ตอนที่ 86 เตรียมตัวล่วงหน้า

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 86 เตรียมตัวล่วงหน้า

เพื่อนๆ ในห้องคาดเดาได้ถูกต้อง ทุกคนล้วนแต่คุ้นเคยกับสไตล์ของหลินเยวียน เป็นสไตล์ที่ได้ชื่อว่า ‘หลินเยวียน’

หลินเยวียนเป็นคนที่ขี้เกียจอธิบายจริงๆ

ทว่าเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ หลินเยวียนไม่อยากเป็นจุดสนใจมาก ไม่อย่างนั้นศาสตราจารย์ท่านนี้เสนอเรื่องย้ายคณะขึ้นมาจะทำอย่างไร

เขาไม่อยากออกจากสาขาการประพันธ์เพลง

“ห้องต่อไป”

ก่อนที่ข่งอันจะเดินไป ก็มองหลินเยวียนอย่างลึกล้ำ ความคิดที่มีในใจก็แน่วแน่ขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากคณะกรรมการออกไป

สายตาของทุกคนก็ไปรวมกันอยู่ที่หลินเยวียน

เพื่อนนักเรียนทั้งซ้ายขวาจำนวนไม่น้อยพูดชมเชยหลินเยวียน บวกกับการไต่ถามอีกหลายครั้ง ส่วนหลินเยวียนก็ตอบไปอย่างคุ้นเคย

เขาเริ่มเข้าใจการเป็นที่เอ็นดูตั้งแต่เรียนอนุบาล จึงเคยชินไปนานแล้ว

เหมือนกับฝีมือเปียโนนั่นแหละ

เมื่อเผชิญหน้ากับหนังสือพิมพ์กระดานดำที่สวยพริ้งเพรานี้ แทบทุกคนจึงได้ข้อสรุปเพียงว่าฝีมือการวาดรูปของหลินเยวียนเองก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน

ทว่ายอดเยี่ยมมากแค่ไหนนั้น กลับไม่ได้มีคำจำกัดความที่ชัดเจน

แต่ถึงอย่างนั้น ฝ่ายศิลป์เหยียนเมิ่งเจียซึ่งเรียนศิลปะมาหลายปีกลับกระจ่างในทันทีว่าการสร้างสรรค์หนังสือพิมพ์กระดานดำได้ระดับนี้ภายในสองชั่วโมงนั้นหมายความว่าอย่างไร

แน่นอน

สายตาที่ผู้หญิงในเซคมองมายังหลินเยวียนนั้นแปลกชอบกล

และนี่คือที่มาของบรรดาขนมซึ่งมักจะปรากฏอยู่บนโต๊ะของหลินเยวียนโดยไม่รู้ที่มา

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือหลังจากนี้ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะหลังจากที่หลินเยวียนได้สร้างภาพจำของพรสวรรค์ทั้งสองแขนงต่อหน้าทุกคนอย่างต่อเนื่อง

วันต่อมา

หนังสือพิมพ์กระดานดำในชั้นเรียนของหลินเยวียนไปปรากฏในเว็บไซต์ทางการของวิทยาลัยได้สำเร็จ หนังสือพิมพ์กระดานดำนี้คว้าอันดับหนึ่งของชั้นปีที่สองอย่างไม่ต้องสงสัย

และหลินเยวียนก็ถือโอกาสนี้เริ่มต้นคลาสเรียนสีกวอชของตนในชมรมจิตรกรรม สอนวันละสองรอบ

สอนสเก็ตช์ก่อน ตามด้วยสีกวอช

แต่คนที่ลงชื่อเรียนสเก็ตช์นั้นมากกว่าคนที่เรียนสีกวอชมาก ทุกวันนี้ฝีมือการสอนสเก็ตช์ของหลินเยวียนนั้นได้ตราตรึงในจิตใจของคนคณะวิจิตรศิลป์ไปแล้ว เมื่อเทียบกันแล้ว คนจำนวนมากยังไม่ค่อยรู้ถึงความสามารถในการวาดภาพสีกวอช รวมไปถึงฝีมือในการสอนของหลินเยวียนเท่าไหร่นัก

นอกจากนักศึกษาอย่างจงอวี๋และคนอื่นๆ ซึ่งได้เห็นการสร้างสรรค์ผลงานภายในกรอบเวลาเพียงสองชั่วโมงของหลินเยวียน

คนพวกนี้เองก็หน้าเนื้อใจเสือ

พวกเขานัดแนะกันลับหลัง ยังไม่ยอมเปิดเผยเรื่องของหลินเยวียนออกไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีคนไม่มากที่แย่งชิงคลาสเรียนสีกวอชของหลินเยวียนของพวกเขา

รอให้ผ่านไปอีกสักพัก พวกเขาได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาจากหลินเยวียนแล้วค่อยให้คณะวิจิตรศิลป์รับรู้ถึงความโหดของฝีมือการวาดภาพสีกวอชของหลินเยวียน

ส่วนหลินเยวียนก็ไม่ได้สนใจ

ตอนนี้เขาเองก็มีนักเรียนให้สอนไม่ขาด

ถึงอย่างไรราคาค่าเรียนก็เหมือนกัน

และผลลัพธ์จากรางวัลหนังสือพิมพ์กระดานดำ ก็ทำให้หลินเยวียนได้รับคำชมเชยจากที่ปรึกษาในสาขาการประพันธ์เพลง และบทบาทของที่ปรึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นก็ไม่ได้ต่างกับครูประจำชั้น ทว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของวิทยาลัยศิลปะฉินโจวนั้นส่วนมากควบตำแหน่งอาจารย์ประจำสาขาไปด้วย

ที่ปรึกษามีชื่อว่าหวาลี่

ช่วงนี้หวาลี่ให้ความสนใจกับหลินเยวียนมาตลอด เพราะผลการเรียนของหลินเยวียนนั้นดีขึ้นในเวลาอันสั้น นักศึกษาส่วนมากไม่ได้มุ่งมั่นเรื่องผลการเรียนมากนัก มาตรฐานอยู่ที่ระดับผ่านเกณฑ์ไม่ต้องเรียนซ้ำ แต่หลินเยวียนกลับต่างออกไป เขาตั้งใจเรียน มานะบากบั่น ถึงแม้ว่าตอนที่เพิ่งย้ายมาสาขาการประพันธ์เพลงจะตามไม่ค่อยทัน ทว่าในการสอบครั้งที่ผ่านมา หลินเยวียนก็ติดห้าอันดับแรกของเซคแล้ว

หวาลี่ชื่นชอบนักศึกษาประเภทนี้

ส่วนความชื่นชอบประเภทที่เอาไปปะปนกับปัจจัยภายนอกอย่างเรื่องหน้าตานี่ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความแล้ว ถึงอย่างไรหวาลี่ก็ชื่นชมหลินเยวียนอย่างมากที่สร้างชื่อเสียงให้กับชั้นเรียน คำชมของเธอยาวนานต่อเนื่องสามนาทีเต็มๆ

เมื่อกล่าวชมเชยหลินเยวียนเสร็จ

หวาลี่จึงโยงเข้าสู่ประเด็นหลักในวันนี้ “พวกเราเรียนการประพันธ์เพลงมาเกือบสองปีแล้ว เชื่อว่าทิศทางและเป้าหมายในการเติบโตในอนาคตของพวกคุณส่วนใหญ่น่าจะไม่ใช่การแต่งโน้ตเพลง แต่เป็นการเข้าไปเป็นนักประพันธ์เพลงในบริษัทบันเทิง”

โน้ตเปียโนเป็นงานของนักประพันธ์เพลง

เขียนทำนองเพลงของเพลงฮิตติดชาร์ตก็เป็นงานของนักประพันธ์เพลงเช่นกัน

อย่างแรกนั้นมาตรฐานสูงเกินไป อย่างหลังค่อนข้างเป็นที่นิยมกว่า

ดังนั้นในวิชาเฉพาะทางสาขาประพันธ์เพลงของวิทยาลัยศิลปะฉินโจว แม้ชื่อจะเน้นไปทางอย่างแรก แต่ก็ไม่เคยมองข้ามการชี้แนะและบ่มเพาะอย่างหลัง

เฉกเช่นในครั้งนี้

หวาลี่กล่าวว่า “ภารกิจในบทเรียนของพวกเราหลังจากนี้ จะไม่ใช่การเขียนปริญญานิพนธ์ แต่ทุกคนจะต้องเขียนเพลงมาให้ฉัน ไม่จำกัดสไตล์เพลง ส่วนเรื่องเนื้อร้องกับการขับร้อง พวกคุณไปหาคน หรือว่าจะทำเองก็ได้ ไม่ต้องจ่ายตังค์ ในวิทยาลัยเรามีสมาคมของแต่ละสาขาที่คอยช่วยเหลือกันอยู่ ระยะเวลาสร้างสรรค์ผลงานถึงสิ้นเดือนหน้า”

“ครับ/ค่ะ”

บรรดานักศึกษาต่างกระตือรือร้นอยากลองดู นี่ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรสำหรับนักศึกษาสาขาการประพันธ์เพลง คนจำนวนมากมีเพลงที่เคยเขียนไว้ตั้งเยอะแยะ มีคลังเพลงเก็บเอาไว้ ถึงขั้นที่ส่งต้นฉบับให้กับบริษัทบันเทิงด้วย

“เตือนพวกคุณเรื่องหนึ่งก่อน”

หวาลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คะแนนของเพลงในครั้งนี้สำคัญมาก พูดให้ชัดก็คือ นี่เป็นการประเมินพวกคุณในปีการศึกษานี้! หัวหน้าสาขาการประพันธ์เพลงจะให้คะแนนด้วยตัวเอง เพราะปีนี้พวกคุณอยู่ปีสอง ปีหน้าก็ปีสามแล้ว ปีสามจะคัดเลือกโควตานักศึกษาแลกเปลี่ยน คะแนนของเพลงเป็นปัจจัยสำคัญของโควตานักศึกษาแลกเปลี่ยน”

“อะไรนะ”

“จริงปะเนี่ย”

“ประเมินประจำปีการศึกษา?”

เสียงของทุกคนในตอนนี้แหลมสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!

ใบหน้าของคนจำนวนมากถึงกับฉายแววความตื่นเต้น เก็บความคิดที่จะเล่นสนุกตามอำเภอใจเอาไว้ก่อน

ใช่แล้ว

นักศึกษาส่วนมากสนใจการเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน เพราะประสบการณ์นี้ มีส่วนช่วยในการหางานหลังจากเรียนจบเป็นอย่างมาก!

ยิ่งไปกว่านั้น นักศึกษาแลกเปลี่ยนยังจะได้สัมผัสการเรียนการสอนในต่างมหาวิทยาลัย ประสบการณ์เป็นเวลาหนึ่งปีจากการแลกเปลี่ยน สำหรับหลายคนแล้วนับว่าล้ำค่าเหลือเกิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลประโยชน์ต่างๆ ที่ทางวิทยาลัยจะจัดสรรให้กับนักศึกษาแลกเปลี่ยนด้วย!

“นักศึกษาแลกเปลี่ยน”

หลินเยวียนแลดูราวกับกำลังใช้ความคิด

ครั้งก่อนหลังจากเจี่ยนอี้บอกว่าจะไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ฉีโจว อันที่จริงหลินเยวียนเองก็กำลังใคร่ครวญอยู่เช่นกันว่าจะไปฉีโจวเป็นเพื่อนเจี่ยนอี้ดีไหม ถึงยังไงหลังจากนี้เวลาที่ทุกคนจะได้อยู่ด้วยกันก็มีน้อยลงเรื่อยๆ แถมเขายังสนใจสวัสดิการของนักศึกษาแลกเปลี่ยนด้วย

ส่วนซย่าฝาน…

ซย่าฝานต้องอยู่ที่วิทยาลัยศิลปะฉินโจวต่ออย่างแน่นอน

เธอจะเข้าร่วมรายการ ‘สะพรั่ง’ ในปีนี้

เธอยังคิดจะใช้รายการนี้เป็นช่องทางเดบิวต์

นี่คือความฝันตลอดหลายปีของเธอ ถ้าหากเธอได้เดบิวต์จริงๆ หลังจากนี้เวลาในรั้วมหาวิทยาลัยก็จะมีไม่มากแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ การไปฉีโจวก็เป็นตัวเลือกที่หลินเยวียนสามารถพิจารณาได้อย่างจริงจัง

เพราะหลินเยวียนมั่นใจ

ซย่าฝานจะได้เดบิวต์อย่างแน่นอน

ต่อให้ปีนี้เธอไม่ได้ไปต่อในรายการสะพรั่งอีกครั้ง หลินเยวียนก็จะขอร้องให้จ้าวเจวี๋ยเซ็นสัญญากับซย่าฝานไว้ ขณะเดียวกันทางเขาเองก็จะเตรียมเพลงไว้ให้ซย่าฝานด้วย

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว บทเพลงในครั้งนี้ก็ต้องตั้งใจทำเป็นอย่างดี

ตกเย็น

ระหว่างทางกลับบ้านหลังเลิกเรียน หลินเยวียนเรียกระบบ ข่มกลั้นความเจ็บปวดใจ “ฉันอยากสั่งทำเพลง เอาแบบเพลงละห้าแสนหยวน”

“ประเภทไหน”

หลินเยวียนตอบ “เกี่ยวกับการให้กำลังใจ”

เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องประเภท แต่กลับพูดถึงธีมหลักของเพลง เพราะนักศึกษายังไม่ได้เข้าสู่โลกแห่งการทำงาน เขียนเพลงให้กำลังใจสักหน่อยน่าจะเข้ากับบรรยากาศในรั้วมหาวิทยาลัย

“กำลังหักเงิน…”

“กำลังสุ่มเลือกเพลง…”

“เลือกเพลงสำเร็จ…”

“ยินดีด้วยโฮสต์ได้รับเพลง ‘ความฝันแรก’”

ระหว่างการบรรยายคร่าวๆ หลินเยวียนได้รับข้อความว่าเงินในบัญชีน้อยลงห้าแสนหยวน ขณะเดียวกันในคลังไอเทมก็มีเพลงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเพลง หลินเยวียนรู้สึกว่ามือดีไม่เบาเลย

“จริงสิ”

ทันใดนั้นหลินเยวียนก็ถามขึ้น “หักเงินจากธนาคารจะไม่มีปัญหาเหรอ”

ระบบตอบ “ไม่ต้องเป็นห่วง ทางธนาคารตรวจสอบปัญหาอะไรไม่ได้หรอก เพราะระบบหักเงินของโฮสต์ตามช่องทางปกติ”

“เข้าใจแล้ว”

หลินเยวียนตัดสินใจว่าเดือนหน้าจะส่งเพลงนี้

ด้วยผลการเรียนในเทอมนี้ของเขา บวกกับเพลงนี้ ถ้าอยากได้โควตานักศึกษาแลกเปลี่ยนก็น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก

แน่นอนว่า

ภาคการศึกษานี้เพิ่งจะเริ่มขึ้นได้ไม่เท่าไหร่ ยังเหลือเวลาอีกนานโขกว่าจะถึงภาคการศึกษาหน้า ดังนั้นจะมาคิดในตอนนี้ก็ยังอีกไกล หลินเยวียนเพียงแค่เตรียมตัวล่วงหน้า

……………………………………………………