ตอนที่ 46 กลิ้งออกไปเลย
หลังมื้อเย็น ตระกูลหลินได้ต้อนรับเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่แวะเวียนมาหาโดยไม่ขาดสาย พวกเขามีจุดประสงค์เดียวกันคือหวังว่าจะได้มีโอกาสขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับพวกนางเพื่อจะได้คอยดูแลกันยามเก็บผักป่า
หากขึ้นไปบนภูเขาแล้วพวกเขาต้องเผชิญอันตรายแน่นอน ครั้งที่แล้วหลินเว่ยเว่ยพาบุรุษรูปร่างกำยำในหมู่บ้านขึ้นไปประมาณสิบกว่าคน ตอนนั้นพวกเขาก็เจอกับหมีควายและหลิวว่ายจื่อก็เกือบตายอยู่บนภูเขาแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีผู้ใดกล้าขอให้หลินเว่ยเว่ยพาขึ้นไปบนภูเขาอีก
ทว่าชาวบ้านทุกคนที่มาตรงหน้าประตูบ้านล้วนเป็นผู้ที่ลำบากจริง ๆ พวกเขากำลังจะอดตายเพราะผักป่าที่ขึ้นอยู่บริเวณใกล้หมู่บ้านได้หมดไปนานแล้ว การที่พวกเขาจะได้ผักป่าเพิ่มก็มีทางเดียวคือขึ้นไปเสี่ยงโชคบนภูเขา
แม้นางหวงมีนิสัยอ่อนโยนแต่ไม่ได้ตัดสินใจตามอำเภอใจ ดังนั้นนางจึงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังบุตรสาวคนรอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่นางเริ่มพึ่งพาเด็กสาววัย 14 ปีผู้นี้เสียแล้ว
ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาก็เหมือนตระกูลหลินทั้งนั้นคือหนีภัยสงครามและมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านฉือหลี่โกว พวกเขามีที่ดินทำกินน้อยแต่มีบุตรหลายคน ต่อให้ภัยแล้งไม่รุนแรงก็ยังต้องอดมื้อกินมื้อ ชีวิตของพวกเขาช่างลำบากยิ่งนัก
บนภูเขามีผักป่าเป็นจำนวนมาก หากพวกเขาไม่ขึ้นไปเก็บก็ไม่รู้ว่ามันจะเหี่ยวตายวันใด เช่นนั้นคงเสียดายแย่ และแน่นอนว่าหลินเว่ยเว่ยไม่มีทางปฏิเสธคนหัวอกเดียวกันอย่างแน่นอน ทว่านางยังยึดข้อตกลงเหมือนครั้งที่แล้ว หากพูดให้น่าเกลียดหน่อยก็คือทุกคนมีโอกาสพบสัตว์ป่าได้ทั้งนั้น และนางไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้ทุกคนได้
ถึงอย่างไรก็ตามชาวบ้านที่มาขอความช่วยเหลือในวันนี้ล้วนเตรียมใจที่จะต้องพบกับสัตว์ป่าแล้ว พวกเขาเข้าใจดีว่ามีโอกาสถูกสัตว์ป่ากัดและนั่นก็ถือเป็นความโชคร้ายของพวกตน ดังนั้นไม่มีทางโวยวายกับนางโดยไร้เหตุผลแน่นอน
หลังจากส่งชาวบ้านกลับไปแล้วก็เป็นเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นอยู่กลางท้องฟ้าพลางส่องแสงนวลสว่างออกมา หลินเว่ยเว่ยถือตะกร้าผักป่าไปเคาะประตูบ้านนางเฝิง
พี่สาวคนโตที่เห็นเช่นนั้นจึงมองค้อน ‘ไปประจบน้าเฝิงอีกแล้ว ! ’
นางเฝิงเห็นผักป่าที่มีอยู่เต็มตะกร้าจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เสี่ยวเว่ย บ้านเจ้าแบ่งของมาให้บ้านข้าเยอะถึงเพียงนี้ ข้าเกรงใจเหลือเกิน !
ข้าแค่ถือโอกาสเก็บมาฝากตอนขึ้นไปบนภูเขา น้าเฝิง ข้ามีผลชิงด้วย ท่านลองชิมสิ มันหวานมาก ! หากข้าไม่กลัวว่ามันจะเหี่ยวแห้งไปก่อนทานหมด ป่านนี้ข้าคงเก็บมาจนหมดภูเขาแล้ว ! ตอนที่หลินเว่ยเว่ยยิ้ม ดวงตากลมโตแสนสดใสของนางหยีจนกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยวที่ขึ้นอยู่บนขอบฟ้า ด้วยลักยิ้มทั้งสองข้างที่แสนน่ารักของนางก็ทำให้นางดูสดใสมากกว่าเดิม
นางเฝิงเห็นเช่นนั้นก็มองด้วยความตกใจเล็กน้อย เสี่ยวเว่ย ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เจ้าผอมลงอีกแล้วหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็หมุนตัวตรงหน้านางเฝิงหนึ่งรอบด้วยความดีใจแล้วกล่าวอย่างออดอ้อนอารมณ์ดี ข้าก็คิดว่าตัวเองผอมลงเช่นกัน ในหนึ่งเดือนนี้อย่างน้อยก็น่าจะผอมลงประมาณ 10 จินได้ น้าเฝิง ท่านรอดูข้าก่อนเถิด ผ่านไปอีกสักสองเดือนข้าก็จะผอมจนกลายเป็นสาวน้อยแสนงดงามแล้ว !
เจียงโม่หานที่อยู่ในห้องได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา
หลินเว่ยเว่ยได้ยินก็ตะโกนไปทางห้องของเขาทันที เจ้าหัวเราะอันใด ? วันนี้เจ้าไม่สนใจข้า วันหน้าข้าจะทำให้เจ้าเอื้อมไม่ถึง หึ !
นางเฝิงรู้สึกขบขันกับคำหยอกล้อของอีกฝ่าย นางมองออกตั้งแต่แรกว่าเด็กน้อยคนนี้แตกต่างจากเด็กสาวคนอื่นในหมู่บ้านที่มักชอบมายุ่มย่ามวุ่นวายอยู่ข้างกายบุตรชาย แถมยังแสดงท่าทีชื่นชอบอย่างเห็นได้ชัด แต่เด็กน้อยคนนี้เหมือนต้องการเย้าแหย่บุตรชายเท่านั้นและทุกครั้งก็ทำให้บุตรชายโมโหจนหน้าดำหน้าหน้าแดง !
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด บุตรชายที่แสนเคร่งขรึมของนางกล่าวขึ้นว่า ตอนนี้ข้าก็เอื้อมไม่ถึงหรอก ! เจ้าและผักป่าของเจ้าพากันกลิ้งตัวกลมออกไปเลย !
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะพลางกล่าวว่า ตอนนี้ข้าไม่ได้อ้วนกลมแล้ว ข้ายังต้องออกไปอีกหรือเสี่ยวหานหาน ?
รู้หรือไม่ว่าเหตุใดหน้าเจ้าถึงกลม ? ตอนนี้เจียงโม่หานเดินออกมายืนพิงขอบประตูแล้ว
เพราะมันคือใบหน้าตุ๊กตา แต่ข้าน่ารักล่ะสิ ? หลินเว่ยเว่ยเอานิ้วจิ้มที่ลักยิ้มทั้งสองข้างและพยายามทำตัวให้น่ารักสุดฤทธิ์ !
เจียงโม่หานชำเลืองมองนางด้วยแววตาเรียบเฉย ผิด ! เพราะใบหน้าของเจ้าหนาเกินไปต่างหาก !
นางเฝิงได้ยินเช่นนั้นจึงถลึงตาใส่บุตรชายทันที ลูกคนนี้ เหตุใดจึงพูดกับสตรีหยาบคายเช่นนี้ได้ ?
น้าเฝิง ท่านพูดได้ถูกต้อง ! เขานิสัยไม่ดีเลย เรียนหนังสือมานานหลายปีเพียงนี้ แต่เอาความรู้และมารยาทที่เรียนมากลืนลงท้องไปหมดแล้ว ! หลินเว่ยเว่ยแลบลิ้นใส่เขาราวกับว่านางจะพ่นภาษางูใส่เขาอย่างไรอย่างนั้น
มิทันรอให้เขาได้จิกกัด หลินเว่ยเว่ยก็กระโดดออกมาจากบ้านของพวกเขาแล้ว น้าเฝิง พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาไปเก็บผักป่า ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่ ? ส่วนตะกร้านี้ท่านเอาไว้ให้ข้าวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านแล้ว ฝันดี !
เจียงโม่หานอดกลั้นโทสะไว้ เขามองตามแผ่นหลังของนางด้วยความหงุดหงิด ตอนวิ่งนี่เร็วเชียวนะ !
นางเฝิงจึงหัวเราะอย่างชอบใจ เจียงโม่หานเห็นมารดาเป็นเช่นนี้จึงหันไปกล่าวอย่างเอือมระอา ท่านแม่ขอรับ ท่านทำราวกับว่านางเป็นบุตรที่ท่านคลอดออกมาเอง ไม่ใช่ข้าหรือขอรับ ?
ใช่ แม่เก็บเจ้ามาเลี้ยง ! นางเฝิงล้างผลชิงป่าแล้วยื่นให้บุตรชาย เจ้าไม่คิดว่าเวลาที่ได้ต่อปากต่อคำกับเสี่ยวเว่ยแล้วจะดูเหมือนเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีขึ้นมาหน่อยหรือ คนเราก็ควรเติบโตตามวัยมิใช่หรือไร ? เจ้าอย่าโมโหนางเลย…ที่เสี่ยวเว่ยชอบหยอกล้อเจ้าก็น่าจะเป็นเพราะสิ่งนี้เอง !
เจียงโม่หานชะงักไปเล็กน้อย เขาในคราบเด็กหนุ่มวัยสิบห้า แม้แท้จริงย้อนเวลามาจากอีกมิติหนึ่ง ทว่ามาโมโหเด็กสาววัยสิบกว่าปีที่ชอบยั่วยุเช่นนั้นหรือ ? ความสุขุม ความโหดเหี้ยมและความอดทนของเขาราวกับถูกเด็กสาวตรงหน้าเทกระจาดไปจนหมดสิ้น นี่เขาเป็นอันใดไป ?
ชาติที่แล้วเขาได้แบกรับสิ่งต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ต่อให้เขากลับชาติมาเกิดใหม่ในตอนที่เป็นเด็กหนุ่ม แต่เขาก็ยังไม่อาจวางใจได้เพราะที่ผ่านมารู้สึกว่าเดินอยู่บนธารน้ำแข็งตลอดเวลา ทว่าในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากลัวยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นเขายังพอมีความหวังในชีวิตอยู่
ในชาตินี้ เด็กน้อยหลินได้ช่วยชีวิตเขาไว้ ทำให้เขาไม่ต้องนอนบาดเจ็บสาหัสนานถึง 2 เดือนเหมือนชาติก่อน ส่วนงานปักของมารดาก็ขายได้ราคาดีเพราะนางช่วยขายให้ ทำให้มารดาไม่ต้องเอางานปักไปขายที่เขตฝูอันซึ่งอยู่ไกลออกไป เด็กน้อยหลินที่หากเป็นในอดีตชาติก็คงตายไปแล้ว ทว่าชาตินี้นางยังยืนยิ้มให้เขา อีกทั้งยังคอยช่วยครอบครัวเขาตั้งมากมาย ทำให้เขาไม่ต้องแต่งชุดขาวส่งมารดาฝังร่างลงดิน ทำให้เขาไม่ต้อง ‘มอบ’ จี้หยกที่สวมมาตั้งแต่เด็กให้ผู้อื่น…
บางทีในชาตินี้หลังจากที่เด็กน้อยหลินได้ช่วยเขาไว้แล้วทุกสิ่งทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปใช่หรือไม่ ? แล้วเหตุใดเขาต้องขังตนเองไว้ในคุกที่สร้างขึ้นมาจากความคิดและมัดตนเองด้วยโซ่ตรวนของภาพจำเมื่อชาติก่อน ?
ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็รู้สึกว่าโซ่ตรวนที่พันธนาการในใจของเขาถูกปลดออก เขารู้สึกผ่อนคลายไปทั้งกายและใจ คิ้วได้คลายออกจากที่เคยหน้านิ่วคิ้วขมวดดูเคร่งขรึมตลอดเวลา เขาใช้สายตาที่อ่อนโยนมองไปยังกำแพงบ้านของตระกูลหลินที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าตนมีสายตาเช่นนี้ เด็กอ้วนตระกูลหลินคือเทพธิดามาจากที่ใด ? หรือว่านางคือคนที่จะทำให้เขามีชีวิตรอดในชาตินี้ ?
เอาล่ะ เลิกทำหน้ามุ่ยได้แล้ว เจ้าลองชิมผลชิงที่เสี่ยวเว่ยของเจ้าเอามาให้ก่อนสิ แม้ผลดูเล็กแต่มันหวานอร่อยมาก ! หากเอาไปทำเป็นผลไม้แห้ง รสชาติของมันคงดีไม่น้อย !
นางเฝิงนึกถึงครั้งที่ตนยังเป็นเด็ก ตอนนั้นนางมักชอบตามพี่สาวและน้องสาวที่สนิทกันไปหาของกิน พอนึกถึงความทรงจำในวัยเด็กแล้วนางก็กระตุกรอยยิ้มหวานขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เจียงโม่หานเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของนางเฝิง เขาก็อดนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมามิได้
ในตอนนั้นสงครามยังไม่สงบจึงเกิดความโกลาหลไปทุกหย่อมหญ้า เดิมทีนางเป็นสตรีแสนสวยที่จงใจแสร้งปลอมตัวให้ดูน่าเกลียด นางมักแต่งตัวราวกับขอทานที่โง่เขลาโดยปะปนอยู่ท่ามกลางผู้ลี้ภัย ทั้งยังคอยปลอบโยนเขาด้วยรอยยิ้มและคอยให้กำลังใจเขาให้มีความหวังในการมีชีวิตอยู่ต่อ
ชาติที่แล้ว เหตุผลสำคัญที่เขาก้าวไปบนเส้นทางแสนโหดเหี้ยมซึ่งไม่มีวันหวนกลับได้เพราะสูญเสียมารดาไป เขาสูญเสียแสงอาทิตย์เพียงหนึ่งเดียวที่คอยส่องประกายให้จิตวิญญาณของตนอบอุ่น เขาจึงละทิ้งตัวตนและปล่อยให้ตนตกไปในก้นบึ้งขุมนรกอันลึกที่สุด
ตอนต่อไป