ตอนที่ 97 ลิสตัน ภูติโลลิสิงสู่

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

97 วิญญาณวีรชนสิงสู่

 

“――ด้วยเหตุผลนั้น ฉันคิดว่าจะให้เธอรับการฝึกเทคริคก่อน”

 

หลังจากเกลี้ยกล่อมริโนกิสได้ พวกเราก็เปลี่ยนเป็นชุดสำหรับฝึก และมาถึงสถานที่ร้างผู้คน

 

เมื่อฉันถามคนรับใช้ว่ามีสถานทที่ดี ๆ ไหม เขาก็แนะนำที่นี่มาให้

เป็นป่าขนาดเล็กที่ไม่ค่อยมีคนมายุ่ง

เป็นสถานที่ที่สวยงามมากอยู่ใกล้กับทะเลสาบเล็ก ๆ ที่เกิดจากน้ำผุดจำนวนมาก น้ำยังสามารถดื่มได้ด้วย

 

เป็นสถานที่ที่ดี กลิ่นของความเขียวขจีค่อนข้างชวนให้คิดถึง

ฉันจะใช้ที่นี่สำหรับการฝึกฝนเลยดีไหมน่ะ

 

เนื่องจากอยู่ไกลจากวิลล่า ดังนั้นแม้จะมีเสียงดังสักเล็กน้อย ก็ไม่รบกวนใคร

 

“เทคนิค……รึคะ หมายถึงกระบวนท่าใช้หรือเปล่าคะ?”

 

“กระบวนท่าก็คือกระบวนท่า การชกและการเตะในกระบวนท่าก็เป็นแค่กระบวนท่า ไม่ใช่เทคนิค”

 

ที่จริงยังเร็วเกินไปที่จะสอนเทคนิคให้เธอ แต่――ฉันก็สลัดความลังเลในใจและพูดต่อไป

 

“ขอเตือนไว้ก่อนว่า เทคนิคเกือบทั้งหมดของฉันนั้นอันตรายถึงชีวิต  ถ้าเธอใช้โจมตีผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่อง『คิ』 หรือไม่เคยฝึกฝนมาก่อน หมายถึงความตายแน่นอน

ดังนั้นจงอย่าใช้ในทางที่ผิด

 

แต่เมื่อจำเป็นต้องใช้ก็จงใช้ซะ เมื่อเธอเป็นนักสู้ก็ต้องมีช่วงเวลาที่ต้องสู้จนตายกันไปข้าง

แต่ว่า เผลอไปฆ่าคนเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเขา――มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่จงหลีกเลี่ยงให้ดี ฉันเกลียดกำปั้นที่ไร้ความรับผิดชอบ นอกจากนี้ นั่นยังเป็นความรับผิดชอบของอาจารย์ผู้ที่สอนเทคนิคให้แก่ลูกศิษย์ที่ไร้ประสบการณ์”

 

แต่ ฉันอยากจะเชื่อว่าริโนกิสที่ขอร้องให้ฉันรับเธอเป็นลูกศิษย์ด้วยเหตุผลที่ว่า「ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นในฐานะผู้คุ้มกัน」จะไม่เป็นไร――ไม่สิ ฉันเชื่อเธอ

 

“ถึงจะเป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะสอนเธอ ฉันก็คิดว่าเธอจะสามารถเอาชนะการแข่งขันทัวร์นาเมนต์อาณาจักรอาร์ตัวร์ที่กำลังจะมาถึงได้ด้วยสิ่งนี้

เพราะอย่างงั้น จงใช้เวลาทั้งหนึ่งปีนับจากนี้เพื่อเรียนรู้ซะ ฉันกล้าสัญญาด้วยเทคนิคที่ฉันสอน”

 

“――อาโน๊ ก่อนหน้านั้น ดิฉันขอถามอะไรบางอย่างก่อนจะได้ไหมคะ?”

 

หืม?

 

“มีอะไรที่รู้สึกไม่พอใจหรือไม่เห็นด้วย? อยากให้ฉันสอนเทคนิคเพิ่มอีกสองสามอย่าง? จะเรียนไหวงั้นรึ?”

 

“ไม่ค่ะ เรื่องนั้นดีพอแล้วค่ะ ดิฉันไม่ได้ไม่พอใจ ทว่าคือ……นั่น…………เรื่องนั้น จะไม่เป็นไร รึเปล่า……”

 

……………

 

“อะไรไม่เป็นไร? เรื่องการสอนเทคนิค? ฉันเองก็คิดว่าเร็วเกินไปจริง ๆ เหมือนกัน”

 

“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องเทคนิค คือ จะพูดยังไงดี……”

 

ดูเหมือนเธอพยายามเลือกคำพูดมากทีเดียว ริโนกิสมีใบหน้าจริงจังที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย เธอพยายามจะพูด ก่อนส่ายหัวและหยุด ท่าทางของเธอยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ไว้วางใจ

 

“พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเลือกคำแล้ว จะพูดอะไรก็พูดออกมา เวลาเป็นสิ่งมีค่า”

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โครงการเผยแพร่เมจิกวิชั่นจะก้าวไปสู่ขั้นต่อไป

จากนี้กิจวัตรของฉันจะต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก ฉันจะถูกกดดันด้านเวลามากกว่าที่เคย

 

ฉันไม่สามารถเสียเวลาไปอย่างไร้ค่าได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ พระราชาอยู่ใกล้พอที่เสียงจะส่งไปถึง ฉันต้องการหาเวลาพูดคุยกับเขาและสร้างความสัมพันธ์

 

และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันยังไม่ละทิ้งวันหยุดห้าวันนับจากนี้

 

เป็นวันหยุดตามประเพณีต่อต้านการใช้แรงงาน

เช่นเดียวกับการฝึกที่ต้องการเวลาพักผ่อนร่างกาย วันหยุดก็จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับจิตใจและจิตวิญญาณของฉันที่ต้องการจะได้พักผ่อน

 

แน่นอนว่าฉันจะเล่นสนุก แบบมูมมามเลยล่ะ

 

ตราบใดที่ฉันให้คำแนะนำ เธอก็สามารถฝึกฝนคนเดียวได้

ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนหรือฝึกซ้อมเทคนิค จะสามารถมีสมาธิได้ดีขึ้นเมื่ออยู่ลำพัง

 

ริโนกิสจะฝึกฝน และฉันจะสนุกไปกับเวลาว่าง

ด้วยจุดประสงค์นั้น ฉันจึงอยากจะคุยกับเธอให้เร็ว ๆ

 

“เข้าใจแล้วค่ะ จะพูดให้ชัดเจนโดยไม่เลือกคำพูดแล้วค่ะ”

 

แต่ แต่ว่า

 

“อาโน๊ คุณหนูค่ะ ไม่คิดที่จะปิดบังความจริงที่ว่าเป็นวิญญาณวีรชนอีกแล้วงั้นเหรอคะ?”

 

――ริโนกิสผู้ซึ่งพยายามเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง ได้โพล่งบางสิ่งที่คู่ควรกับการเลือกใช้คำอย่างระมัดระวังของเธอแล้ว

 

“………? วิญญาณวีชนคืออะไร?”

 

ยังไงก็ตาม เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคำนี้ จึงยังไม่เข้าใจในทันที

 

 

 

หลังจากฟังคำพูดของริโนกิส ฉันก็เชื่ออย่างไม่มีข้อกังขา

 

――ถูกแล้ว ฉัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาพถูกวิญญาณวีรชนเข้าสิง

 

สำหรับฉันที่มีสถานะอาศัยอยู่ในร่างกายของเนีย・ลิสตัน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลืนน้ำลายแล้วพูดว่า「เป็นไปตามนั้น」

ฉันเคยคิดว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่ลึกลับมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

 

ชายลึกลับบังคับยัดเยียดฉันเข้าไปในร่างของเด็กที่ตายแล้ว

นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

 

การแทนที่ของวิญญาณ

ปรากฎการณ์ที่คนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในทันที

 

ในยุคปัจจุบันนี้เรียกว่า「วิญญาณวีรชนสิงสู่」

 

“เหตุผลโดยละเอียดไม่ได้รับการอธิบาย แต่ศาสนจักรราชาอันศักดิ์สิทธิ์ได้ประกาศว่า『วิญญาณของเหล่าวีรชนผู้ยิ่งใหญ่จะฟื้นขึ้นมาในคนตาย』และนั่นเป็นที่รู้กันดีจนกลายเป็นสามัญสำนึก

วิญญาณวีรชนสิงสู่เป็นปรากฏการณ์ที่หายากมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริงค่ะ……”

 

เข้าใจล่ะ แสดงว่าต้องมีตัวอย่างมาก่อน

 

“ว่ากันว่าวิญญาณวีรชนจะเข้ามาอาศัยอยู่ในทันทีหลังจากการตายของใครบางคน

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างความเป็นและความตาย ร่างกายของคน ๆ หนึ่งก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้เหมือนปาฎิหาริย์……แน่นอนว่าเหมือนเป็นคนละคน

 

ในเวลาแห่งความตาย เมื่อวิญญาณเจ้าของออกจากร่างกาย ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เหมือนกับช่องว่างนั้น วิญญาณวีรชนจะเข้าสิงร่าง ―― นี่คือสถานะที่ถูกวิญญาณวีรชนเข้าสิง สถานะถูกสิงโดยวิญญาณวีรชนค่ะ”

 

ตอนตาย เจ้าของทิ้งจากร่างเนื้อไป……เหรอ

 

“ในคือตอนอายุสี่ขวบนั้นใช่ไหมคะ?

ตั้งแต่คืนนั้น คุณหนูก็กลับกลายเป็นดีขึ้น

ตอนนี้ดิฉันเข้าใจแล้ว ใช้『คิ』เพื่อรักษาตัวเองใช่หรือไม่คะ?”

 

……อุมุ

 

หากทุกสิ่งที่ริโนกิสพูดเป็นความจริง เนีย・ลิสตันตัวจริงก็ตายไปแล้วจริง ๆ สินะ

ไม่ใช่ว่าฉันหวังอะไรเอาไว้ แต่……ก็น่าเศร้าที่เด็กคนหนึ่งต้องตายจากไป หากเป็นไปได้ฉันก็หวังให้เรื่องต่างออกไป

 

“มีวีรชนหลายคนที่สร้างชื่อให้ตนเองในอดีต แต่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะสูญเสียความทรงจำกัน

สิ่งที่จำได้มักจะเป็น เขาใช้ชีวิตอย่างไร ทำอะไรเพื่อมีชีวิตอยู่ และอะไรทำนองนั้น”

 

งั้นเหรอ เป็นเรื่องปกติที่จะไม่มีความทรงจำสินะ

พูดอีกอย่างคือ เป็นไปไม่ได้ที่จะจำสิ่งที่อยู่ในหัว แต่สามารถจดจำสิ่งที่ตราตรึงอยู่ในจิตวิญญาณได้งั้นสินะ

 

อุมุ ยิ่งฉันได้ยินเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นอย่างงั้นเลยไม่ใช่รึ ฉันน่ะ

 

“……คุณหนูคะ ตรงแบบสมบูรณ์แบบเลยสินะคะ?

เป็นนักสู้ชื่อดังในอดีต หรือนักศิลปะการต่อสู้ อะไรแบบนั้นใช่ไหมคะ?”

 

อืม ครบถ้วนเลย ไม่มีองค์ประกอบไหนที่สามารถปฏิเสธได้

 

ก็แบบนั้นแหละนะ

 

“อุตส่าห์เงียบมาตลอดจนถึงตอนนี้ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างงั้นเหรอ?”

 

ฉันคิดว่าที่ถูกถามทันที

เพราะกวนใจมาตลอดสินะ

 

“……มีบางเรื่องที่ถึงแม้อยากจะตรวจสอบแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำได้จริงไหมคะ?

เพราะนั่นจะหมายความว่า……บุตรีของนายท่านและนายหญิงลิสตัน……”

 

……ใช่แล้ว นั่นสินะ

คนเรามีหลายสิ่งหลายอย่างที่กลัวที่จะรู้ความจริง แม้จะต้องการทำให้แน่ใจก็ตาม

 

“ว่าแต่ คิดว่าทั้งสองคนจะรู้สึกตัวไหม?”

 

“ไม่ทราบเลยค่ะ ดิฉันอยู่กับคุณหนูตลอดเวลาจึงทำให้รู้แม้จะไม่ชอบก็ตาม แต่……ไม่สิ ทั้งสองท่านไม่ได้ตามืดบอด ดิฉันแน่ใจว่าต้องรู้ตัวอยู่แน่นอนค่ะ

ทว่า ทั้งสองท่านคงไม่อยากที่จะพิสูจน์ความจริงอีกแล้ว……

 

เพราะหากความจริงชัดเจนออกมา นั่นหมายถึงการต้องรับรู้เรื่องที่ลูกสาวตายไปแล้ว……”

 

………..

 

เราไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนั้นได้อีกแล้ว ดังนั้นขอพักไว้ก่อน

แปลว่าตอนนี้ฉันเป็นวิญญาณวีรชนสิงสู่แน่แล้ว

 

“ฉันควรซ่อนเรื่องวิญญาณวีรชนสิงสู่ไว้ดีไหม? หรือไม่จำเป็นต้องปิดบัง?”

 

“ดิฉันคิดว่าควรซ่อนไว้ดีกว่าค่ะ วิญญาณวีรชนมักเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ดังนั้นศาสนจักรราชาอันศักดิ์สิทธิ์จะพยายามารับตัวไป เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่ว่าคน ๆ นั้นอาจเป็นอดีตนักบุญค่ะ”

 

ฟุมุ ดังนั้นศาสนจักรราชาอันศักดิ์สิทธิ์สินะ

ในชาติก่อน ก็มีประเทศหนึ่งได้รับผลกระทบจากศาสนาชื่อนั้น

 

“ในอดีตพวกเขาค่อนข้างใช้ก้าวร้าว บ้าอำนาจ และรวบรวมผู้คนด้วยวิธีลักพาตัว หรือค้ามนุษย์

แม้แต่สมาชิกของราชวงศ์ที่มีวิญญาณวีรชนสิงสู่ก็ยังถูกพวกเขาดึงตัวไป……

 

แต่ว่าตอนนี้ ศาสนจักรราชาอันศักดิ์สิทธิ์เองก็สูญเสียอำนาจจนอ่อนแอลงไปแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะยังส่งเสียงเรียกร้องได้ แต่คิดไม่น่าจะใช้กำลังบังคับพาไปไหวแล้วคะ”

 

ม๊า เกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันก็มีความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

 

“ถ้าต้องซัดเปรี๊ยงไป ฉันก็ไม่ได้รังเกียจเป็นพิเศษหรอกน๊า”

 

“นั่นสินะคะ คุณหนูออกจะแข็งแกร่งนิดหน่อยขนาดนั้น”

 

วะฮ่าๆๆๆๆ เสียงหัวเราะฟังดูไร้ชีวิตชีวานิดหน่อย

 

――ฉันไม่ได้แข็งแกร่งนิดหน่อย แต่ฉันแข็งแกร่งมากต่างหาก แต่ดูเหมือนริโนกิสจะไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของฉันเลย

 

ฉันตกใจนิดหน่อยในฐานะอาจารย์

ฉันอยากให้ลูกศิษย์คิดอยู่เสมอว่าอาจารย์เป็นคนที่สุดยอดมาก

 

“แต่ดิฉันก็ไม่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าศาสนจักรราชาอันศักดิ์สิทธิ์จะไม่ทำดึงดัน ทั้งยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีปัญหาอื่น ๆ ตามมา ดังนั้นได้โปรดทำตัวเป็นคุณหนูเนียดังเช่นที่เคยเป็นมาจะดีกว่าค่ะ”

 

ดี เข้าใจแล้ว ฉันจะซ่อนเอาไว้ให้ดี

 

“จ๊า เรามาเริ่มฝึกกันเลยดีไหม”

 

พวกเราคุยนอกเรื่องกันไปพอสมควร แต่ได้เวลากลับไปที่หัวข้อหลักแล้ว

 

เพื่อวันหยุดของฉัน