบ “สกุลอวี้เลือกเพียงสถานการณ์ใหญ่ๆ ที่ไม่มีความชอบธรรม เพื่องานใหญ่สามารถเสียสละได้มาก ว่ากันว่าสกุลอวี้ได้ใจใต้หล้า เพียงการคุยโม้ของผู้คนเท่านั้น ยกยอขึ้นไปไว้บนแท่นบูชา”

เรื่องนี้มีความหมายแฝงในประโยคนี่นา

“ส่วนข้า ชาวเมืองว่ากันว่าคุณชายฉังคงฉลาดไร้ผู้เปรียบได้ แต่ข้ากลับคิดว่า ร่างกายพิการไร้ความอดทนของข้า เกี่ยวอะไรกับคนอื่นทั่วไป” อวี้ฉังคงเย้ยหยันตนเอง “คนพิการอย่างข้า ไม่มีความสามารถไปช่วยไฟไหม้ได้หรอกนะ”

ฉินหลิวซีหัวเราะขึ้นมา “มีคำที่เหมาะสมกับความคิดของท่านในตอนนี้”

“หืม”

“ตัวข้าพิการ อย่าแตะต้องข้า”

อวี้ฉังคง “!”

คล้ายว่าจะเหมาะสมหรือไม่

ดวงตาของเขามีรอยยิ้ม หลุบตาลง เอ่ย “ข้ายินดีช่วยพวกเขา เพียงเพราะเห็นความรักระหว่างพวกเขา นึกถึงท่านพ่อท่านแม่ที่จากไป วันนี้ข้าได้จุดตะเกียงเพื่อท่านพ่อท่านแม่ ทั้งยังมาเจอพวกเขาสองสามีภรรยาที่นี่ หากเป็นดังที่ท่านว่า เป็นโชคชะตา ข้าก็ยอมทำความดีเพื่อท่านพ่อท่านแม่ เพียงไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเกิดใหม่หรือไม่”

ฉินหลิวซีเงียบ

“ดังนั้น สวรรค์ถึงไม่ยุติธรรม แต่อย่างไรเขาก็ยังเหลือพื้นที่เอาไว้ ให้โอกาสผู้คน จะคว้าเอาไว้ได้หรือไม่ คงต้องดูโชคชะตาแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง

อวี้ฉังคงหันมามองนางเล็กน้อย ไม่โต้แย้ง

เพราะเขาคว้าโอกาสที่เป็นของตนเองได้แล้ว

เถียนเอ้อร์มีหรือไม่

เถียนเอ้อร์ได้ตื่นมาจากความผิดหวังแล้ว มองพ่อแม่คู่นั้นที่เป็นครอบครัวโชคร้ายของเขา ยิ้มหยัน “มีคนบอกว่า ท่านพ่อท่านแม่ไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของข้า ที่แท้ก็เป็นความจริง เพียงสามสิบตำลึง พวกท่านยังไม่ยอมให้ข้า”

สองสามีเถียนหลบสายตา

เถียนต้าโพล่งออกมา เอ่ย “ในเมื่อเจ้ารู้แล้วยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอีก พวกเจ้าสองคนทำให้ผู้สูงศักดิ์ไม่พอใจ ยังกล้ามาเอาเงินที่บ้านไปไถ่ตัวภรรยาที่ไม่มีทายาทของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ ถุย เลี้ยงเจ้ามาโตเพียงนี้ ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณก็ช่างเถิด ยังคิดจะมาทำตระกูลอับจนอีก”

เถียนเอ้อร์มองใบหน้าเย็นชาของพวกเขานิ่ง เนิ่นนานกว่าจะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา เอ่ย “ท่านวางใจ ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านเดือดร้อน นับจากนี้ไป ข้าคงไม่ใช่คนตระกูลเถียนแล้ว”

เขาโขกคำนับให้สองสามีเถียนสามครั้ง ลุกขึ้นก่อนจะเอ่ย “คำนับสามครั้งนี้ ตอบแทนบุญคุณการเลี้ยงดูของพวกท่าน ลุงเฉียน พวกเราจะลงนามในสัญญาขายกับท่าน เงินค่าขายตัวจ่ายชดใช้ให้พวกท่าน”

ลุงเฉียนยืนมองอยู่ด้านข้างนิ่งๆ แสร้งทำท่าทีเย็นชา พยักหน้า “สัญญาขายตัว พวกเจ้าก็เป็นคนของบ้านเราแล้ว เป็นตายขึ้นอยู่กับเจ้านาย พวกเจ้าว่าอย่างไร”

สองสามีภรรยาเถียนนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

ทว่าเถียนต้ากลับกลอกดวงตาไปมา เอ่ย “พวกเขาขายตัว เงินต้องให้ตระกูลเถียนของเรา ส่วนที่พวกเขาติดพวกท่าน แน่นอนว่าพวกเขาต้องทำงานชดใช้หลังจากนี้แล้ว”