บทที่ 79 เช่นเดียวกับชื่อของเขา (ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 79 เช่นเดียวกับชื่อของเขา (ต้น)

ซูอัน ชูนิ้วโป้งขึ้น “น้องชาย ข้าคิดมาเสมอว่าตัวข้าเองนั้นไร้ยางอายที่สุดแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเจ้า ข้าคิดว่าข้าคงต้องฝึกอีกนานกว่าจะเทียบเจ้าได้”

แต่ชายคนนั้นไม่อารมณ์เสียกับคำพูดของ ซูอัน กลับกันหัวเราะเบา ๆอย่างภูมิใจแทน “ข้าสามารถให้คำแนะนำกับท่านได้ถ้าท่านต้องการ

ข้าคือเซียซิ่ว ไม่ทราบว่าพี่ชายมีนามว่าอะไร?”

“ข้าชื่อซูอัน” ซูอัน คิดว่าชื่อของชายผู้นี้สะท้อนถึงรูปร่างหน้าตาของเขาได้ดีจริง ๆ —ชายผู้นี้ช่างมีรูปร่างที่อ้อนแอ้นสมชื่อจริง ๆ

“โอ้? ชื่อของท่านฟังดูคุ้นๆ ดูเหมือนว่าข้าจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” เซี่ยซิว วางพัดไว้ใต้คางขณะที่แสดงสีหน้าครุ่นคิด

แต่ในขณะที่ ซูอัน กำลังจะตอบ เฉิงโซวผิง กลับโบกมือให้เขาและตะโกนว่า “นายน้อย ใกล้จะถึงตาของท่านแล้วรีบเข้ามาเถอะ!”

ซูอัน ประสานมือของเขาไปที่ เซียซิ่วเพื่อแสดงความนับถือ และพูดว่า “น้องเซี่ย ถ้ามีโอกาส ข้าหวังว่าจะได้เรียนรู้ศิลปะการทำตัวไร้ยา… แค่ก แค่ก แค่ก! ข้าหมายถึงศิลปะแห่งการเกี้ยวพาราสีจากเจ้าในอนาคต!”

“ดูเหมือนว่าท่านน่าจะมีนิสัยเช่นเดียวกับข้าสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้น

ก็แน่นอน ข้ายินดีสอนท่านทุกอย่างที่ข้ารู้” เซียซิ่ว ประสานมือคารวะตอบกลับ

ซูอัน รีบกลับไปที่แถว ซึ่งหงซิงอิง ก็ไม่พลาดที่จะพูดจาถากถางอีกรอบ “นกที่มีขนสีเดียวกันย่อมชอบอยู่รวมกันเป็นธรรมดา คนอย่างเจ้าอย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่มีสหายแบบนั้น!”

ซูอัน ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “แต่นกอย่างข้าก็ได้ลงเอยกับเทพธิดาในฝันของเจ้า!”

หงซิงอิง ได้แต่อ้าปากค้างด้วยความโมโหทันที “เจ้ากล้าดูถูกคุณหนูใหญ่อย่างนั้นเหรอ!?”

ท่านยั่วยุ หงซิงอิง สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +321!

ซูอัน หัวเราะตอบกลับ “ข้ากับนางเป็นคู่สามีภรรยากัน มันจะถือว่า

ดูถูกนางได้ยังไง เจ้าบ้ารึเปล่า?”

“เจ้า!!!” หงซิงอิง โกรธมากจนแทบอยากจะชักกระบี่ออกจากฝัก

ท่านยั่วยุ หงซิงอิง สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +344!

ตอนนั้นเองที่อาจารย์ของสถาบันซึ่งกำลังดูแลแถวตะโกนขึ้น

“หยุดโวยวายกันได้แล้ว! ผู้ที่กล้าก่อปัญหาจะถูกปลดออกจากการเป็นศิษย์

ของสำนักจันทร์กระจ่างทันที!”

เมื่อได้ยินคำขู่นี้ หงซิงอิง ก็ทำได้แค่เพียงระงับความโกรธของเขาเอาไว้และเบือนหน้าหนีไปทางอื่น มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ถ้าเขาต้องทำลายอนาคตของตัวเองเพราะขยะอย่าง ซูอัน รอจนกว่าข้าจะประสบความสำเร็จ

ในสำนักจันทร์กระจ่าง วันนั้นเขาจะเป็นอิสระจากตำแหน่งบ่าวรับใช้

และจะไม่ต้องทนกับเรื่องบ้าๆนี่อีกต่อไป!

ในขณะเดียวกัน ซูอัน ก็รู้สึกเสียดายที่พวกเขาถูกหยุดเอาไว้ เขาส่ายหัวด้วยความผิดหวังก่อนที่จะหันไปสนใจ เฉิงโซวผิง “ชายผู้นั้นที่ชื่อ เซี่ยซิว ประวัติความเป็นมาของเขาเป็นยังไง?”

เฉิงโซวผิง ตอบกลับทันที “เขาเป็นลูกชายคนรองของเจ้าเมือง” จากนั้น เฉิงโซวผิง ก็โน้มตัวเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อยแล้วกระซิบต่อด้วยน้ำเสียง

ที่เบากว่าเดิม “ในเมืองจันทร์กระจ่างเขาเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านแย่

เป็นอันดับต้น ๆ เขาเชี่ยวชาญในการเล่นพิณ หมากรุก บทกลอน

และการวาดภาพ และยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นการกิน การดื่ม การเล่นชู้

หรือการพนัน ไม่มีอะไรที่เขาจะไม่ทำ อย่างไรก็ตาม การบ่มเพาะดูเหมือน

จะเป็นจุดอ่อนของเขา ด้วยเหตุนี้พ่อของเขาจึงไม่ค่อยจะใส่ใจอะไร

กับเขาสักเท่าไหร่”

‘เขาเป็นคนประเภทเดียวกับท่านนั่นแหละนายน้อย!’ เฉิงโซวผิง เสริมขึ้นในใจของเขาอย่างเงียบ ๆ แต่ในไม่ช้า เขาก็ส่ายหัวเป็นการโต้แย้ง นายน้อยของเราจะแข่งขันกับเขาได้อย่างไร? นายน้อยเซีย อย่างน้อยก็มีความเชี่ยวชาญในทักษะอื่นมากมาย!

“แย่งั้นเหรอ? น่าสนใจ!” ซูอัน เอ่ยขึ้นพลางมองไปที่ เซียซิ่ว ซึ่งเขาก็เห็นว่าฝั่งตรงข้ามเริ่มเดินเข้าหาผู้หญิงอีกคนซะแล้ว

เซี่ยซิว สังเกตเห็นสายตาของ ซูอัน เช่นกันซึ่งเขาพยักหน้าเล็กเป็นอันว่ารู้กัน

“ต่อไป เว่ยสั่ว!”

ซูอัน กำลังจะโบกมือให้ เซี่ยซิว แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของอาจารย์ประจำสำนักเรียกชื่อนี้ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะได้ยินชื่อที่คุ้นเคยในโลกนี้ (เว่ยสั่ว คือตัวละครเอกจากในนิยายจีนเรื่อง หนึ่ง)

ซูอัน รีบหันไปมองคนที่ชื่อ เว่ยสั่ว ทันที ซึ่งคนผู้นั้นเป็นชายหนุ่ม

ร่างเล็ก ที่มีฟันสองซี่ยื่นออกมาจนเห็นเด่นชัดไม่ต่างอะไรกับหนูน้อย

ที่ไปมาตามบ้าน โหงวเฮ้งของคนผู้นี้เหมือนคนเจ้าเล่ห์ไม่ลังเลที่จะทำสิ่งชั่วร้ายได้ทุกประเภท

จากนั้นต่อมา ซูอัน สังเกตเห็นอาจารย์ใช้เข็มจิ้มนิ้วมือของ เว่ยสั่ว และจากนั้นเขาก็บีบเค้นให้เลือดหยดลงไปบนลูกแก้วขนาดเท่าลูกส้มโอ

ที่วางอยู่บนโต๊ะ ในชั่วอึดใจต่อมาลูกแก้วก็เปล่งแสงสลัว ๆ

ซึ่งแทบจะมองไม่เห็นเลยหากไม่ได้สังเกตดี ๆ

“ระดับติงต่ำ!”

(เทียบเท่ากับ D-)

ในตอนแรก เว่ยสั่ว มองไปที่ลูกแก้วด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วย

ความคาดหวัง แต่เมื่อเขาไยินผลลัพธ์ที่ประกาศออกมาสีหน้าของเขา

ก็กลายเป็นหม่นหมองภายในชั่วพริบตา

ซูอัน สับสนกับขั้นตอนต่าง ๆ เขาหันไปหาเฉิงโซวผิงและถามว่า “พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่?”

เฉิงโซวผิง อธิบายอย่างรวดเร็วว่า “พวกเขากำลังทดสอบพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของนักศึกษาแต่ละคน นักศึกษาทุกคนที่เข้าศึกษาในสถานศึกษาแห่งนี้จะต้องผ่านกระบวนการนี้เพื่อแบ่งแยกชั้นเรียนของพวกเขาและนั่นรวมไปถึงทรัพยากรการบ่มเพาะที่ผู้เรียนแต่ละคนจะได้รับด้วยซึ่งจะถูกกำหนดโดยผลการทดสอบนี้”

ซูอัน รู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง “ผิงผิงน้อย เจ้ามีคำตอบในทุกคำถามที่ข้าถามแบบนี้ได้ยังไง?”

เฉิงโซวผิง ยืดอกอย่างภาคภูมิใจและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานว่า

“ในฐานะที่ข้าได้รับมอบหมายให้ดูแลนายน้อย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่ข้าจะต้องศึกษาข้อมูลทุกอย่างที่นายน้อยจำเป็นต้องรู้มาก่อนล่วงหน้า!”

ซูอัน ตบหัว เฉิงโซวผิงเบา ๆ แต่ลึก ๆ ข้างในเขาเริ่มกังวลเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าเขาจะมาเผชิญกับการทดสอบพรสวรรค์แบบนี้ เมื่อพิจารณาจากจำนวนเม็ดยาชำระไขกระดูกที่เขากินเข้าไป พรสวรรค์ของเขา

น่าจะถึงขีดสุดไปแล้ว ซึ่งถ้าหากความเป็นจริงมันถูกเปิดเผยว่า

เขามีพรสวรรค์ระดับสูงสุด มันคงจะมีปัญหาตามมาแน่นอนจริงไหม?

การที่คนไร้ความสามารถจู่ ๆ กลายเป็นอัจฉริยะทางด้านการบ่มเพาะ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ย่อมต้องทำให้มีคนเกิดความสงสัยอย่างมาก ซึ่งมันไม่แน่ว่าเขาอาจจะถูกพาตัวไปที่ห้องเพื่อผ่าชำแหละดูข้างในจริงไหม?

ความคิดแรกของ ซูอัน คือเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนเลือดของเขา

กับ เฉิงโซวผิง ได้หรือไม่นะ? แต่โอกาสในการสับเปลี่ยนเลือดตอนนี้มันเสี่ยงเกินไปเพราะที่นี่มีผู้คนอยู่มากมาย

ลืมไปเลย! ถ้าข้าไม่สามารถทำตัวอ่อนแอเพื่อเอาตัวรอดได้ ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เลวสำหรับข้าที่จะเดินไปตามเส้นทางของการเป็นหนึ่งเฉกเช่นเดียวกับ

เฉินฟ่าน ผู้ยิ่งใหญ่! (เฉินฟ่าน หรือ เฉินเป่ยซวน ตัวละครเอกของนิยายและมังงะเรื่องดัง)

อาจารย์เริ่มเรียกอีกชื่อหนึ่งต่อ “หม่าจู้!”

“มาแล้ว!” ชายหนุ่มร่างท้วมเล็กน้อยวิ่งไปข้างหน้า

เข็มถูกทิ่มเข้านิ้วของ หม่าจู้ เลือดสีแดงหยดลงบนลูกแก้วใส ครู่ต่อมา มันก็เปล่งแสงสีขาวนวลตา หากผลการทดสอบของ เว่ยสั่ว เป็นเหมือนแสงของหิ่งห้อย ผลของ หม่าจู้ ก็เทียบเท่าได้กับหลอดไฟที่สว่างจ้า