ตอนที่ 169 เพิ่มชื่อเสียงให้กับพันธมิตรสงคราม
ไกลออกไป ตัวของสะพานก็ค่อย ๆ ปิดตัวลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีเครื่องบินรบบินอยู่เหนือน่านฟ้า โดยอาวุธของตัวเครื่องบินรบก็กําลังเล็งมาที่สตีฟและคนอื่น ๆ อยู่!
ส่วนด้านหลังก็เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่จํานวนมากที่กําลังล้อมวงเข้ามาเรื่อย ๆ
“พวกเราถูกล้อมแล้ว”
สตีฟพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“ถูกล้อม ? ทําไมฉันถึงมองไม่เห็นเลยว่าพวกเรากําลังถูกล้อมอยู่” บริ้งค์มองไปรอบ ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมาเบา ๆ
“เลิกขัดขืนซะ ไม่งั้นพวกเราจะเปิดฉากยิง!”
มีเสียงพูดเตือนขึ้นมาจากทางเครื่องบิน ทําให้สตีฟที่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็หยิบโล่ขึ้นมาและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทันที แต่ทันใดนั้นนาตาชาก็ห้ามสตีฟเอาไว้ ทําให้สตีฟได้แต่มองไปที่นาตาชาด้วยความมึนงง และเมื่อนาตาชาเห็นสายตาของสตีฟเธอก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหัวแล้วพูดว่า “สตีฟ นี่เป็นภารกิจของพวกเรา!”
“แต่…”สตีฟขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรแล้วภายใต้สถานการณ์แบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฝ่าวงล้อมพวกนี้ออกไปได้ และที่นี่ก็ยังเป็นศูนย์ใหญ่ของ SHIELD อีกด้วย ดังนั้นมันจึงไม่เสี่ยงไปหน่อยหรอที่จะไปต่อสู้กับคนพวกนี้โดยอยู่ในฐานของพวกเขา ?
“คุณหรือฉันดี ?” นาตาชาหันไปถามกับบริ้งค์
“เฮ! ฉันก็มีตัวตนอยู่นะ” เฉินฮ่าวหรานตะโกนขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่านาตาชาและบริ้งค์ได้ลืมเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันจะให้คุณคอยจัดการพวกที่เหลือให้ไง” นาตาชาหันไปพูดกับเฉินฮ่าวหรานเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองที่บริ้งค์
“คุณ… โอเคได้” นาตาชายิ้มขึ้นมาเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากนั้นเธอก็ออกตัววิ่งไปที่เครื่องบินรบของ SHIELD อย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันเมื่อนักบินเห็นว่านาตาชาวิ่งออกมา พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีเลยว่านาตาชาและพรรคพวกของเธอไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ให้ไป ทําให้นักบินเริ่มเปิดฉากยิงไปที่นาตาชาทันที
ดาดาดาดาดาดาดาดา…
เสียงปืนจากเครื่องบินรบมันทําให้คนที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับรู้สึกปวดหูขึ้นมาทันที
และแน่นอนว่านาตาชาไม่ได้มีความตั้งใจที่จะหลบกระสุนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นมันก็มีสนามพลังจิตปรากฎขึ้นมาปกคลุมร่างกายของนาตาชาเอาไว้ ทําให้กระสุนที่กําลังพุ่งเข้ามาหานาตาชาถูกเบี่ยงเบนออกไปทางด้านข้าง และไม่ต้องพูดถึงว่านาตาชาจะได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะว่าขนาดสนามพลังจิตของเธอลูกกระสุนพวกนี้ยังไม่สามารถทําลายมันได้เลย
“ความรู้สึกนี้มันยอดเยี่ยมจริง ๆ !”
มุมปากของนาตาชายกขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีพลังจิตจริง ๆ เธอก็สามารถหาวิธีจัดการกับกระสุนพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่ากระสุนมันจะมากแค่ไหนก็ตาม!
ในชั่วพริบตานาตาชาก็วิ่งมาข้างใต้เครื่องบินอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยิงปืนสลิงไปที่เครื่องบินทําให้ร่างกายของเธอสามารถพุ่งขึ้นไปด้านบนของเครื่องบินได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเธอก็หยิบปืนคู่ออกมาและยิงไปที่ใบพัดของเครื่องบินอย่างเมามัน
ไม่นานหลังจากนั้นใบพัดของเครื่องบินทางด้านซ้ายก็ติดไฟและระเบิดในที่สุด พร้อมกับการที่เครื่องบินเริ่มเสียการทรงตัวทันที
หลังจากนั้นนาตาชาก็โดดลงมาจากเครื่องบินอย่างสง่างาม และเมื่อขาของเธอลงถึงพื้น ทันใดนั้นเครื่องบินก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ
“น่ากลัว!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงของซู่เจินดังขึ้นมา และเมื่อนาตาชาหันกลับไปมองเธอก็พบว่าซูเจินกําลังยืนอยู่ข้างหลังของเธอ ทําให้เธอพูดขึ้นมาว่า “แน่นอนว่าสําหรับคุณเรื่องพวกนี้มันคงจะง่ายเหมือนกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่สําหรับฉันแล้วมันเป็นสิ่งที่ยากลําบากเป็นอย่างมาก”
“ขอบคุณสําหรับคําชม ? นี่ก็คือพลังจิตของคุณสินะ … ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คุณดูเท่มาก ๆ เลยนะ” ซู๋เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
นี่คือเสน่ห์เฉพาะตัวของเธอ!
และเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เธอก็คือนาตาชา โรมานอฟ ไม่ใช่แม่ม่ายดํา!
“อืม … ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” นาตาชายืนเขย่งปลายเท้าของเธอและจูบไปที่ปากของซู่เจินเบา ๆ หลังจากนั้นเธอก็เลียปากของเธอและพูดขึ้นมาว่า “ช็อกโกแลตอย่างงั้นหรอ ? ฉันคิดว่าวานิลลาอร่อยกว่าอีกนะ!”
“เอาไว้คราวหน้าจะลองดูละกัน” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ในขณะเดียวกันทางด้านของบริงค์ สตีฟ และ เฉินฮ่าวหรานก็เดินมาหาซ่เงินอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าด้านหลัง ของพวกเขาจะเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่จํานวนมากมาย แต่การแสดงออกของเฉินฮ่าวหรานก็ทําให้ซูเจนรู้สึกประห ลาดใจจริง ๆ เพราะตอนแรกเฉินฮาวหรานสามารถจุดไฟได้เพียงแค่ประกายไฟดวงเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ในตอนนี้ เขากลับสามารถจุดไฟขึ้นมาได้ใหญ่โตกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก
ทําให้เจ้าหน้าที่ของ SHIELD ในตอนนี้เริ่มมีอาการสับสนเล็กน้อย เพราะพวกเขาได้สูญเสียเจ้าหน้าที่ไปจํา นวนมากพร้อมกับเครื่องบินรบ และนี่ก็ยังไม่ได้ร่วมถึงคนที่ได้รับบาดเจ็บอีกจํานวนมาก
ทําให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทําอะไรต่อไปดี และพวกเขาก็ไม่คิดว่าซูเจินจะมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เพ ราะด้วยความแข็งแกร่งของซู่เจินเพียงคนเดียวก็สามารถทําลายพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมันยังไม่ได้รวมถึง สมาชิกของพันธมิตรสงครามที่เหลืออีกสามคน ได้แก่ บริ้งค์ เฉินฮ่าวหราน และนาตาชา
ด้วยพวกเขาทั้งสามคนก็สามารถช่วยเหลือกัปตันอเมริกาได้อย่างง่ายดายแล้ว โดยไม่ต้องถึงมือของซู่เจิน เลยด้วยซ้ํา
ไม่ … นี่มันไม่ใช่การช่วยชีวิตแล้ว แต่เป็นการลักพาตัวไป
แน่นอนว่าพันธมิตรสงครามนั้นไม่ได้มีเพียงแค่สามคนอย่างแน่นอน … ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถนึกภาพออกได้ ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพันธมิตรสงครามนั้นมันน่ากลัวขนาดไหน ?
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องเริ่มให้ความสําคัญเกี่ยวกับพันธมิตรสงครามให้มากขึ้นในอนาคต
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่กล้าหยุดเรานะ พวกเราไปกันเลยดีไหม ?” นาตาชาหันไปถามกับซู่เจิน
ซู่เจินจ้องมองลึกลงไปที่ทะเลสาบด้านหน้าของเขาเล็กน้อย เพราะว่าเขารู้ว่าข้างใต้ทะเลสาบนั้นมีเรือบรร ทุกเครื่องบินอยู่ 3 ลํา และถ้าถามว่าเขาอยากทําลายมันไหม ? แน่นอนว่าลืมมันไปเถอะ เพราะว่าเรือบรรทุกเครื่ องบินพวกนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนัก และเขาก็สามารถทําลายมันในภายหลังก็ได้ โดยให้พวกเขาใน ตอนนี้ได้รู้สึกว่าพวกเขาได้ถูกซ่เงินช่วยเอาไว้ พวกเขาจะได้จดจําชื่อของพันธมิตรสงครามและสามารถเพิ่ม อิทธิพลของพันธมิตรสงครามได้อีกด้วย
นอกจากนี้เขายังสามารถใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มพูนประสบการณ์การต่อสู้ให้กับสมาชิกของพันธมิตรสงคราม ได้อีกต่อหนึ่ง และยังสามารถปลูกฝังความรู้สึกในด้านต่าง ๆ ให้กับพวกเขาได้อีกด้วย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว
“ไปกันเถอะ!”
ซูเจนพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันบริ้งค์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซู่เจินก็เปิดประตูพอร์ทัลขึ้นมาตรงหน้าของ เธอทันที
และเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปด้านในของประตูพอร์ทัลจนหมดแล้ว ประตูพอร์ทัลก็หายไปอย่างไร้ร่องลอย โดยมีฉากหลังเป็นเจ้าหน้าที่ของ SHIELD ที่นอนอยู่บนพื้นเต็มไปหมด บวกกับเศษซากของเครื่องบินรบและประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่ดูไร้ประโยชน์ตรงทางออก
ซึ่งปัญหาในครั้งนี้ใช้เวลาในการจัดการเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกผู้มีอํานาจก็ได้รับรู้แล้วว่าพันธมิตรสงครามเป็นคนที่ช่วยกัปตันอเมริกาหนีออกไปจากสํานักงานใหญ่ของหน่วย SHIELD โดยได้ทิ้งวีรกรรมที่หน้าจดจําเอาไว้เบื้องหน้าของพวกเขาด้วย
เรียกได้ว่าการทําภารกิจได้ครั้งนี้มันสมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะช่วยกัปตันอเมริกาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้พวกหน่วย SHIELD เป็นบันไดในการเพิ่มชื่อเสียงให้กับพันธมิตรสงคราม และนี่ก็ถือได้ว่าเป็นการปรากฏตัวต่อสายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรกอย่างแท้จริง …