ตอนที่ 91 ข่าวของเตรียมคลอดแพร่ไปทั่ว

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

ซูสุ่ยเลี่ยนไม่ได้ความเห็นแย้งอะไรกับการรื้อปรับปรุงบ้านใหม่ของหลินซือเย่า

หลังจากตัดสินใจแผนสร้างบ้านใหม่เสร็จ นางก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องหนังสือวาดร่างแบบสำนักศึกษาที่จะปรับปรุงจากบ้านเก่า ระหว่างสองลานจะสร้างซุ้มพุ่มไม้เลื้อย วันหน้าเด็กๆ จะได้เดินเข้าออกสะดวก

ที่แท้วันเวลาแห่งการตั้งครรภ์ที่น่าเบื่อไม่มีอะไรทำ ก็มีอะไรให้ซูสุ่ยเลี่ยนยุ่งอยู่ไม่น้อย การวางแผนสร้างบ้านใหม่มาพร้อมกับการปรับปรุงบ้านหลังเก่า แน่นอนงานนี้นางไม่ต้องลงมือทำเอง ก็แค่คิดการจัดแต่งรูปแบบใหม่ แล้วให้ช่างปูนช่างไม้ไปจัดการ

จนกลางเดือนแปด อากาศฤดูใบไม้ร่วงกำลังเย็นสบายสดชื่น

ซูสุ่ยเลี่ยนที่ท้องโตก็ไม่อาจตามเถียนต้าเป่ากับซือถูอวิ๋นออกไปเลือกซื้อขนมไหว้พระจันทร์และเตรียมของกินไว้ฉลองในตลาดเมืองฝานลั่วได้อีก

พอตื่นเช้ามาก็ดื่มน้ำแกงไก่ไปชามหนึ่ง กินหมั่นโถวไส้พุทราแดงบดไปลูกหนึ่ง จากนั้นก็ไปเดินในลานรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปขลุกในห้องหนังสือนั่งพิงเก้าอี้ ขับร้องบทเพลงกลอนที่เด็กบนแผ่นดินต้าหุ้ยชอบท่องกัน

เช้ามาหลินซือเย่าก็ไปดูบ้านใหม่ที่กำลังสร้าง ไม่ถึงบ่ายก็กลับมา

คิดว่าเย็นนี้มีอาหารฉลองเทศกาลมื้อใหญ่ที่ซือถูอวิ๋นลงครัวทำเอง ดังนั้นตอนเที่ยงนี้เขาต้มบะหมี่กุ้งกับผักสดสองชามก็พอ ทำไข่ไก่น้ำอีกชามกับแตงกวาคลุกน้ำส้มให้ซูสุ่ยเลี่ยน

พอกินเสร็จ ตอนหลินซือเย่าก็เก็บกวาดห้องครัวกำลังจะออกไปอยู่ในห้องนอนเป็นเพื่อนซูสุ่ยเลี่ยน ก็มีเสียงเคาะประตูด้านนอกดังมา

……

“อาเย่า เป็นอะไรไปหรือ ใครมา?”

เห็นหลินซือเย่ายืนนิ่งอยู่หน้าประตูรั้วไม่ส่งเสียงสักคำ ซูสุ่ยเลี่ยนก็ประคองท้องอุ้ยอ้ายเดินออกมาชะเง้อมองข้ามหลินซือเย่าออกไปอย่างนึกแปลกใจ

พอเห็นก็อึ้งไปเช่นกัน โอย รถม้าใหญ่เทียมม้าคู่สิบกว่าคันเรียงแถวกันอยู่บนถนนหน้าประตู แต่ละคันมีองครักษ์พกดาบอารักขามา

ตลอดทางมา รถม้าเป็นที่โจษจันไปทั่วเมือง เป็นที่สังเกตของชาวบ้านในเมืองกันไม่น้อยแล้ว ตอนนี้พากันมากระซิบกระซาบกันอยู่ข้างรถม้า ส่งสายตาอิจฉามองมาเป็นระยะ

ซูสุ่ยเลี่ยนรู้ว่าจากนี้นางคิดจะใช้ชีวิตเงียบๆ ของนาง ก็คงยากแล้ว เฮ้อ…คุณหนูสี่จวนอ๋องจิ้ง หากให้เลือก นางไม่ต้องการเลยจริงๆ

ยามนี้ก็มีหญิงอายุราวสี่สิบต้นๆ ก้าวลงจากรถม้า นำสาวใช้บ่าวรับใช้อีกเจ็ดแปดคนจากรถม้าแต่ละคันมาถึงตรงหน้าซูสุ่ยเลี่ยน คำนับพร้อมกันว่า “คารวะคุณหนูสี่!”

“คุณหนูสี่ บ่าวแซ่เหลียง เป็นบ่าวรับใช้ที่พระชายาเฒ่าส่งมารับใช้คุณหนู ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาพอรู้ว่าคุณหนูตั้งครรภ์ก็ดีใจอย่างมาก หากไม่ใช่ว่าท่านอ๋องผู้เฒ่าสุขภาพไม่ดี คงรีบมาหาคุณหนูแล้ว” สตรีที่นำขบวนมายิ้มอธิบาย

“เหลียง…หมัวมัว นี่คือ…” ซูสุ่ยเลี่ยนไม่รู้ควรกล่าวเช่นไรดี

“ในรถม้าก็คือของเตรียมคลอดที่พระชายาเฒ่าสั่งการให้บ่าวซื้อหามาให้ หากคุณหนูคิดว่ายังขาดอะไรอีก ก็ให้สั่งบ่าวมาได้เลย บ่าวจะรีบให้คนไปจัดซื้อมาทันที” เหลียงหมัวมัวมองซูสุ่ยเลี่ยนที่มองรถม้าอย่างตกตะลึง อมยิ้มอธิบาย

เห็นคุณหนูสี่จวนอ๋องจิ้งตรงหน้าที่ถูกรับตัวมาจวนอ๋องในฐานะบุตรสาวนอกสมรสตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสองปีที่แล้ว พอฤดูใบไม้ผลิปีต่อมาก็ทิ้งจดหมายออกจากจวนอ๋องไป ทั้งจวนอ๋องมั่นใจว่านางมีสถานะพิเศษในใจท่านอ๋องผู้เฒ่ามาก

ไม่เช่นนั้นท่านอ๋องผู้เฒ่าคงไม่เสียใจจนล้มป่วยไม่อาจลุกจากเตียงได้ ยังส่งคนหาทางออกติดตามค้นหานาง และคงไม่ลงโทษคุณหนูห้า ก่อนออกเรือนห้ามพูดจาหนึ่งปีเต็ม ยิ่งคงไม่ทำตามจดหมายที่นางทิ้งไว้ เชิญป้ายวิญญาณมารดานางเข้าสู่ศาลบรรพชนจวนอ๋อง

นางเหลียงเชื่อว่า คุณหนูสี่ที่ดูอ่อนแอบอบบางและดูมีสง่าราศีผู้นี้ นิสัยดื้อดึงขึ้นมาก็เหมือนท่านอ๋องผู้เฒ่าที่สุด

พระชายาเฒ่าไม่มีลูกของตนเอง แต่ไรมาก็ใจกว้างกับภรรยาน้อยและบรรดาลูกๆ ของท่านอ๋องผู้เฒ่า โดยเฉพาะมารดาของคุณหนูสี่ที่เป็นญาติกับพระชายาเฒ่าอีกด้วย ตอนนั้นเกิดเหตุผิดพลาดจึงได้ทำให้ต้องพลัดจากนางแม่ลูก ยามได้พบกันอีกครั้งก็ได้ยินว่ามารดานางจากไปแล้ว ดังนั้นพระชายาเฒ่าจึงพาคุณหนูสี่ที่ไร้ที่พึ่งกลับมายังจวนอ๋อง ดูแลยิ่งมาก

ทำอย่างไรได้ ทำเอาคุณหนูที่เป็นลูกสาวภรรยาน้อยเหมือนกันอิจฉาตาร้อน

โดยเฉพาะคุณหนูห้าที่อายุไล่เลี่ยแต่อ่อนเดือนกว่าคุณหนูสี่ ก็คอยหาเรื่องกล่าววาจาเหน็บแนมตลอด มีอยู่สองสามครั้ง แม้แต่บ่าวอย่างพวกเขาก็ทนดูไม่ได้ แต่เพราะสถานะคุณหนู ทำให้พวกเขาไม่อาจกล่าวอะไรและไม่กล้าไปเรียนท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่า แอบซุบซิบกันเองคิดว่าคุณหนูสี่จะไปฟ้องท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่า ผู้ใดจะทนถูกดุด่าเสียดสีสามสี่รอบได้กัน

คิดไม่ถึงว่า คุณหนูสี่นิสัยแข็งกร้าว ไม่พูดก็ไม่พูด แต่พอพูดทีก็คืออำลา

แม้พวกเขาไม่เข้าใจว่าในจดหมายเขียนอะไรไว้ แต่ที่ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าทำต่อจากนั้น ย่อมเดาเจตนาของคุณหนูสี่ได้ ขอเพียงจวนอ๋องจิ้งยอมรับมารดานาง ส่วนนางจะไปให้ไกลจากจวนอ๋อง จากนี้ไปย่อมตามหาไม่พบ

เหลียงหมัวมัวดึงความคิดคืนกลับมา ยิ้มรายงานความจากพระชายาเฒ่าต่อซูสุ่ยเลี่ยน “คุณหนู พระชายาเฒ่าสั่งให้พวกบ่าวจากนี้ก็คือคนของคุณหนู ทุกอย่างให้ฟังคำสั่งคุณหนู”

“อะ…อะไรนะ” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็อึ้งนิ่งไปทันที ก่อนจะได้สติเงยหน้ามองไปยังหลินซือเย่าที่หน้าเครียดกว่า “แต่ว่า…เหลียงหมัวมัว ข้าแต่งงานแล้ว…”

“เป็นบ่าวเสียมารยาทเอง บ่าวคารวะท่านเขย” เหลียงหมัวมัวมองตามสายตาซูสุ่ยเลี่ยนไปยังหลินซือเย่าที่ยืนนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำอยู่ข้างๆ ทำเอานางกดดันมาก ในใจก็คิดว่าต้องเป็นสามีคุณหนูสี่แน่ พวกนางจะต้องดูแลปรนนิบัติท่านเขยให้ดี ก่อนส่งสายตาให้บ่าวชายและสาวใช้คำนับหลินซือเย่านอบน้อม

“เอ่อ…ไม่ใช่…เหลียงหมัวมัว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ ข้ากับอาเย่าตั้งรกรากที่นี่ ไม่คิดจะรับบ่าวและสาวใช้อะไร” ซูสุ่ยเลี่ยนอึ้งไป หันมาเปลี่ยนวิธีอธิบาย

“คุณหนู นี่คือความหวังดีของท่านอ๋องผู้เฒ่าและพระชายาเฒ่า กลัวคุณหนูตั้งครรภ์ลำบาก พวกบ่าวจะไม่รบกวนคุณหนูเด็ดขาด” เหลียงหมัวมัวยืนยันอีกครั้งว่าพวกบ่าวและของบนรถม้าจะต้องอยู่ต่อที่นี่

“แต่ว่า…” ซูสุ่ยเลี่ยนหันไปมองลานบ้านที่คับแคบ “เหลียงหมัวมัว ท่านก็เห็น บ้านเรามีไม่กี่ห้อง…ไม่เพียงแต่พวกท่าน แม้แต่ของบนรถม้า ข้าว่าก็วางไม่ลง ความหวังดีท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายา ข้ารับด้วยใจ แต่ว่าของพวกนี้…”

“คุณหนู พวกบ่าวได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องผู้เฒ่าและพระชายามารับใช้คุณหนูกับท่านเขย หากคุณหนูไม่ยอมรับไว้ บ่าวก็ได้แต่รอรับใช้นอกประตูบ้าน จะมีหน้ากลับจวนอ๋องไปได้อย่างไร?!” เหลียงหมัวมัวกัดฟันกล่าวถึงเจตนาที่มาชัดเจนอย่างไม่มีทางถอย

พอคิดถึงว่าหากกลับไปต้องโดนท่านอ๋องผู้เฒ่าตำหนิ หรืออาจคิดว่าพวกเขาจงใจไม่ยอมอยู่ต่อ อาจโดนลงโทษได้ ไม่สู้อยู่ต่อที่นี่ขอร้องคุณหนูสี่ให้รับพวกนางไว้ดีกว่า

อย่างไร การมาครั้งนี้พระชายาเฒ่าก็มอบรางวัลพิเศษให้พวกนางเป็นเงินเดือนถึงครึ่งปี หากว่ากลับไปเช่นนี้ ไม่เพียงไม่ได้เงินรางวัล ยังอาจถูกท่านอ๋องผู้เฒ่าตำหนิลงโทษอีก

คิดถึงตรงนี้ เหลียงหมัวมัวก็อดคิดดันทุรังไม่ได้ เพื่อขอให้พระชายาเฒ่าออกหน้าจัดงานแต่งงานให้ลูกชายนาง นางจะต้องไม่กลับจวนไปตอนนี้เด็ดขาด

“แต่ว่า…” ไม่มีพื้นที่เหลือแล้วจริงๆ! ซูสุ่ยเลี่ยนแอบครางในใจ ในบ้านมีแค่สามห้อง จะเก็บกวาดอย่างไรก็ไม่อาจรองรับองครักษ์แปด คนงานและสาวใช้อีกแปด บวกหมัวมัวอีกหนึ่งได้กระมัง!

“คุณหนู พวกบ่าวกับของบนรถม้า ตอนนี้รอคุณหนูสั่งการ หากไม่มีที่วาง บ่าวก็จะไปถามดูว่ามีบ้านว่างในเมืองขายหรือไม่ จะไม่กระทบชีวิตประจำวันของคุณหนูเด็ดขาด” เหลียงหมัวมัวคิดหาทางออก กล่าวให้คำมั่นกับซูสุ่ยเลี่ยน

ก่อนเดินทางมา พระชายาเฒ่ามอบเงินให้นางก้อนหนึ่ง ขอเพียงใช้จ่ายเพื่อคุณหนูสี่ ล้วนจดบัญชีเงินก้อนนี้ เช่นนั้นหาบ้านสักหลัง จัดการคนและของให้เรียบร้อย ก็คงเหมาะสมแล้วกระมัง

“คือ…เหลียงหมัวมัว…” ซูสุ่ยเลี่ยนตกใจมองเหลียงหมัวมัว ไม่รู้ควรกล่าวอันใด

“คุณหนูไม่ต้องกังวล บ่าวจะจัดการสาวใช้มาดูแลคุณหนูที่นี่ทุกวันเอง และก็จะเตรียมของรอคลอดทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยหมดทุกอย่าง จะต้องจัดการให้คุณหนูคลอด อยู่ไฟอะไรพวกนี้ให้เรียบร้อย ขอท่านเขยและคุณหนูโปรดวางใจ” เหลียงหมัวมัวยิ้มปลอบใจซูสุ่ยเลี่ยนที่กำลังตกใจ

คุณหนูสี่ตั้งครรภ์อยู่ เหมือนว่านิสัยไม่เหมือนเดิมแล้ว แม้ว่ายังงดงามดังเดิม แต่เหมือนขาดท่าทางเก็บตัวหยิ่งในศักดิ์ศรีแบบเมื่อก่อนไป มีความอ่อนโยนอ่อนหวานนุ่มนวลอีกหลายส่วน บางทีอาจเป็นเพราะท่านเขยกระมัง

เหลียงหมัวมัวแอบคิดเช่นนี้ วันหน้าต้องยิ่งเคารพท่านเขยสี่ผู้นี้ให้ยิ่งมากแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บ้านพวกซือทั่วก็ว่างชั่วคราว เข้าอยู่ไปละกัน รถม้าข้าวของอะไรก็ย้ายไปที่นั่นก่อน” หลินซือเย่าทีนิ่งเงียบมานานยามนี้ก็เอ่ยขึ้นน้ำเสียงเนิบนาบ “ซือถู สนุกพอแล้วก็ออกมานำทางไป”

ยามนั้นทุกคนก็เห็นซือถูอวิ๋นสีหน้าเจื่อนๆ เดินออกมา หัวเราะแหะๆ ให้กับซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่า ก่อนหันไปกล่าวกับเหลียงหมัวมัวว่า “ตามข้ามา”

หลินซือเย่าสั่งเสียงเยียบเย็น ซือถูอวิ๋นนำทางหน้าทะเล้น ฟังพวกเหลียงหมัวมัวคุยกันราวกับฟังเสียงสวรรค์

“ขอบคุณท่านเขยและคุณหนูที่รับไว้” เหลียงหมัวมัวคำนับนอบน้อม ก็หันไปโบกมือให้บรรดาสาวใช้และคนงาน

เห็นพวกเขาขึ้นรถม้ากันอย่างรวดเร็ว รถม้าแต่ละคันมีองครักษ์ขนาบซ้ายขวา เสียงแส้คนขับรถดังขึ้นพร้อมกัน ขบวนรถมุ่งไปทางตะวันตก บ้านบนพื้นที่สี่หมู่ขนาดใหญ่

มองรถม้าสิบคันค่อยๆ ห่างออกไปไกล บรรดาคนดูก็ได้แต่พึงพอใจที่ได้ยุ่งเรื่องชาวบ้านท่ามกลางสายตาเยียบเย็นของหลินซือเย่า พากันแยกย้าย อย่างไรก็ไม่มีทางไปสืบข่าวไม่ใช่หรือ

“อาเย่า เจ้ามีแผนอะไรไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนพิงหลินซือเย่าอ่อนโยน ให้เขาอุ้มเข้าห้องโถงไป ยืนอยู่กลางแดดจัดอยู่นาน ทนไม่ไหวจริงๆ

“ให้พวกเขาอยู่ต่อ บางที่อาจได้ใช้ประโยชน์” หลินซือเย่าก้มหน้าลงมองนางแวบหนึ่ง เห็นนางท่าทางเหนื่อยอ่อน ก็รั้งเอวนางขึ้นอุ้มเดินไปห้องนอน

“เจ้าเหนื่อยแล้ว พักผ่อนยามบ่ายก่อน ตื่นแล้วค่อยคุยกัน”

“อืม ได้” ซูสุ่ยเลี่ยนตามใจเขา เขาวางนางลงบนเตียงใหญ่เบามือ พอหัวถึงหมอน ก็ค่อยๆ ผล็อยหลับไป สำหรับเรื่องที่หลินซือเย่าจัดให้พวกเหลียงหมัวมัวกับรถม้าสิบคันและข้าวของไปกองที่บ้านพวกซือทั่วก่อนนั้น นางมั่นใจเต็มเปี่ยมที่เขาบอกว่าได้ใช้ ก็ย่อมต้องได้ใช้ ดังนั้นนางยินดีทำตัวเป็นหญิงตั้งครรภ์อย่างว่าง่ายดีกว่า ยามบ่ายแดดฤดูใบไม้ร่วงนี่ร้อนจริง นอนหลับให้สบายดีกว่า