ตอนที่ 92 การก่อสร้างโรงแรมผานหลิวซาน

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 92 การก่อสร้างโรงแรมผานหลิวซาน

ตอนที่ 92 การก่อสร้างโรงแรมผานหลิวซาน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ซูเถาก็เริ่มค้นหาร้านค้าในระบบที่มีอยู่ และพบลิฟต์สองชั้นในร้านตกแต่งบ้าน

แต่ในร้านตกแต่งบ้านต้องใช้เงิน 200,000 เหลียนปังถึงจะอัปเกรดเป็นระดับที่สอง ได้…

ไม่ง่ายเลยที่จะประหยัดไปได้ถึง 600,000 นี่ยังต้องจ่ายออกไป 200,000

ซูเถาอยากร้องไห้แม้ไม่มีน้ำตา แต่คิดว่าลิฟต์เป็นสิ่งจําเป็น แม้เธอจะไม่อยากซื้อก็ต้องซื้อ เธอถึงกับมือสั่นเหมือนเป็นพาร์กินสันแล้วกดยืนยันการอัปเกรด

สินทรัพย์รวม -200,000 เหลียนปัง

ไอคอนลิฟต์สว่างขึ้น จากสีเทาเปลี่ยนเป็นสถานะซื้อได้

ราคาของลิฟต์ต่อหน่วยไม่ได้ถูกเลย ยังต้องใช้อีก 3,000 เหลียนปัง

ซูเถาซื้อลิฟต์สองตัว และติดตั้งไว้ในโรงรถร้างที่เชิงเขา เมื่อขึ้นลิฟต์สามารถขึ้นไปบนพื้นที่ราบบนยอดเขาได้ จากนั้นเธอก็เริ่มตรวจดูโรงรถร้าง หญิงสาวก้าวเข้าไปในโรงรถ เพื่อง่ายที่จะได้ตรวจสอบอย่างละเอียด

กวานจือหนิงไม่วางใจ จึงเดินตามเข้าไปด้วยกัน

ด้านในของโรงรถมืดสนิท ซ้ำยังมีกลิ่นเหม็นรุนแรง

ซูเถาก้าวถอยหลัง คิดถึงที่สือจื่อจิ้นบอกเธอว่าพบ ‘โบนวิงส์’ ที่นี่ ซึ่งมันได้ฆ่าคนไปจํานวนมาก สันนิษฐานว่าเมื่อเวลาผ่านไป ก็ยังไม่มีจิตอาสาที่จะมาจัดการกับซากศพ

ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัด ศพก็เน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วภายใน

ซูเถาปวดหัวแทบระเบิดกับปัญหา ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เงินเพื่อจ้างคนทําความสะอาดอีก หรือว่าควรจะปล่อยเรื่องการสร้างโรงแรมบนยอดเขาก่อน

คิดไปคิดมาก็ขึ้นลิฟต์ไปบนยอดเขา

วิวจากภูเขานั้นดีมาก รอบด้านเปิดโล่ง สามารถเห็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เชิงเขาได้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะยังคงเห็นเพียงทรายสีเหลืองจากทะเลทรายเต็มไปหมดก็ตาม

กวานจือหนิงที่มากับเธอก็ตกตะลึงเล็กน้อย และพูดอย่างช้า ๆ ว่า

“ฉันได้ยินพลตรีสือเล่าว่า เมื่อยี่สิบปีก่อนภูเขาแห่งนี้เคยเป็นจุดชมวิว ตอนนั้นฉันยังคิดเลยว่าแค่ภูเขาที่พังทลายจะให้ดูอะไร ที่แท้เมื่อดูจากที่นี่ ก่อนวันสิ้นโลกนั้นต้องมีต้นไม้จำนวนมากปลูกอยู่ที่เชิงเขา และสามารถมองเห็นพื้นที่เขียวชอุ่มได้จากที่นี่แน่”

จู่ ๆ ซูเถาก็นึกขึ้นได้ ไม่แปลกใจเลยที่ที่นี่จะมีลานจอดรถที่เชิงเขา ที่แท้ก็มีไว้ให้นักท่องเที่ยวจอดรถ แต่มันก็ยี่สิบปีแล้ว กาลเวลาเปลี่ยนไป ทุกสิ่งเปลี่ยนไป โรงรถที่เต็มไปด้วยรถยนต์กลายเป็นสถานที่เก็บศพ สีเขียวชอุ่มกลายเป็นพื้นที่ไร้หญ้า

หญิงสาวถอนหายใจ เปิดระบบและเริ่มสร้างรากฐาน

มุมมองด้านบนของโรงแรมเป็นรูปตัว ‘L’ ทางเข้าชั้นหนึ่งออกแบบเป็นโถงรับแขก

เมื่อต้องการเข้าพักโรงแรมคนที่สั่งอาหาร สามารถสั่งได้ที่แผนกต้อนรับ มีตู้กดน้ำวางชิดผนังเพื่อให้พนักงานดื่ม

เมื่อผ่านประตูเข้าไปทางด้านขวา และเดินไปข้างหน้า ตามแผนผังของเถาหยาง ได้มีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งกินอาหารที่สามารถรองรับได้พร้อมกันสี่คน

มีตู้เย็นสองตู้วางชิดผนัง เครื่องทำอาหารเช้า 2 เครื่อง เครื่องทำเครื่องดื่ม 1 เครื่อง เครื่องทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 เครื่อง เครื่องทำไอศกรีม 1 เครื่อง ตอบโจทย์เรื่องอาหารของผู้เช่า

เข้าไปข้างในอีกก็เป็นครัวด้านหลัง ซึ่งมีเตา เครื่องดูดควัน ตู้เย็น ของใช้บนโต๊ะอาหาร และอื่น ๆ ซึ่งมีราคา 4,000-5,000 เหลียนปัง

เธอวางแผนที่จะจ้างพ่อครัวในภูเขาหลิวซาน เพื่อขายอาหารจานด่วน ซึ่งจะไม่ใช่แค่ขายจากตู้จําหน่ายสินค้าอัตโนมัติเท่านั้น

ชั้นสองเป็นที่พัก

ปัจจุบันซูเถามีแผนที่จะขยายเพียงห้องเดี่ยวและห้องคู่เท่านั้น เพราะยังไงคนที่มาที่นี่ก็มาพักชั่วคราวเท่านั้น การมีห้องแบบหนึ่ง 1 นอน 1 ห้องนั่งเล่นนั้นค่อนข้างสิ้นเปลือง

ห้องเดี่ยวและห้องคู่ตกแต่งเหมือนเถาหยาง พร้อมห้องน้ำห้องอาบแยกเป็นสัดส่วน

ชั้นสอง มีห้องเดี่ยว 6 ห้องและห้องคู่ 3 ห้อง โดยอยู่ในโหมดการเช่ารายวันทั้งหมดรวมเป็นเงิน 25,530 เหลียนปัง

ราคาตามระบบ 500 เหลียนปังต่อวันสําหรับห้องเดี่ยว และ 700 เหลียนปังต่อวันสําหรับห้องคู่

นอกจากนี้ยังมีระเบียงครึ่งวงกลมขนาดเล็ก เมื่อเปิดประตูออกไปข้างนอก จะสามารถมองเห็นเชิงเขาได้

เดิมทีซูเถาต้องการสร้างชั้นที่สามแต่ แต่กวานจือหนิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอพูดขึ้นทันทีว่า

“คุณสถาปนิก ฉันขอขัดจังหวะคุณหน่อยนะ ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว พลตรีเรียกให้เรากลับไปแล้ว”

ซูเถารีบปิดระบบทันที และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ามืดแล้วจริง ๆ

กวานจือหนิงซึ่งเฝ้าดูกระบวนการทั้งหมด และเห็นโรงแรมถูกสร้างขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจึงถามว่า

“ดังนั้นพลังงานผลึกนิวเคลียสนั่นสามารถช่วยให้คุณร่ายเวทมนตร์ได้เหมือนที่เถาหยางเหรอ?”

“ก็ประมาณนั้น” ซูเถาเอ่ย

“แล้วคุณจะสร้างอะไร? จุดแวะพักเหรอ”

“ใช่ แต่เงื่อนไขดีกว่าจุดแวะพักที่เราผ่านมา และมีราคายุติธรรมมากกว่า” ซูเถาพยักหน้า

ดวงตาของกวานจือหนิงเริ่มเปล่งประกายขึ้นเรื่อย ๆ

“ดังนั้นหลังจากสร้างเสร็จแล้ว ในอนาคตเมื่อทำภารกิจเราก็สามารถมาที่นี่ได้โดยตรงใช่ไหม”

“แน่นอนว่าสามารถให้พวกคุณใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้เหมือนในเถาหยาง”

จิตวิญญาณของกวานจือหนิงฮึกเหิมขึ้น เมื่อคิดว่าในอนาคตตอนออกมาทำภารกิจแล้วจะได้มีที่พักก็…สบาย!

ในเวลานี้ สือจื่อจิ้นก็โทรมาเร่งอีกครั้ง ทั้งสองจึงรีบลงลิฟต์ไป กวานจือหนิงกําลังจะพูดถึงสถานการณ์บนภูเขา สือจื่อจิ้นก็รีบพูดจัดแจง

“พวกคุณรีบไปเตรียมสัมภาระ อีกเดี๋ยวโจวไห่ไจวหยางจะแหวกห้วงมิติพาพวกคุณกลับไป อีกอย่างจือหนิงอย่าลืมส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์และทหารแปดคนกลับบ้าน”

กวานจือหนิงมองไปที่รถบรรทุกด้านหลังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนตะโกนแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม “รับประกันว่าฉันจะทํางานให้สำเร็จ!”

“ไปเถอะ”

ซูเถาไม่มีสิ่งของมากมายให้เก็บ เพราะมีหลินฟางจือเป็นกระเป๋าเดินทางของเธอ

ก่อนที่จะกลับไปกวานจือหนิงถามเธอว่า “คุณเพิ่งสร้างผานหลิวซานได้เพียงครึ่งหนึ่ง จะไม่เป็นอะไรเหรอ ในอนาคตยังต้องมาอีกไหม ฉันเดาว่าพลตรีสือต้องไม่เห็นด้วยกับคุณแน่ที่จะมาที่นี่เป็นครั้งที่สอง”

“ไม่จําเป็นต้องมาก็สามารถสร้างจากระยะไกลได้” ซูเถาเอ่ยด้วยท่าทางนิ่งเฉย

แม้ว่าจะไม่เห็นของจริง แต่การสร้างในระบบก็ไม่ทำให้เสียเวลา

กวานจือหนิงได้ยินเช่นนั้นจึงวางใจมาก ทำความเคารพไปทางสือจื่อจิ้นและคน อื่น ๆ อีกครั้ง พร้อมโบกมือลา

โจวไห่โจวหยางยืนหันหน้าเข้าหากัน มือของพวกเขาคล้ายจะฉีกอากาศออกเผยให้เห็นช่องว่างที่ไม่สามารถมองเห็นภายในได้

ซูเถามองไปที่ขบวนรถของสือจื่อจิ้น พบว่าเขากำลังยิ้มและโบกมือให้เธอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจ ราวกับว่าในที่สุดก็วางใจได้สักที

เธอเป็นภาระของเขาจริง ๆ ซึ่งเขาก็กังวลมาตลอดทาง

ซูเถาเอาป้องปิดปากและตะโกนว่า “เดินทางระมัดระวังด้วยล่ะ ฉันจะรอคุณกลับบ้านนะ!”

ความว่างเปล่าปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเธอ พร้อมกับรถจี๊ปที่บรรทุกอุปกรณ์ทางการแพทย์และเถ้ากระดูกของนักรบแปดคนก็หายไปในเวลาเดียวกัน

ราวกับว่าเธองีบหลับไปสองสามนาทีและเมื่อเธอลืมตาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่ประตูหมายเลขสองของตงหยางแล้ว

หลินฟางจือที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีสีหน้าสับสนเช่นกัน

กวานจือหนิงยังไม่ได้สติกลับมา และเริ่มกวักมือเรียกคนจากตงหยางที่มารับ ให้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องมือกลับไป

และโทรหาเผยตงเพื่อขอให้เธอส่งคนมารับเถ้ากระดูกของเหล่าทหาร และในเวลาเดียวกันก็แจ้งหน่วยข่าวกรองว่ามีผู้เสียชีวิตในความทุกข์ยาก

ซูเถามองไปที่สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยเหมือนโลกที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ยืนงุนงงอยู่พักหนึ่ง เปิดระบบตรวจสอบแผนที่ของผานหลิวซาน ซึ่งพบว่ายังสามารถสร้างได้จริง ๆ

คืนนี้ฉันจะนอนดึกหน่อย เพื่อสร้างชั้นสามและสี่

ในขณะที่เธอกําลังจะปิดระบบและกลับไปที่เถาหยาง ทันใดนั้นก็พบว่ามีคำว่า ‘การเคลื่อนย้าย’ สามคำอยู่ที่มุมขวาของแผนที่ผานหลิวซาน

ซูเถาตกตะลึง และคลิกดูโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในวินาทีถัดมา เธอก็หายตัวไปและกลับมาที่เชิงเขาหลิวซานอีกครั้ง

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือขบวนรถยังไม่ออกเดินทาง สือจื่อจิ้นยังไม่ได้ขึ้นรถด้วยซ้ำ และยังยืนอยู่ที่เดิม เขามองเธอด้วยความสงสัย