ภิกษุละกิเลสและตัณหา แต่ตราบใดที่สถานที่ยังมีคนอยู่ก็ย่อมมีกลุ่มสังคม ผู้ใดจะกระโดดออกจากโลกมนุษย์ได้จริงๆ

เฉินลั่วไม่ยี่หระต่อท่าทีของเซียวเหยาจื่อและไห่เทา เขามีสีหน้าดุดัน นั่งลงบนตำแหน่งแรกก่อนใครเพื่อนประหนึ่งเป็นเจ้าบ้าน ปรับท่วงท่านั่งให้สบายเสร็จแล้ว ถึงได้ชี้ยังตำแหน่งถัดไป กล่าวเรียบๆ เสียงหนึ่งว่า นั่งลงมาคุยกัน วางท่าของผู้เป็นใหญ่กว่าอย่างเต็มที่

ความจริงเซียวเหยาจื่อกับไห่เทามิใช่คนที่รับมือกับสถานการณ์ไม่ได้ขนาดนี้ แต่การที่ปั๋วหมิงเย่ว์กับเฉินลั่วให้ความสนใจเรื่องเรื่องหนึ่งในเวลาเดียวกันหมายถึงอะไรนั้น ส่งผลกระทบต่อพวกเขาใหญ่หลวงเกินไป ยากที่พวกเขาจะดึงสติกลับมาได้ไปชั่วขณะ ค่อยๆ นั่งลงมาตามลำดับ

หลงจู๊ใหญ่เป็นคนมีไหวพริบ คิดว่าที่ตรงนี้คงไม่มีส่วนที่เขาพูดได้ หลังจากที่ช่วยนักพรตเด็กนำน้ำชาขึ้นโต๊ะใหม่อีกครั้งเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ยังช่วยปิดประตูให้พวกเขาด้วย

เฉินลั่วลอบพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เริ่มสนทนากับเซียวเหยาจื่อ ปั๋วหมิงเย่ว์ไปหาพวกเจ้าด้วยตัวเอง หรือติดต่อพวกเจ้าผ่านคนกลาง?

เซียวเหยาจื่อไม่กล้าพูดโกหก

สายสัมพันธ์ระหว่างตระกูลผู้ทรงเกียรตินั้นซับซ้อน เบื้องหน้าปั๋วหมิงเย่ว์กับเฉินลั่วเหมือนน้ำกับไฟ แต่ความจริงระหว่างทั้งสองคนแทบจะไม่มีผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกันเลย ไม่มีใครกล้าพูดจริงๆ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นอย่างไรกันแน่

เขาหลอกลวงเฉินลั่วตอนนี้ ไม่แน่ว่าเฉินลั่วอาจสืบทราบความจริงได้ในทันทีก็เป็นได้

แทนที่เขาจะทำให้คนขุ่นเคืองอยู่ตรงนี้ มิสู้ให้ปั๋วหมิงเย่ว์ไปเผชิญหน้ากับเฉินลั่วเอง เฉินลั่วจะไว้หน้าปั๋วหมิงเย่ว์หรือไม่ นั่นเป็นเรื่องระหว่างพวกเขาสองคนแล้ว

ขอเพียงเขามิได้แต่งเติมสีหรือสร้างความขัดแย้งก็พอ

เขาไปหาไห่เทาด้วยตัวเอง เซียวเหยาจื่อกล่าวอย่างนบนอบ พยายามให้ตัวเองดูจริงใจอีกสักหน่อยให้ได้มากที่สุด ใช้กระปุกใส่ชาดที่ไม่ใช้แล้วบรรจุผงธูปหอมมาให้ไห่เทาเล็กน้อย บอกว่าอยากขอให้พวกข้าช่วยทำผงธูปหอมที่เหมือนกันสักกล่องหนึ่ง เขาต้องการมอบให้ผู้อื่น ตอนนั้นไห่เทามิได้เก็บมาใส่ใจ ไม่ง่ายเลยกว่าจะแกะสูตรผสมผงธูปหอมออกมาได้ ตอนที่กำลังจะทำธูปหอมให้เขาอยู่นั้น ข้าเชิญเขามาช่วยข้าเสียก่อน พวกข้าถึงได้ค้นพบความผิดปกติ เนื่องจากหวังเฉินเป็นสหายสนิทของข้า พวกข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องกับตระกูลหวัง จึงบอกคนของตระกูลหวังให้ทราบก่อน

ดูแล้วเรื่องราวยังไม่กระจายออกไป ยังไม่ถึงขั้นที่เก็บกวาดไม่ได้

สีหน้าของเฉินลั่วดูผ่อนคลายเล็กน้อย กล่าวว่า ผงธูปหอมนี้ข้าได้รับมาจากฮ่องเต้ ทรงให้ข้าตรวจสอบสูตรผสมของผงธูปหอมนี้ และก็เป็นฮ่องเต้ที่ทรงแนะนำให้กระทำอย่างลับๆ หาไม่คงไม่ฝากฝังตระกูลหวัง

ทั้งสองคนได้ยินแล้วสีหน้าทยอยกันเปลี่ยนสี

เฉินลั่วมองแล้วพึงพอใจเล็กน้อย กล่าวต่อว่า ปั๋วหมิงเย่ว์ได้มาจากที่ใดนั้นข้าไม่รู้ แต่ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว จากนั้นถามไห่เทาว่า ปั๋วหมิงเย่ว์ไปหาเจ้าตั้งแต่เมื่อใด เมื่อก่อนเจ้ากับเขาเคยมีสัมพันธ์อะไรต่อกันหรือไม่

ไห่เทานอบน้อมยิ่งกว่าเซียวเหยาจื่อเสียอีก กล่าวว่า เขามาหาข้าเมื่อวันที่สิบหกเดือนหก ก่อนหน้านี้ข้ากับเขาไม่เคยมีสัมพันธ์อะไรต่อกันมาก่อน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแนะนำข้าให้เขา ตอนนั้นเขามิได้ปิดบังสถานะ ยังจ่ายราคาค่างวดสูงถึงหนึ่งร้อยตำลึง ข้าจึงไม่ได้สงสัย ยังเคยคุยกับสหายที่จำวัดด้วยกันหลายประโยคว่า จะมีใครทำอะไรแล้วไม่ทิ้งชื่อไว้บ้าง ให้ข้าทำเงินได้ก้อนใหญ่แต่ไม่รู้จะกล่าวขอบคุณผู้ใด

แม้นเงินหนึ่งร้อยตำลึงจะนับว่ามาก แต่ด้วยสถานะของปั๋วหมิงเย่ว์ อยากทำให้คนชอบ การเสนอเงินหนึ่งร้อยตำลึงก็ไม่นับว่าเกินกว่าเหตุ

เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าไห่เทา ปั๋วหมิงเย่ว์เองก็มิได้เปิดเผยทุกอย่างออกมา

เฉินลั่วถามไห่เทา ผู้ใดเป็นคนแนะนำเจ้าให้เขานั้น จะให้ข้าสืบหรือเจ้าจะไปสืบด้วยตัวเอง

ไห่เทาคิด ตอนนี้นอกจากตัวเองจะจำวัดอยู่ที่วัดฝ่าหยวนแล้ว วัดฝ่าหยวนยังเคยช่วยเหลือวัดหนานหวามาไม่น้อย และยังเป็นผู้สนับสนุนทรงอำนาจในการช่วงชิงตำแหน่ง ‘วัดที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของหวาหนาน’ ของวัดหนานหวาอีกด้วย คนที่รู้ว่าเขาเชี่ยวชาญการทำเครื่องหอม โดยมากน่าจะเป็นคนของวัดฝ่าหยวน หากเพราะเรื่องของเขาทำให้วัดฝ่าหยวนลำบากไปด้วยคงไม่ดีแน่

ข้าไปสืบเองดีกว่า! เขากล่าวอย่างอ้อมๆ อยู่วัดหนานหวาข้าเองก็มิใช่คนมีชื่อเสียงอะไร คนที่รู้ว่าข้าเชี่ยวชาญการทำเครื่องหอมมีจำกัด ข้าไปสืบเองสะดวกกว่า

โดยมากเพราะกลัวว่าจะไปดึงสหายของตัวเองมาข้องเกี่ยวด้วย ตั้งใจว่ามีอะไรตัวเองจะได้แก้ปัญหาอย่างลับๆ

เฉินลั่วไม่สนใจวิธีการ เขาต้องการเพียงผลลัพธ์เท่านั้น เขาพยักหน้า ไม่ถกเรื่องนี้ให้มากความอีก พูดถึงปั๋วหมิงเย่ว์ขึ้นมา ในเมื่อเพิ่งมาหาเจ้าเมื่อวันที่สิบหกเดือนหก ในเวลาอันสั้นนี้ยังแกะสูตรผสมของผงธูปหอมว่าใช้วัตถุดิบอะไรบ้างออกมาไม่ได้ก็เป็นอะไรที่ให้อภัยได้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?

นี่คือการบีบบังคับให้เซียวเหยาจื่อกับไห่เทาตัดสินใจเลือกแล้ว

ไห่เทาคิดหากเขานำเอาเขาซื่อกู้กลับมาให้วัดได้ ก็มีโอกาสสร้างชื่อที่วัดได้ จึงตัดสินใจได้ในเวลาไม่ถึงสองลมหายใจ ขอเพียงสืบได้ว่าผู้ใดเป็นคนแนะนำข้าให้คุณชายปั๋ว จะตรวจสอบสูตรผสมของผงธูปหอมออกมาได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร?

เขากลัวปั๋วหมิงเย่ว์รู้ว่าเขาไม่ช่วยเหลือ ปั๋วหมิงเย่ว์จะแก้เผ็ดเขา

ปั๋วหมิงเย่ว์กับเฉินลั่วล้วนเป็นเทพเซียน พวกเขาสู้รบกัน ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาจะเห็นใจสงสารคนธรรมดาอย่างเขาหรือไม่ และเขาจะรอดชีวิตจากสถานการณ์อันยากลำบากนี้ได้หรือไม่

เซียวเหยาจื่อประหลาดใจเล็กน้อยกับการตัดสินใจของเขา แต่ก็คิดตกได้อย่างรวดเร็ว คิดว่าเดิมทีก็เป็นไห่เทาที่แกะสูตรเครื่องหอมนี้ออกมาได้ ย่อมต้องแล้วแต่การตัดสินใจของไห่เทา

เขาไม่กล่าวสิ่งใด

เฉินลั่วกลับมีจุดยืนของตัวเอง แต่เขาก็พึงพอใจต่อท่าทีของเซียวเหยาจื่อและไห่เทาเป็นอย่างมาก ใบหน้าถึงกับเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา สีหน้าดูอบอุ่นขึ้นมาก กล่าวว่า ก็ไม่จำเป็นต้องขนาดนั้น เจ้าบอกเขาประมาณวันที่สิบเดือนเจ็ดก็พอ

ท่าทางของคนที่คิดแผนการมาอย่างดีแล้วของเขา ทำให้เซียวเหยาจื่อกับไห่เทามีเหงื่อเย็นผุดออกมาเงียบๆ ดีใจที่เมื่อครู่มิได้แสดงความคิดขัดขืนออกไป

เช่นนั้นข้าต้องบอกคุณชายปั๋วว่าอย่างไร ไห่เทากล่าวอย่างระมัดระวัง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องผงธูปหอมไม่เรียบง่าย บอกเขาว่าข้ารู้สูตรผสมของผงธูปหอมแล้ว หรือบอกเขาว่าข้าทำธูปหอมตามที่เขาต้องการได้แล้ว? ธูปหอมนั่นควรทำอย่างไร ทำเหมือนกับธูปหอมทั่วไปหรือว่ายาวกว่าปกติเล็กน้อย?

เฉินลั่วกล่าว ถ้าเหมือนกับของปกติจะเป็นอย่างไร

ไห่เทากล่าว ถ้าเหมือนกับของปกติทั่วไปก็เป็นธูปหอมคลายกังวลธรรมดาดอกหนึ่ง เนื่องจากยางกำยานมิได้ถูกเผาไหม้จนเกือบหมด ผลที่ได้ไม่ดีเท่าธูปหอมหยากับธูปหอมจินด้วยซ้ำ

เฉินลั่วกล่าว เช่นนั้นเจ้าก็ทำธูปหอมที่ยาวกว่าปกติเล็กน้อยไปให้เขาก็แล้วกัน จะถือโอกาสบอกส่วนที่แตกต่างของธูปหอมนี้ให้เขาไปด้วยพร้อมกันเลยก็ได้

ก็หมายความว่า ไห่เทาเพียงต้องปิดบังข่าวคราวของเฉินลั่วเท่านั้นก็พอ

เขาถามต่อว่าอย่างระมัดระวังว่า ท่านยังมีอะไรอย่างอื่นต้องการกำชับอีกหรือไม่

นี่มิใช่แค่จะช่วยปกปิดให้เฉินลั่วเท่านั้นแล้ว ยังยินดีจัดการธุระให้เฉินลั่วด้วย

เฉินลั่วมองไห่เทาครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าจะมากจะน้อยเขาเองก็นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่ง อนาคตไม่มีผู้ใดรู้แจ้งว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเป็นเช่นไร ข้างกายมีคนมีพรสวรรค์หลากหลายรูปแบบอยู่ด้วยก็ไม่เลวเหมือนกัน

ท่านไต้ซือทำเหมือนปกติก็พอ เฉินลั่วยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว หากยังสืบหาคนที่แนะนำเจ้าให้เขาไม่ได้ในตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มีเรื่องอะไร ข้าจะส่งคนไปพบเจ้า ถึงเวลาขอท่านไต้ซืออย่าปฏิเสธ ช่วยเหลือข้าสักครั้งถึงจะดี

หรือจะให้ไห่เทาเป็นหมากให้เขา?

หวังซีที่นั่งอยู่ตรงริมสุดทำตัวเสมือนไร้ตัวตนและไม่พูดอะไรมาโดยตลอดนั้นดวงตากลับกลอกไปมาอย่างใช้ความคิดไม่หยุด หากท่านปู่หรือท่านย่าของหวังซีอยู่ที่นี่ด้วยต้องรู้เป็นแน่ว่านางกำลังคำนวณอะไรอยู่ในใจอีกแล้ว แต่น่าเสียดายที่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนมิได้สังเกตเห็นนาง แม้แต่หลงจู๊ใหญ่ของตระกูลหวังที่พอจะรู้จักนางอยู่บ้างก็ไม่อยู่ตรงนี้ด้วย จึงไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ในใจ

ไห่เทากลับคิดว่าตัวเองได้ทำการแลกเปลี่ยนไปเรียบร้อย จะถอนตัวกลับก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่ว่าเฉินลั่วจะใช้เขาเป็นหมากก็ดี หรือเป็นผู้สอดแนมก็ดี ในเมื่อเขาเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยแล้ว ก็จำต้องหาวิธีกลับออกมาอย่างปลอดภัย ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่านั้นแล้ว

เขาขานรับอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว กำหนดเรื่องการนัดหมายกับเฉินลั่ว

เฉินลั่วเห็นว่าเรื่องที่เขาต้องทำก็ทำเสร็จสิ้นแล้ว จึงลุกขึ้นกล่าวขอตัวลา

เซียวเหยาจื่อกับไห่เทาไปส่งเฉินลั่วที่ประตู

หวังซีตัดสินใจออกไปพร้อมกับเฉินลั่ว

นางมีเรื่องอยากถามเขา

ยิ่งไปกว่านั้นจิงเฉิงปิดเมืองปลายยามโหย่ว[1] นางเร่งเดินทางกลับจิงเฉิงในเวลานี้ ประตูเมืองต้องปิดแล้วเป็นแน่ เฉินลั่วมีความสามารถโดดเด่น สถานะก็สูงส่ง ในจิงเฉิงนี้ มีสถานที่น้อยนักที่เขาเข้าไปไม่ได้ ไม่ว่าต่อจากนี้เฉินลั่วจะใช้วิธีการอย่างไร ติดตามเขาไป ย่อมไม่เกิดข้อผิดพลาดใหญ่อะไร ปลอดภัยกว่านางหาวิธีไปหาที่พักกันเองสิบเท่าร้อยเท่า

ประจวบเหมาะกับที่เฉินลั่วเองก็มีเรื่องอยากคุยกับหวังซีด้วยพอดี

เขาเงยหน้ามองนางเรียบๆ ครั้งหนึ่ง กล่าวประโยคหนึ่งว่า ไปกันเถอะ แล้วก็หมุนกายจากไปก่อน

หวังซีรีบกล่าวอำลาเซียวเหยวจื่อกับไห่เทา ทิ้งหลงจู๊ใหญ่ไว้อยู่รับรองคนทั้งสอง แล้วตามเฉินลั่วออกจากวัดเจินอู่ไป

เฉินลั่วนั่งรถม้ามา บุรุษอายุประมาณสามสิบปีผู้หนึ่งเป็นคนขับ ร่างผอมเล็กทว่ามือยาวเลยเข่า หวังซีมองเขาแล้วนึกถึงบรรดาลิงที่นางเจอตอนไปเขาเอ๋อเหมยกับท่านย่าของนางขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

นอกจากคนขับรถม้าแล้ว เฉินลั่วยังพาผู้ติดตามอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี ผิวขาวกระจ่าง ดวงตากลม ตาซ้ายใหญ่ตาขวาเล็ก ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกเบิกบานมาด้วยอีกผู้หนึ่ง

รถม้าของเขาจอดอยู่ที่สวนป่าแห่งหนึ่งไม่ไกลจากประตูวัดนัก ที่นั่นเป็นสถานที่สำหรับให้บรรดาคนมาจุดธูปที่วัดเจินอู่จอดรถม้าโดยเฉพาะ เนื่องจากย่ำค่ำแล้ว ในสวนป่าจึงมีรถม้าจอดอย่างกระจัดกระจายอยู่เพียงสี่ถึงห้าคันเท่านั้น หนึ่งในนั้นยังรวมรถม้าของหวังซีเอาไว้ด้วย

เฉินลั่วขายาวฝีก้าวใหญ่ ออกจากประตูวัดมาแล้วหวังซีก็ยังมาไม่ถึง เขายืนรอหวังซีอยู่หน้ารถม้าของตัวเอง

ผ่านไปครู่ใหญ่ หวังซีกับสาวใช้ถึงได้กระหืดกระหอบวิ่งเหยาะๆ เข้ามา

เจ้าเดินเร็วเกินไปแล้ว! อากาศช่วงเดือนหก แค่ขยับก็เหงื่อท่วมร่างแล้ว นางร้อนจนแทบจะทนไม่ไหว เห็นรอบๆ ไม่มีใครที่ไหน จึงดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาโบกพัดเอาลมไปด้วย กล่าวไปด้วยว่า ประเดี๋ยวพวกเราทำอย่างไรต่อ

นางยังมีความหวังในใจว่าเฉินลั่วจะมีวิธีเข้าเมืองได้

อากาศเช่นนี้ ใครจะอยากพักอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นและเป็นอาหารให้ยุงกัน

เฉินลั่วไม่สนใจนาง มองหวังซีที่ดวงหน้าแดงระเรื่อประหนึ่งดอกบัวเพราะอากาศร้อนเกินไปครั้งหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าไม่แสดงความรู้สึกว่า ไห่เทาใช้โฉนดที่ดินที่เป็นสินเจ้าสาวของท่านย่าของเจ้าเป็นข้อแลกเปลี่ยน?

หรือเขาจะชดเชยให้ครอบครัวของพวกนาง?

หวังซีพยักหน้าหงึกๆ เป็นโฉนดที่ดินของเขาซื่อกู้ เป็นภูเขาขนาดใหญ่มากลูกหนึ่ง

เฉินลั่วพยักหน้าโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไร กล่าวว่า เจ้าตามข้ามา คืนนี้พวกเราจะค้างคืนที่สะพานศิลาขาว

กล่าวจบ ก็ก้าวยาวๆ ขึ้นรถม้าของตัวเองไป

หมายความว่าอย่างไร

หวังซีตะลึงงัน ยืนอยู่ที่เดิมกว่าครู่ใหญ่ ค้นพบว่าเฉินลั่วเดินไปด้วยพูดไปด้วยว่าให้นางตามไปก็คือให้ตามไป โดยไม่คิดจะรอนางเลย ผู้ติดตามของเขาเก็บฐานรองขึ้นรถม้าเสร็จ คนขับรถม้าก็ร้อง หย่ะ เสียงหนึ่ง ฟาดแส้ออกรถไป

นางตกใจเป็นอย่างมาก จำต้องรีบขึ้นรถม้าไปอย่างรีบร้อน สั่งการหวังสี่ที่มาด้วยให้รีบตามรถม้าของเฉินลั่วไป ปากก็อดพร่ำบ่นไม่ได้ว่า จะรีบร้อนขนาดนี้ไปทำไม ไม่ได้จะรีบไปเกิดใหม่เสียหน่อย ต่อให้ไปเกิดใหม่ ก็ไม่เสมอไปว่าไปถึงเร็วแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าหนอนที่ตื่นเช้าล้วนถูกนกกินก่อนเสมอ จะดีหรือไม่ดีก็ต้องดูว่าเจ้าเป็นหนอนหรือเป็นนก…

……………………………………………………………………..

[1] ยามโหย่ว 17.00-19.00 นาฬิกา

ตอนต่อไป