ตอนที่ 101 ข่าวลือเปรียบเสมือนมีด

สามีข้า คือพรานป่า

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 101 ข่าวลือเปรียบเสมือนมีด

หยุนเคอถือมีดเล่มหนึ่งไว้ในมือ งานนองเลือดเช่นนี้ไม่เหมาะกับสตรีสักเท่าไหร่ เช่นนี้หยุนเถียนเถียนจึงนั่งลงข้างๆ เพื่อดูหยุนเค่อจัดการกับเหยื่อ

ไม่นานนักหยุนเคอแบ่งเหยื่อออกเป็นสองกอง หนึ่งเป็นชั้นขนที่สะอาดสะอ้าน ส่วนอีกกองเป็นเนื้อแดงสด

เมื่อเห็นดังนั้นหยุนเถียนเถียนจึงลงมือจัดการต่อ

แม้จะไม่มีใครเคยทําเนื้อรมควันมาก่อน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าการทาเกลือลงบนเนื้อสามารถเพิ่มอายุการเก็บรักษาได้

ถึงมันจะมีราคาแพงเล็กน้อย แต่ครอบครัวนายพรานก็ควรที่จะมีติดบ้านไว้

หยุนเคอมองหยุนเถียนเถียนซึ่งทาเกลือลงบนเนื้อที่เขา แล่ไว้และกําลังโรยเครื่องปรุงแปลกประหลาดลงไป

แม้สีของมันจะเป็นซอสดําคล้ํา แต่หลังจากเนื้อถูกเคลือบแล้ว กลับเปล่งประกายกระตุ้นความอยากอาหารของผู้คนที่เห็นได้เป็นอย่างดี

หลังจากหยุนเถียนเถียนจัดการเสร็จสิ้น นางจึงหยิบเนื้อใส่ถังแล้วนําผ้าคลุมไว้ก่อน

“เอาล่ะ ทิ้งไว้อย่างนี้ก่อน กว่ารสชาติของเครื่องปรุงจะซึมเข้าเนื้อคงพรุ่งนี้ เราต้องหมักมันไว้แล้วหลังจากนี้ข้าจะทําเนื้อรมควัน”

หยุนเถียนเถียนอธิบายพร้อมกับตักน้ําล้างมือ

“เอาล่ะ เสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วข้าต้องกลับไปทําอาหารให้เด็กน้อยก่อน”

หยุนเถียนเถียนกล่าวจบจึงหันหลังเดินออกไป แต่ขณะที่กําลังออกจากบ้านของหยุนเคอเป็นจังหวะเดียวกันที่หลี่ชื่อเดินผ่านพอดิบพอดี

หลี่ชื่อกับหลี่เสี่ยวเหอนั้นรู้จักเกี่ยวข้องกันเป็นอย่างดี

หลี่เสี่ยวเหอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหลี่ซื่อ ทั้งสองเป็นญาติห่าง ๆ เพราะถูกตบแต่งเข้ามาในตระกูลเดียวกัน แต่ยังไงซะ เมื่ออยู่บ้านแล้วทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก บรรยากาศทั้งหมดค่อนข้างมืดมน

เมื่อเห็นอย่างนี้ หลี่ซื่อพลันคิดอะไรบางอย่างออก

ปกติแล้วนางเกลียดชังแม่นางหยุนเป็นทุนเดิม แม้อีกฝ่ายจะตายตก แต่ความแค้นนี้ยังฝังลึกในหัวใจ ถึงจะผ่านมาเนินนานแต่ก็ไม่เคยลดหลั่นลงแม้แต่น้อย

อีกทั้งตอนนี้ยังมีเพียงลูกสาวที่อีกฝ่ายหลงเหลือไว้บนโลกนี้ หลี่ชื่อจึงไม่จําเป็นต้องเกรงใจอีกต่อไป

แต่หยุนเถียนเถียนไม่ได้รับรู้ความในใจของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เมื่อนางกลับมาถึงบ้านก็เริ่มจุดเตา ทําอาหารอย่างใจเย็น

ทั้งวันผ่านไปอย่างเงียบสงบ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าหมู่บ้านนี้กําลังจะเกิดพายุใหญ่!

รุ่งขึ้น เถียนเถียนเปิดประตูบ้านออกไปดั่งเช่นเคย นางไม่เคยล็อกประตูมาก่อนเพราะคนในหมู่บ้านเป็นคนชื่อสัตย์ เช่นนี้จึงไม่ต้องเกรงกลัวการถูกยกเค้าแต่อย่างใด

แต่ทันทีที่ก้าวเดินออกจากประตู นางตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

มีผู้หญิงสองสามคนจับกลุ่มนินทาด้วยสายตากระอักกระอ่วน ขณะที่นางเดินผ่าน อีกฝ่ายก็เงียบลงและจับจ้องด้วยแววตาใครรู้

หยุนเถียนเถียนรู้ตัวแล้วว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ

หลี่เสี่ยวเหอก็เป็นหนึ่งในคนที่กําลังพูดถึงเรื่องเช่นนี้ เมื่อนางเห็นหยุนเถียนเถียนเดินมาก็ผละออกจากคนข้างๆ และเดินเข้ามาคุยกับหยุนเถียนเถียนทันที

“เถียนเถียน วันนี้เจ้ายังไปขายปืนอยู่หรือไม่? ขอข้าดูหน่อยสิ”

หยุนเถียนเถียนไม่คิดอะไร นางเปิดผ้าบนตะกร้าออกมาปรากฏในผีเสื้อที่อยู่ข้างในออกมา ถึงอย่างไรเงินที่ได้จากฝีมือเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ หยุนเสียนเถียนไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาสักนิด ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่คนอื่นจะเห็นมันก่อน

เมื่อหลี่เสี่ยวเหอเห็นปิ่นผีเสื้อที่ประณีตเหล่านี้นางก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “เถียนเถียน ฝีมือของเจ้าช่างงดงามเสียจริง ดูผีเสื้อตัวนี้ ปีกที่กางออกมาเหมือนมันกําลังโบยบิน ช่างงดงามยิ่งนัก”

หยุนเถียนเถียนยิ้ม นางนั่งตัวตรงและยังไม่ได้พูดอะไรนัก ตอนนี้นางไม่ได้ตั้งใจสืบหาว่าทําไมคนในหมู่บ้านถึงมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

ที่ไม่ได้สืบหาเพราะอะไร เพราะมีเหตุผลที่ง่ายกว่านั้น หลี่เสียวเหอเป็นคนประเภทที่ปากไม่มีหูรูด นางกลั้นปากไว้ไม่ได้นานหรอก ต่อให้ไม่ถาม ไม่ช้าก็เร็วนางก็พูดออกมาอยู่

หลี่เสี่ยวเหอยังคงกลั้นหายใจอยู่ นางยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะถามขึ้นมาว่า “ตอนนี้คนในหมู่บ้านกําลังพูดถึงเจ้ากันอยู่ เขาว่ากันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับนายพรานข้างบ้านจะผิดประเพณีไปเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?”

หยุนเถียนเถียนถึงกับตื่นตระหนก นางไปที่บ้านของหยุนเคอทางประตูหลังและพยายามหลีกเลี่ยงคนให้มากที่สุดแต่ทําไมคนถึงรู้เรื่องนี้

“พี่เสี่ยวเหอ ท่านกําลังพูดอะไรอยู่? นั่นมันสิ่งที่ควรพูดได้เหรอ? ข้าใช้ชีวิตเพียงคนเดียว ข้าต้องหาเลี้ยงดูตัวเอง ทําปิ่นปักผมเหล่านี้ทุกวันเหนื่อยตัวแทบขาด ข้าจะเอาเวลาว่างที่ไหนไปบ้านของนายพรานคนนั้นได้”

หลี่เสี่ยวเหอกลั่นกรองความคิดในหัว และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แม้ว่าการทําปิ่นปักผมนั้นจะเรียบง่ายแค่ไหน แต่นั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่แม้แต่จะลงมือทําเอง

สาวน้อยคนนี้สอนวิธีการต่างๆให้กับคนอื่น แล้วนางก็เริ่มที่จะทําสิ่งอื่นแล้ว ทําไมนางต้องคิดมากด้วย นางไม่มีทางที่จะมีเวลาวิ่งไปที่บ้านของนายพรานแน่!

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสองคนนี้ตั้งใจที่จะแต่งงานกันจริงๆ หยุนเถียนเถียนก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง การอยู่ด้วยกันสามารถทําได้ง่ายดายมาก แล้วทําไมถึงต้องแอบย่องไปหากันด้วย?

“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าใครมีจิตใจที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้ ถึงกับปล่อยข่าวลือบ้าๆเช่นนี้ออกมา เอ๊ะ… แม้หลี่เสี่ยวเหอผู้นี้จะปากไม่ค่อยดี แต่ข้าจะไม่ให้ใครรับข่าวสารผิดๆเด็ดขาด!

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าไม่เข้าใจ “ข้าไม่รู้เหมือนกัน ถ้าข้ารู้ว่าเป็นใคร ข้าคงโกรธ… ในที่สุดข้าก็ออกจากถ้ําหมาป่าได้ ทําไมข้าต้องมาตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ช่าง…”

เมื่อเห็นสาวน้อยตรงหน้ากําลังจะร้องไห้ หลี่เสี่ยวเหอรู้สีกผิดจึงเดินเข้าไปลูบหลังนางเบาๆ

“เอาล่ะ ครั้งหน้าถ้ามีคนพูดแบบนี้อีก ข้าจะไปเถียงกับนางให้เชื่อใจพี่สาวได้เลย โลกนี้มันไม่ง่ายสําหรับหญิงสาวอย่างพวกเรา”

หยุนเวียนเถียนเช็ดน้ําตาที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมเผยสีหน้า ซาบซึ้งใจ

“ช่างเถอะพี่เสี่ยวเหอ พวกเราไปขายของพวกนี้กันเถอะ ข้าต้องอยู่รอดในฤดูหนาวนี้ให้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องอดทนหนาวตาย ข้าไม่อยากคิดเรื่องอื่นแล้ว!”

“ยิ่งน้องชายของข้ากําลังใช้ชีวิตที่ยากลําบาก ข้าปล่อยให้เขาตายไม่ได้หรอก เด็กอายุเจ็ดขวบ ถ้าข้าไม่ดูแลเขาต้องถูกพวกมันทรมานจนตายแน่!”

หลี่เสี่ยวเหอคิดตามคําพูดของหยุนเถียนเถียน จึงนึกถึงเฉินผังอันและภรรยาของเขา

“สามีภรรยาคู่นั้นช่างเหลือเกินเสียจริง พวกมันกระทํากับเจ้าได้เพราะเจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่กลับกัน เด็กน้อยคนนั้นที่เป็นลูกในไส้ แต่ยังทําตัวชั่วช้าได้ลง!”