บทที่ 100 วางแผน

บทที่ 100 วางแผน

หลังจากจบมื้อเช้า เซี่ยชิงหยวนนั่งทำรายการบัญชีอยู่ในห้องหนังสือ ระหว่างที่คนงานกำลังติดตั้งโทรศัพท์บ้าน

เงินที่เธอนํามาจากหมู่บ้านซีสุ่ยคือสี่ร้อยสามสิบหยวน

เงินโบนัสแปดร้อยหยวนที่ได้รับมาจากเสิ่นอี้โจว

และรายได้ที่เธอได้รับจากการขายสลัดเย็นในช่วงนี้คือห้าร้อยสิบเจ็ด

เมื่อหักลบค่ารถจักรยานสองร้อยหยวน และให้ครอบครัวของอาเซียงยืมเงินไป รายจ่ายในช่วงนี้ก็จะรวมทั้งหมดเป็นเงินสี่ร้อยแปดสิบสองหยวน

หลังจากนำรายรับและรายจ่ายมาหักลบกันแล้ว เธอก็จะมีเงินเหลืออยู่ หนึ่งพันสองร้อยหกสิบห้าหยวน

แต่มันยังคงไม่เพียงพอสำหรับต่อยอดในการทำธุรกิจเสื้อผ้าของเธอ

นอกจากนี้ หญิงสาวยังคงต้องการเป็นหน้าร้าน

ด้วยวิธีการนี้เอง เธอจะไม่เพียงขายสลัดเย็นได้ แต่พวกอาหารจานเนื้อกับขนมขบเคี้ยวอื่น ๆ ก็สามารถขายได้เช่นกัน

หากมีหน้าร้านนี้ เธอจะได้ไม่ต้องปั่นไปกลับทุกวัน

หญิงสาวได้รับรับรู้ถึงอำนาจการซื้อขายของผู้คนในตลาดแห่งนี้แล้วครั้งหนึ่ง

แม้เธอจะเคยบอกว่าจะมีคู่แข่งที่ขายสินค้าเดียวกันในเวลาต่อมา แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นว่า หากตัวเองทำได้ดีละก็ ธุรกิจจะต้องดำเนินไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน

หากอ้างอิงจากการดำเนินกิจการเมื่อไม่นานนี้ ราวหนึ่งหรือสองเดือน เธอจะสามารถออมเงินไว้เป็นต้นทุนในการซื้อเสื้อผ้าได้

แต่หากหลินตงซื่อเดินทางมาถึงที่นี่ตามแผนการเดิม มันคงจะสายเกินไป

ดังนั้นเธอจึงต้องการปรึกษากับหลินตงซิ่ว และหากอีกฝ่ายตกลง เซี่ยชิงหยวนจะส่งต่อกิจการขายสลัดเย็นให้กับแม่สามี

อีกทั้ง ด้วยความช่วยเหลือของเจียงเพ่ยหลาน และการมีหน้าร้านให้นั่งขาย มันก็จะไม่เหนื่อยจนเกินไป

ด้วยเหตุนี้ เธอก็จะสามารถปลีกตัวไปซื้อขายเสื้อผ้าด้วยตัวเองได้

เพราะกำไรที่ได้รับจากการขายเสื้อผ้านั้นมากกว่าการขายสลัดเย็น

หากกิจการดำเนินได้ไม่ค่อยดี หญิงสาวจะนำสลัดเย็นกลับมาขายแทน

เธอก้มมองข้อมือที่ว่างเปล่าและจําสร้อยข้อมือที่เจ้านายเก่าของเธอมอบให้เธอในชาติก่อนได้ดี

เซี่ยชิงหยวนคิดว่าเป้าหมายสุดท้ายในการทำธุรกิจของเธอก็คือ การค้าหยก

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เสียงตะโกนเรียกของคนงานก็ดังขึ้นขัดกระบวนการคิดของเธอ

การติดตั้งโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว

คนงานที่รับผิดชอบการติดตั้งกล่าวว่า “คุณนายเลขาธิการครับ โทรศัพท์ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณสามารถโทรและลองตรวจสอบดูว่าสัญญาณใช้ได้ไหมนะครับ”

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและขอบคุณทุกคน จากนั้นเธอจึงเอาหนังสือเล่มเล็กที่อยู่ในลิ้นชักออกมา มันได้บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ที่เธอจดไว้ก่อนหน้านี้ไว้

เสียง ‘ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ’ ดังขึ้น และเมื่อปลายสายจะยกหูรับสาย เสียงอันคุ้ยเคยก็แว่วผ่านมา

เซี่ยชิงหยวนจำเสียงนี้ได้ขึ้นใจ มันเป็นเสียงของหลานชายท่านเลขาธิการหมู่บ้าน

เด็กน้อยตอบรับก่อนจะวางสายและวิ่งไปหาหลินตงซิ่วกับเสิ่นอี้หลินอย่างกระตือรือร้น เพื่อเรียกให้พวกเขามารับโทรศัพท์

เซี่ยชิงหยวนขอบคุณคนงานอีกครั้ง “สัญญาณดีมากค่ะ ขอบคุณสำหรับการทํางานหนักของทุกคนนะคะ”

คนงานโบกมือ “ด้วยความยินดีครับ มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว”

หลังจากนั้นพวกคนงานจึงเก็บของและกล่าวคําอําลา

คนงานที่หนุ่มที่สุดรู้สึกทึ่งกับรอยยิ้มของเซี่ยชิงหยวน และตกตะลึงอยู่สองสามวินาทีก่อนจะตอบโต้ ก่อนจะทําได้แค่ยิ้มเก้อเขิน

เซี่ยชิงหยวนคํานวณเวลาโดยประมาณ เมื่อคิดว่าเสิ่นอี้หลินกับหลินตงซิ่วน่าจะมาถึงแล้ว เธอก็โทรกลับไปอีกครั้ง

“ฮ่า ๆ พี่สะใภ้! พี่สะใภ้!” ยังไม่ทันที่เสียงรอสายจะดังซ้ำรอบสอง เสียงตื่นเต้นของเสิ่นอี้หลินก็ดังมาจากปลายสายซะแล้ว

ความสุขของเขาเหมือนถูกส่งมาถึงเซี่ยชิงหยวนผ่านทางโทรศัพท์ และเธอก็รู้สึกราวกับแก้วหูของตัวเองแทบแตก

อารมณ์ขุ่นมัวในตอนแรกราวกับได้รับการชำระล้าง ก่อนหญิงสาวจะยกยิ้มที่มุมปาก “ฉันได้ยิน ฉันได้ยินแล้ว นายพูดเบา ๆ หน่อยสิ”

“ลูกสะใภ้ เมืองเตียนเฉิงสนุกไหมจ๊ะ” เสียงของหลินตงซิ่วดังแทรกมาจากปลายสายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ แต่เสิ่นอี้หลินถือหูโทรศัพท์ไว้และยังไม่ยอมปล่อย

หญิงสาวจินตนาการได้เลยว่าเด็กชายกำลังถือโทรศัพท์อย่างมีความสุข ในขณะที่หลินตงซิ่วมองเขาด้วยสายตาคาดหวังจากทางด้านข้าง

เซี่ยชิงหยวนตอบคําถามของพวกเขาอย่างอดทน

สุดท้ายเธอก็พูดว่า “พี่สะใภ้ทําความสะอาดห้องของนายแล้ว นายต้องการมาอยู่ที่นี่ไหม”

เมื่อเสิ่นอี้หลินได้ยินคำถามนี้ แน่นอนว่าเขาตอบว่าใช่!

จากนั้นเขาก็ลังเลและพูดว่า “แต่แม่บอกว่า จะยังไม่ย้ายไปอยู่ด้วยจนกว่าข้าวและพืชผลจะโตเต็มที่”

เซี่ยชิงหยวนยังคงเกลี้ยกล่อมเขา “มันต้องใช้เวลานานกว่าจะเป็นแบบนั้น เอาเป็นว่าพี่ชายของนายกับฉันอาจจะกลับไปในเดือนนี้ เพื่อไปรับนายกับแม่มาอยู่ด้วยกันเมื่อถึงเวลา ตกลงไหม”

สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง เสิ่นอี้โจวบอกกับเธอเองว่าเมื่อมีเวลาจะกลับไป

เสิ่นอี้หลินกระโดดขึ้นอย่างมีความสุข และแทบรอไม่ไหวที่จะรอให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ

เขาพูดอีกสองสามคํากับเซี่ยชิงหยวนแล้วยื่นโทรศัพท์ให้หลินตงซิ่ว

จากนั้นวิ่งออกไปข้างนอกและคุยโม้กับเพื่อนของตน

การคุยโวของเขาราวกับตัวเองเคยไปเมืองเตียนเฉิงมาอย่างไรอย่างนั้น

หลินตงซิ่วเหลือบมองลูกชายคนเล็กที่วิ่งโร่ออกไปข้างนอก ก่อนจะพูดโทรศัพท์เสียงเบา “ชิงหยวน”

จากนั้นก็เงียบลงอีกครั้ง

เซี่ยชิงหยวนพลันรู้สึกเศร้าขึ้นมา

เธอเรียก “แม่”

หลินตงซิ่วกล่าวว่า “แม่ได้ยินทุกสิ่งที่ลูกเพิ่งพูดกับอี้หลิน นับตั้งแต่ที่ลูกไปเมืองเตียนเฉิง เขาก็ต้องการติดตามไปด้วยเสมอ”

ในใจของเธอ เมืองเตียนเฉิงสนุกมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

มีคนและรถยนต์มากเกินไปและมีบ้านหลายหลังจนเวียนหัว

เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าหลินตงซิ่วไม่อยากมา

เธอจึงกล่าวว่า “ที่ที่เราอาศัยอยู่มีสนามเล็ก ๆ และหน่วยงานของเรายังจัดสรรแปลงผักให้อย่างเป็นสัดส่วน หนูกับอี้โจวเคยไปดูแปลงผักมาแล้ว มันอยู่ตรงเชิงเขานี่เองค่ะ ทั้งยังมีคลองน้ำอยู่ข้าง ๆ แม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับการทำไร่ แต่เราสามารถปลูกผักไว้กินเองได้นะคะ”

สำหรับคนเฒ่าคนแก่แล้ว นอกจากความคิดเรื่องการตั้งรกรากใหม่กับการย้ายบ้านแล้ว พวกเขากังวลว่าตัวเองจะปรับตัวไม่ได้รึเปล่านะ?

เพราะคนเหล่านี้คุ้นเคยกับการทำไร่ทำนามาทั้งชีวิต ฉะนั้นพวกเขาจะมีเวลาว่างได้ยังไง?

ทว่าน้ำเสียงของหลินตงซิ่วกลับเต็มไปด้วยความสุข “แต่ถ้าแม่ไปปลูกผัก มันจะทําให้ลูกอับอายไหม”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกสะเทือนใจ

เธอจึงกล่าวต่อว่า “มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ? ทุกวันนี้หนูยังขี่รถสามล้อไปขายสลัดผักเย็นในตลาดอยู่เลย หนูขายได้ถึงวันละยี่สิบหยวนเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นแม่สามารถมาช่วยได้นะ นอกจากนี้ อี้โจวยังได้รับการเลื่อนตําแหน่งและหน่วยงานก็ย้ายให้เราไปอยู่ในบ้านที่มีถึงสามห้องนอนเลยนะ เมื่อถึงเวลาอี้หลินเข้าโรงเรียนมันจะสะดวกมากเลย”

เมื่อหลินตงซิ่วได้ยินแบบนี้ เธอจะยังนั่งนิ่ง ๆ ได้ยังไง?

เธอยืนขึ้นทันที “ยี่สิบหยวนต่อวัน? ขายสลัดผักเย็นน่ะเหรอ?”

เธอรีบปิดปากอีกครั้ง

โอ้พระเจ้า นี่ไม่ใช่ว่าขายได้หลายร้อยหยวนต่อเดือนเลยงั้นเหรอ?

นี่สูงกว่าเงินเดือนของลูกชายคนโตของเธอเกือบสิบเท่าเลยไม่ใช่เหรอ

เซี่ยชิงหยวนกลั้นหัวเราะ “ใช่ ถ้าไม่ใช่ว่าหนูมีเรื่องให้ทำอยู่ตลอดทุกวัน หนูคงขายได้มากกว่านั้นอีก”

หลังจากเหตุการณ์แยกครอบครัวครั้งล่าสุด จิตใจของหลินตงซิ่วก็ดูจะแข็งแกร่งขึ้น

เธอรู้แล้วว่าทางเลือกใดดีที่สุดสําหรับครอบครัวนี้

ดังนั้นเธอจึงกัดฟันและพูดว่า “ก็ได้ พอจัดการเรื่องในบ้านหลังนี้เสร็จเรียบร้อย แม่จะพาอี้หลินไปทันทีและเมื่อไปถึงที่นั่น แม่จะไปช่วยงานทุกอย่างที่ทำได้”

พวกพืชผักไร่นา เธอจะไม่ทำมันแล้ว!

เซี่ยชิงหยวนตอบอย่างมีความสุขว่า “ขอบคุณค่ะแม่ หลังจากนี้ฉันจะกลับไปกับอี้โจวไปช่วยแม่จัดการเรื่องที่บ้านด้วย”

เธอเสริมว่า “อ้อ แล้วก็นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์บ้านของเรา แม่จดเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ถ้ามีอะไรแม่สามารถโทรหาเราได้เลยนะคะ”

หลินตงซิ่วอุทานอีกครั้ง “มีโทรศัพท์ติดตั้งอยู่ที่บ้านด้วยเหรอ?”

เซี่ยชิงหยวนต้องอธิบาย “ใช่ค่ะ ผู้นำระดับสูงในหน่วยงานบอกว่าถ้าเราติดตั้งโทรศัพท์บ้านมันจะสะดวกกว่ามาก พวกเขาจึงส่งคนมาติดตั้งให้ค่ะ”

เช่นเดียวกันเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หากต้องการติดต่อกับเสิ่นอี้โจวอย่างเร่งด่วน เธอแค่โทรศัพท์ไปหาเขาเท่านั้นเอง

ส่วนสภาพการทำงานในศาลากลางของชายหนุ่ม เธอคิดว่าให้เขาเป็นคนพูดเองคงจะดีกว่า

หลินตงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเช็ดน้ำตา “ดีจัง!”

ผู้นำระดับสูงอุตส่าห์ให้คนมาติดตั้งโทรศัพท์ให้ในบ้านของเสิ่นอี้โจว สิ่งนี้บอกได้ว่าลูกชายของเธอมีความสำคัญมากแค่ไหน

เซี่ยชิงหยวนรีบปลอบโยน “แม่คะ จากนี้ชีวิตของพวกเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนเงินที่เราส่งกลับไปให้ แม่ควรใช้มัน ไม่ต้องเกรงใจพวกเรานะคะ”

หลินตงซิ่วพยักหน้า “แม่รู้ ตราบใดที่พวกลูกมีความเป็นอยู่ที่ดี แม่ก็สบายใจ”

ทันใดนั้นหลินตงซิ่วจําอะไรบางอย่างได้ “เมื่อวันก่อนแม่ได้พบกับพ่อของลูก ดูเหมือนว่าเขาจะไปทำธุระที่ไหนสักแห่ง เขานําไข่มาให้บ้านของเราหลายฟองด้วยก่อนจะจากไป”

เมื่อได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มของเซี่ยชิงหยวนก็แข็งค้าง “พ่อของหนู? ท่านสบายดีไหมคะ”

หลินตงซิ่วนึกอยู่ครู่หนึ่ง “ดูยังแข็งแรงดี แต่ผิวคล้ำกว่าเมื่อก่อนและดูผอมลงบ้าง”

เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินประโยคนี้ หัวใจของเธอก็บีบรัดแน่น

ความตั้งใจเดิมที่จะยังไม่กลับบ้านของตัวเองในช่วงนี้เริ่มสั่นคลอน

ฉากที่เซี่ยโยว่หมิงออกมาส่งเธอยังคงจํามันได้อย่างชัดเจนในใจ

แค่คิดเธอก็อยากจะร้องไห้

เธอคุยกับหลินตงซิ่วอีกสองสามคํา ก่อนจะวางสาย

หลินตงซิ่วตกลงที่จะเดินทางมาที่นี่เร็วขึ้น ซึ่งแก้ปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจของเธอ

เธอถือสมุดจดเบอร์โทรในมือก่อนจะกดโทรศัพท์ต่อไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวา

ตอนแรกเธอคิดว่าจะขอให้ใครสักคนโทรไปเรียกคนที่บ้านมารับสาย แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่า เซี่ยจิ่งเยว่ผู้เป็นพี่ชายคนโตของเธอจะรับโทรศัพท์เสียก่อน

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เป็นเสียงที่คุ้นเคยของเซี่ยจิ่งเยว่ “ฮัลโหล ที่นี่สํานักงานคณะกรรมการหมู่บ้านซิ่งฮวา คุณต้องการโทรหาใครครับ”

ลำคอของเซี่ยชิงหยวนจุกแน่นและเรียกหาอีกฝ่าย “พี่ใหญ่ ฉันเอง ชิงหยวน”

เซี่ยจิ่งเยว่ไม่ตอบสนองไปสักพัก “น้องเล็ก?”

เซี่ยชิงหยวนตอบว่า “พี่ใหญ่”

เซี่ยจิ่งเยว่มีความสุขมากเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย

ก่อนจะแลกเปลี่ยนความยินดีกับเซี่ยชิงหยวน จากนั้นก็ลดเสียงลงและพูดกับเธอว่า “น้องเล็ก อย่าเพิ่งโทรกลับบ้านในช่วงนี้นะ”