บทที่ 102 ครอบครัวของฉันไม่มีผู้สืบสกุล

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 102 ครอบครัวของฉันไม่มีผู้สืบสกุล

อาเซียงช่วยเซี่ยชิงหยวนล้างผักทุกอย่างเท่าที่มีแล้วขอตัวกลับไป

เซี่ยชิงหยวนรอให้หอยขมคายโคลนและทรายออกแล้วเริ่มล้างหอยขม

เธอใส่หอยขมลงไปในอ่างขนาดใหญ่ แล้วจึงใส่เกลือเม็ดหยาบเพื่อขัดมัน

หลังจากล้างอยู่หลายครั้ง พื้นผิวของเปลือกหอยก็เงางามอย่างหมดจด

แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ

เธอไปหาแปรงสะอาดมาหนึ่งด้าม ก่อนจะขัดแปรงหอยขมที่ดูไม่สะอาดอย่างระมัดระวัง

ด้วยวิธีนี้ หอยขมทั้งหมดจึงดูเงางามมากยิ่งขึ้น

ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มด้วยความพอใจ

ถัดไปคือการตัดก้นเปลือกหอย

เมื่อก่อนไม่มีเครื่องมือที่บ้าน ดังนั้นวัตถุดิบทั้งหมดจึงถูกตัดด้วยมีดธรรมดา

ทำให้คมมีดบิ่นหลายครั้ง

แน่นอนว่าเธอทนทำให้มีดเล่มใหม่เสียหายไม่ได้

เธอจําได้ว่ามีกล่องเครื่องมือช่างที่บ้าน ซึ่งดูจะมีคีมเหล็กอยู่ในนั้น

การใช้คีมตัดก้นเปลือกหอยดูจะเป็นความคิดที่ดี

เซี่ยชิงหยวนเจอคีมในกล่องเครื่องมือ นิ้วของเธอหนีบเปลือกหอยไว้ขณะที่คีมตัดก้นหอยออกอย่างง่ายดาย

ในไม่ช้าหอยขมหม้อใหญ่ก็ถูกตัด

เธอยืดตัวขึ้นและลูบเอวเบา ๆ ก่อนจะครางเพราะความเมื่อย

หลังจากทํางานมาหลายชั่วโมง ตอนนี้ก็สายมากแล้ว และเซี่ยชิงหยวนเองก็ไม่ค่อยอยากจะออกไปซื้ออาหารกิน ดังนั้นเธอจึงทำอะไรง่าย ๆ กินเอง

หลังจากงีบไปหนึ่งตื่นและเริ่มทํางานอีกครั้ง เติ้งซูอี้ ภรรยาของเหอเส้าหยวนก็มาหา

ตอนแรกเธอดูเหมือนจะเดินผ่านสนามหน้าบ้านไป แต่เมื่อมองเข้ามาเห็น เธอก็พูดว่า “ฉันเห็นคุณยุ่งตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงเลย แล้วดูตอนนี้สิหลังจากที่คุณตื่นจากการนอนตอนกลางวัน คุณก็กลับมาเริ่มยุ่งอีกแล้ว”

เธอเดินเข้ามา “ฉันจะบอกอะไรให้นะ คนอย่างเลขาธิการเสิ่นน่ะสามารถสนับสนุนทั้งครอบครัวได้ด้วยตัวคนเดียว ฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องทำตัวยุ่งขนาดนี้ก็ได้”

ในคำพูดของเธอแฝงไปด้วยน้ำเสียงสั่งสอนและเยาะเย้ย และไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย

แต่หญิงสาวเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ฉะนั้นเธอจึงไม่ต้องการจะงัดข้อกับใคร

เธอจึงตอบกลับเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไม่เหนื่อย”

แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่หยุดพูดแค่นั้น

เติ้งซูอี้กลับดูเหมือนเป็นพี่สาวคนสนิทผู้มีความมั่นใจ และต้องการเกลี้ยกล่อมเซี่ยชิงหยวน

“อย่าคิดว่าคุณอายุยังน้อยแล้วจะทำอะไรได้ตามใจ ถ้าอยากจะมัดใจผู้ชาย นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว คุณยังต้องพึ่งพาลูกเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้ อย่าเชื่อคำพูดของผู้ชายที่บอกว่ามันไม่สำคัญว่าจะมีลูกเมื่อไหร่เป็นอันขาด เพราะเมื่อถึงเวลาผู้ชายทุกคนจะมีความคิดนั้นแน่นอน และคุณแต่งงานกันมานานกว่าหนึ่งปีแล้วใช่ไหม? แทนที่จะยุ่งกับงานแบบนี้มันจะดีกว่าถ้าเอาเวลาไปมีลูกน่ะ”

เซี่ยชิงหยวนทิ้งงานในมือของเธอและพูดกับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “ฉันไม่คิดว่าการหาเงินด้วยตัวเองจะเป็นเรื่องที่แย่ตรงไหนนะคะ สามีของฉันทำงานเก่งก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนตัวฉันจะหาเงินเพื่อเอาใจตัวเอง มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้ถ้าฉันคลอดลูก แล้วเป็นลูกผู้หญิง ฉันก็ยังต้องคลอดลูกชายอีกใช่ไหม? แม้ตอนนี้ครอบครัวของฉันยังไม่มีทายาท แต่ฉันก็ยังไม่รีบร้อนที่จะมีลูกหรอกค่ะ”

หลังจากนั้นเธอก็หยิบผักในตะกร้าออกมาและโยนลงใส่กะละมังข้าง ๆ เติ้งซูอี้

ผู้หญิงคนนั้นเบี่ยงตัวหลบทันที

เธอตระหนักแล้วว่าตัวเองกำลังทําให้เซี่ยชิงหยวนไม่พอใจ

เธอรําคาญปากของตัวเองเหลือเกิน

หากเหอเส้าหยวนรู้ว่าเธอไม่สามารถผูกมิตรกับครอบครัวของเสิ่นอี้โจวได้ แถมยังทําให้ทุกอย่างยุ่งเหยิง เขาจะต้องตําหนิเธอแน่

ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่าเซี่ยชิงหยวนโกรธง่ายเกินไป อีกฝ่ายโกรธเธอเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คําเนี่ยนะ

ใบหน้าของเธอแสดงความไม่พอใจและพูดว่า “ฉันก็แค่คนที่มีประสบการณ์มาก่อน และต้องการจะแบ่งปันเท่านั้น ถ้าคุณไม่ชอบใจก็ลืมมันไปแล้วกัน”

หลังจากพูดจบ เติ้งซูอี้ก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรรั้งอยู่อีกต่อไปจึงหาข้ออ้างและจากไปทันที

เซี่ยชิงหยวนไม่ลุกขึ้นไปส่งอีกฝ่าย

เธอรําคาญคนประเภทนี้มากที่สุด

พวกคนที่คิดเสมอว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ๆ ด้วยการอ้างคำว่าเป็นห่วงก็พ่นคำต่าง ๆ ออกมาแบบไม่เกรงใจ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นประสบความสําเร็จ

เมื่อเจอคนแบบนี้ เธอต้องมองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นอี้โจวกับเหอเส้าหยวนไปซะ ถ้าวันนี้เธอฟังคำของอีกฝ่ายแล้วพูดตามน้ำ พรุ่งนี้เธอก็น่าจะมาอีก

จากนั้นก็จะถูกเป่าหูอีกว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นไม่เหมาะกับคุณ แล้วพูดไปเรื่อยเพื่อให้คุณเปลี่ยนแปลงมัน

ฟางเยว่ผู้เป็นภรรยาของหนิงเซี่ยวเฉิง เห็นเติ้งซูอี้เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์และรีบเดินเข้าบ้านไป

เธอรอให้อีกฝ่ายเข้าบ้านไป ก่อนที่เธอจะออกไปที่ประตู

เธอเย้ยหยัน “คิดว่าตัวเองเป็นหัวหอมจริง ๆ หรือไง ถึงกล้าสั่งสอนผู้อื่นตลอดทั้งวัน”

เธอกลับชอบนิสัยนี้ของเซี่ยชิงหยวนมาก

เผ็ดร้อนจริง ๆ

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ให้ความสําคัญกับการกระทำของเติ้งซูอี้เลย

หญิงสาวใส่หอมขมลงในกระทะพร้อมกับวัตถุดิบอื่น ๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเปิดจุกไวน์ที่ยังไม่ได้ดื่มตั้งแต่งานเลี้ยงสุดท้ายที่สถาบันวิจัย ตุ๋นจนกระทั่งน้ำแห้ง

เมื่อยกฝาอีกครั้ง กลิ่นเผ็ดร้อนก็โชยขึ้นเตะจมูกทันที

หอยขมแต่ละตัวถูกปกคลุมด้วยซุปและน้ำมันแวววาว

เซี่ยชิงหยวนหยิบมันขึ้นมา ชิมรสชาติอย่างรวดเร็ว

เธอซดน้ำซุปออกจากผิวของหอยขมก่อน และความหวานสดของหอยขมก็เข้าปากเธอมาพร้อมกับซุปกลมกล่อม

มันอร่อยจริง ๆ

และมันก็มีรสชาติเผ็ดร้อนอีกด้วย

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างพอใจ

เธอเอาภาชนะออกมาวาง แล้วใส่หอยขมทั้งหมดลงไปก่อนจะปิดฝาแล้ววางไว้ข้างสลัดผักเย็น

เธอเก็บของของเธอเมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว และออกเดินทางไปด้วยรถสามล้อของตน

วันนี้มีเมนูใหม่เพิ่มเข้ามา มันคือเห็ดและสาหร่าย เมื่อรวมกับสลัดเย็นวันนี้เธอทำอาหารเย็นมาขายทั้งหมดถึงร้อยจิน

นอกจากนี้ยังมีหอยขมยี่สิบเกือบสามสิบจินอีกด้วย

ทันทีที่ไปถึงตลาด หญิงสาวก็เห็นเจียงเพ่ยหลานรออยู่ที่นั่นแล้ว

เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนพะรุงพะรังด้วยสิ่งของมากมาย เจียงเพ่ยหลานก็รีบออกไปรับ

หญิงสาวดูประหลาดใจเมื่อเห็นเห็ดกับสาหร่ายทะเล ดวงตาของเธอก็ยิ่งเป็นประกายเมื่อเห็นเมนูหอยขม

เธอพูดว่า “ชิงหยวน เธอเอาหอยขมมาจากไหนเยอะแยะน่ะ?”

เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฉันไปจับมันมาจากแม่น้ำใกล้ ๆ บ้าน น่าจะเป็นเพราะไม่มีผู้คนอยู่แถวนั้นมากนัก แม่น้ำจึงมีหอยขมเต็มไปหมด”

เมื่อเจียงเพ่ยหลานได้กลิ่นผัดเผ็ดหอยขม เธอก็อดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ “มันหอมมาก”

เซี่ยชิงหยวนหยิบตะเกียบออกมาและคีบให้อีกฝ่ายชิม “ลองชิมดูสิ”

เจียงเพ่ยหลานไม่ลังเล ก่อนจะหยิบมาแล้วส่งเข้าปากของตนไป

ทันทีที่ได้กิน ดวงตาของเจียงเพ่ยหลานก็สว่างขึ้น

มันไม่เพียงรสชาติดี แต่คุณภาพของเนื้อหอยขมก็ยอดเยี่ยมมากทั้งยังไม่มีกลิ่นคาวเลย

เธอยกนิ้วโป้งให้เซี่ยชิงหยวน “ชิงหยวน ฝีมือทำอาหารของเธอดีมากเลย”

มันดีกว่าในร้านอาหารเป็นร้อยเท่า!

เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ใช่ มันอร่อยมาก”

เธอเอาป้ายอีกอันที่เขียนว่า ‘หอยขมสามเหมาต่อจิน’ ขึ้นมาวาง

เปลือกหอยขมมีน้ำหนักพอสมควร และหอยมีเนื้อน้อยซึ่งถ้าขายแพงเกินไป เธอกังวลว่ามันจะทําให้ผู้คนเบือนหน้าหนี

ทันทีที่พวกเขาเพิ่งวางของก็มีคนมาซื้อแล้ว

เป็นลูกค้าที่มาซื้อไม่ทันและของหมดไปก่อนเมื่อวานนี้

ลูกค้าหญิงกล่าวว่า “เมื่อวานครอบครัวข้างบ้านของฉันซื้อสลัดเย็นของคุณไป ตอนที่ลูกของฉันเห็นเข้า พวกเขาก็พากันร้องไห้งอแง วันนี้ฉันเลยมาที่นี่ทันทีที่เลิกงาน ฉันเลยมาประเดิมเป็นคนแรกแล้วกัน”

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้คาดหวังว่าอาหารจานเย็นของเธอจะเป็นที่นิยมมากขนาดนี้

หญิงสาวยกยิ้ม “ฉันจะตั้งร้านในเวลานี้ของทุกวัน บางครั้งก็มีอาหารใหม่มาขายด้วย ถ้าครอบครัวของคุณเป็นคนชอบกินเป็นทุนเดิม ฉันขอแนะนำเมนูนี้”

เธอถือโอกาสขายเมนูหอยขมผัดเผ็ด “นี่คือเมนูใหม่ของฉันวันนี้ คุณต้องการซื้อไปลองไหมคะ”

ผู้หญิงคนนั้นมองจานใส่อาหารและเห็นหอยขมเงางามทั้งหมดอยู่ในนั้น

มันไม่เพียงมีกลิ่นหอม แต่ยังดูสะอาดมากอีกด้วย

“มันเท่าไหร่เหรอคะ” เธอถาม

เซี่ยชิงหยวนชี้ไปที่ป้ายกระดาษบอกราคา “ราคาไม่แพงหรอกค่ะ เพียงสามเหมาเท่านั้น”

ผู้หญิงคนนั้นย่นคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้

เธออาจไปที่แม่น้ำและจับมันได้ด้วยตัวเอง

ท่าทางของเธออยู่ในสายตาของเซี่ยชิงหยวน

ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหน ถ้าไม่ให้ลูกค้าลองก่อนก็อาจจะขายไม่ได้

ถ้าลูกค้าได้ลองเธอมั่นใจว่าจะขายได้แน่

เธอยิ้มและหยิบขึ้นมาให้ลูกค้าหญิงลองกิน “คุณลองชิมดูดก่อนไหมคะ”