บทที่ 74 ชุดราตรีหลุดลง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

การกระทำนี้ของเขา ทำเอาแขกรับเชิญคนอื่นๆ ต่างก็ประหลาดใจกันไปหมด

แขกรับเชิญในนั้นที่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและนิรุตติ์ไม่ปรองดองกัน ยิ่งอดไม่ได้จะยิ้มออกแล้วส่ายหัวกันขึ้นมา

คุณชายใหญ่และคุณชายรองตระกูลไชยรัตน์ต่อต้านกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่การเต้นรำก็คัดค้านกันขนาดนี้

“นัทธี นายอยากเต้นรำกับฉันไหม?” พิชญากลั้นหายใจ แล้วถามผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ด้วยความตื้นตัน

นัทธีขานกลับด้วยเสียงที่เย็นชาไปเสียงหนึ่ง ยื่นมือไปทางเธอ หางตากลับติดตามแต่ทางวารุณีและนิรุตติ์

พิชญาไม่ได้สังเกตเห็น ตอนนี้ทั้งใจของเธอรื่นรมย์อยู่ในความสุขที่เขาจะเต้นรำกับเธอ กลัวว่าเดี๋ยวเขาจะรู้สึกเสียใจทีหลัง รีบวางมือขึ้นไป

นัทธีพาพิชญาเดินก้าวเข้าไปเต้นรำ เต้นไปด้วยเข้าใกล้นิรุตติ์และวารุณีไปด้วย

“ประธานนัทธี ผู้จัดการพิชญา” หลังจากที่วารุณีเห็นแล้ว ก็ยิ้มให้กับพวกเขาไปทีหนึ่ง ถือว่าเป็นการทักทาย

นิรุตติ์ก็มองนัทธีและพิชญาไปทีหนึ่ง แอบยิ้มอยู่ในใจ

เป็นเหมือนที่คิดไว้เลยขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวารุณี นัทธีก็อดไม่ไหวแล้ว

ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ที่นัทธีมีต่อวารุณี จะลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เขาคิด

คิดไปคิดมา แววตาของนิรุตติ์ก็กวาดสายตาไปทางวารุณีโดยไม่แสดงออก

ขณะนี้การเต้นรำได้เต้นไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว อีกไม่ช้าก็จะมาถึงในส่วนที่น่ามหัศจรรย์ ก็คือการเปลี่ยนคู่เต้นรำ

หากในพื้นที่การเต้นรำมีเพียงชายหญิงคู่หนึ่ง งั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยน

แต่ว่าตอนนี้มีนัทธีและพิชญาเพิ่มมากขึ้น ก็จำเป็นต้องทำตามกฎของการเต้นรำ นี่คือมารยาท

ตามเสียงเพลงที่ครื้นเครงขึ้นมา วารุณีและพิชญาต่างก็หมุนตัวกันขึ้นมา

ในแววตาลึกของนัทธีมีแสงสว่างผ่านไป ปล่อยมือของพิชญาปล่อยมือออก ค่อยๆ ผลักเธอไปทางนิรุตติ์

นิรุตติ์เห็นพิชญามาแล้ว ก็ไม่สามารถไม่ปล่อยวารุณีได้ ผลักเธอไปทางนัทธี

นัทธีรับวารุณีไว้ แล้วพาเธอออกห่างจากที่นี่ ไปเต้นที่อีกข้างหนึ่ง

คนนอกพื้นที่ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าที่ไหนไม่ปกติ

แต่ว่าสีหน้าของนิรุตติ์และพิชญาก็มีความไม่ค่อยน่าดู

“คุณเหมือนจะถูกใช้แล้ว” นิรุตติ์กดเสียงต่ำเยาะเย้ยพิชญา

พิชญามองไปทางนัทธีและวารุณีด้วยความโกรธ “คุณไม่ต้องมาย้ำ!”

แน่นอนว่าเธอรู้แล้วว่าตัวเองถูกใช้เข้าแล้ว แต่สิ่งที่น่าตลกคือ ในตอนแรกเธอกลับไม่รู้ เธอคิดว่านัทธีอยากจะเต้นรำกับตัวเองจริงๆ

คิดไม่ถึงว่า ทั้งหมดต่างก็เพื่อวารุณี เขาไม่อยากให้วารุณีเต้นรำกับนิรุตติ์ ก็ดึงเธอเข้ามาในพื้นที่ ใช้เธอแลกเปลี่ยนกับวารุณี

พอนึกถึงจุดนี้ พิชญาจะโมโหจนระเบิดแล้ว ตรงหน้าอกมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ในแววตาเต็มไปด้วยความเกลียดที่มีต่อวารุณี

นิรุตติ์เห็นแล้ว แว่นตาสะท้อนแสงไปมา “คุณคงไม่พอใจมากสินะ?”

พิชญาเม้มปากยอมรับแบบเงียบๆ

นิรุตติ์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ในเมื่อไม่พอใจ งั้นก็ทำอะไรสักอย่าง!”

“หืม?” พิชญารีบมองไปทางเขา “คุณอยากให้ฉัน……”

นิรุตติ์ยักไหล่ ไม่ได้พูดอะไรแล้ว

พิชญาก้มหน้าลง ปกปิดความคิดของตัวเองในแววตา

ใช่นิ เขาพูดไม่ผิด ไม่ง่ายกว่าเธอจะมีโอกาสเต้นรำกับนัทธี แต่กลับถูกยัยวารุณียัยสารเลวนั้นแย่งไป

ในเมื่อเป็นแบบนั้น เธอก็จะให้นังสารเลวอย่างวารุณีได้เจอดีแน่!

หางตาเหลือบไปมองกระโปรงยาวที่ลากพื้นของวารุณี แววตาของพิชญาเปล่งประกายขึ้น ทันใดนั้นก็มีความคิดขึ้นมา

เขาตบไปที่นิรุตติ์ ให้นิรุตติ์พาเธอเข้าใกล้ไป

หลังจากที่เข้าใกล้แล้ว เธอทำเป็นยืนไม่นิ่ง ไปเหยียบโดนชายกระโปรงของวารุณี

เพราะว่าวารุณีหันหลังให้พิชญา จึงไม่รู้เห็นกับการกระทำของพิชญา

ถึงแม้ว่านัทธีจะเห็นภาพที่พิชญายืนไม่นิ่งแล้ว แต่กลับไม่เห็นขาของพิชญาที่เหยียบโดนชายกระโปรงของวารุณี ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจ พาวารุณทำท่าเต้นหมุนตัวท่าสุดท้าย เตรียมตัวปิดฉาก

แต่ว่าในขณะนี้ มีเสียงฉีกขาดชัดเจนดังขึ้น

ต่อจากนั้น วารุณีก็รู้สึกว่าชุดราตรีที่อยู่บนตัวได้ขาดออกไป แล้วไหลลงไป

“อ้า!” เธอตะโกนร้องดัง รีบปกปิดร่างกายแล้วนั่งลงพื้น ทั้งตัวของเธอตกใจจนสีหน้าแย่ไปหมด

นัทธีเห็นแล้ว รีบถอดเสื้อคลุมข้างนอกของตัวเองออกแล้วคลุมให้เธอ ปกปิดร่างกายของเธอ แล้วตะโกนไปทางห้องควบคุมชั้นสองว่า “ปิดไฟ!”

คนที่อยู่ในห้องควบคุมรีบทำตามทันที

ในวินาทีนั้น ห้องถองทั้งงานเลี้ยงต่างก็มืดลง

นัทธีพยุงวารุณีขึ้นมา ใช้เสียงที่อบอุ่นที่เคยมีมาทั้งหมด “ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครเห็น”

วารุณีสีหน้าซีดขาว แววตากระสับกระส่าย มือทั้งจับจับสูทที่คลุมอยู่บนตัวแน่น ร่างกายสั่นไม่หยุด

เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเรื่องเมื่อกี้ ได้นำมาความเจ็บปวดที่หนักหนาทางจิตใจมาให้กับเธอ

“นัทธี วารุณีไม่เป็นอะไรใชไหม?” ในท่ามกลางความมืด จู่ๆ นิรุตติ์ก็เปิดปากถาม

นัทธีไม่ได้สนใจเขา แววตาที่เย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึก ผ่านความมืดมิด แววตาโฟกัสอยู่บนตัวของพิชญา “พูด เหยียบเสื้อผ้าเธอทำไม!”

นึกคิดไปยังเสียงที่ฉีกขาด และตำแหน่ง ณ ตอนนั้นของพิชญา สามารถรู้ถึงเหตุผลที่เสื้อผ้าคงวารุณีไหลลงได้อย่างง่ายๆ เลย

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันไปเหยียบโดนดีไซเนอร์วารุณี ขอโทษนะขอโทษจริงๆ ฮือๆๆๆ ……” ใบหน้าของพิชญาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแล้วร้องไห้ขึ้นมา เหมือนว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

และแล้วนัทธีก็ไม่ใจอ่อนกับเธอ ตบไปที่หลังของวารุณีที่มีความสั่นเล็กน้อย พูดด้วยเสียงต่ำว่า “เธอรู้สึกว่าฉันจะเชื่อไหม?”

เสียงร้องไห้ของพิชญาหยุดไปหนึ่งวินาที จากนั้นก็ร้องไห้ต่อ “ฉันรู้ว่านัทธีนายจะไม่เชื่อ เพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยคัดค้านกับดีไซเนอร์วารุณี แต่ว่าครั้งนี้ฉันสาบาน ฉันเปล่าจริงๆ!”

นิรุตติ์จับบแว่นตาไปมา “นัทธี ฉันสามารถเป็นพยานได้ เป็นเพราะรองเท้าของเธอส้นสูงเกินไป ขาพลิก อาจจะเป็น ณ ขณะนั้น ไม่ทันระวังไปเหยียบโดนวารุณีแหละมั้ง”

“เป็นการไม่ทันระวังที่ดีจริงๆ นายดูสิว่าเธอเหมือนขาพลิกหรือเปล่า?” นัทธีชี้ไปทางพิชญาแล้วยิ้มอย่างเย็นชา

“พอแล้วนัทธี ความจริงคือยังไงกันแน่ยังไม่ต้องรีบก่อน พาวารุณีไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องพักผ่อนก่อนเถอะ” นิรุตติ์พูดย้ำเตือน

นัทธีจึงจะได้สติขึ้นมาในท่ามกลางความโกรธ พาวารุณีแล้วจะไปเลย

แต่ว่านิรุตติ์ห้ามเขาแล้ว พูดด้วยเสียงที่เบาบางว่า “นัทธี นายพาวารุณีไปไม่น่าเหมาะสม นายคือว่าที่สามีของพิชญา แต่กลับพาผู้หญิงคนอื่นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นายจะให้คนอื่นคิดยังไงกับนาย คิดยังไงกับวารุณี ดังนั้นฉันไปวารุณีไปเอง”

หลังจากพูดจบ เขากอดไหล่ของวารุณี อุ้มวารุณีจากอ้อมกอดของนัทธีไป

วารุณีก็ไปกับเขาดีๆ

สำหรับเธอแล้ว ใครพาเธอไปก็ไม่เป็นไร เธอแค่อยากจะจากที่นี่ไป

แววตาที่เฉยชาจ้องไปทางภาพข้างหลังเบลอๆ ที่จากไปของนิรุตติ์และวารุณี มือทั้งสองของนัทธีประสานกันแน่นขึ้น เป็นครั้งแรกที่ในใจมีความรู้สึกอยากจะกำจัดตัวตนที่เป็นว่าที่ภรรยาของพิชญานี้ทิ้ง

ณ ห้องพักผ่อน

นิรุตติ์เติมน้ำอุ่นมาให้วารุณีแก้วหนึ่ง “ดื่มน้ำหน่อยเถอะ จะได้หายตกใจ”

“ขอบคุณค่ะ” ขณะนี้อารมณ์ของวารุณีดีขึ้นเยอะมากแล้ว พูดขอบคุณด้วยเสียงที่แหบ ยื่นมือออกมารับน้ำแล้วดื่มไปคำหนึ่ง

นิรุตติ์นั่งลงยังโซฟาที่อยู่ข้างหน้าของเธอ ถอดเสื้อสูทสีขาวพาดลงบนหลังของโซฟา นั่งไขว่ห้าง มองไปทางเธอด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

วารุณีถูกเขามองจนทั้งตัวรู้สึกทำตัวไม่ถูก หดคอลง “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณมองอะไรคะ?”

นิรุตติ์จับไปที่ศีรษะ หัวเราะไปเสียงหนึ่ง “ผมกำลังมองดวงตาของคุณ หน้าตาที่คุณเคยร้องไห้สวยมาก ตอนร้องไห้คงจะยิ่งสวยสินะ น่าเสียดายจริงๆ ที่เมื่อกี้มืดเกินไปมองเห็น”

ฟังคำพูดที่น้ำเสียงลวนลามของเขาแล้ว สีหน้าของวารุณีก็แย่ลง “ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณออกไปก่อนเถอะค่ะ ฉันรอคนมาส่งเสื้อที่นี่คนเดียวก็ได้แล้วค่ะ”

ให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ ไม่แน่อาจจะพูดอย่างอื่นที่เธอไม่ชอบฟังออกมาอีก

“ไม่มีคนส่งเสื้อผ้ามาแล้ว” นิรุตติ์ถอดแว่นลงทิ้งไปยังข้างๆ

วารุณีอึ้งไปเลย “เพราะอะไรคะ?”

“เพราะว่าฉันไม่ได้สั่งให้คนไปหาเสื้อผ้าอยู่แล้ว” นิรุตติ์ดึงเนกไทที่อยู่บนคอ

สีหน้าของวารุณีอึ้งไปก่อน จากนั้นเสียงแจ้งเตือนในหัวก็ดังขึ้นกะทันหัน วางน้ำในมือลง แล้ววิ่งไปทางข้างนอก

“ไม่เป็นไร ในตอนที่ฉันเข้ามา ประตูถูกล็อกจากข้างนอกแล้ว” นิรุตติ์เองก็ลุกขึ้นมา หันหลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วมองไปทางเธอ

สีหน้าของวารุณีซีดขาว ในใจมีความไม่สบายใจคลุ้มคลั่ง หัวใจเต้นเร็วขึ้นเยอะมาก “คุณจะทำอะไร?”