ไม่เพียงแต่ชักนำคนนับหมื่นมาตาย แต่ยังยอมสังเวยคนของตัวเองอย่างเลือดเย็นอีก….ช่างเลวจนหาคำพูดมาด่าไม่ออกจริงๆ….
หลังจากพวกมันได้สมบัติ คงแกล้งทำเป็นโง่หรือไม่ก็ป้ายสีให้คนอื่น อาทิ เช่น บังเอิญไปเจอรังสัตว์อสูรแรงค์9เลยตายกันหมด เหลือแค่พวกตนที่โชคดีหนีรอดมาได้ อะไรทำนองนี้แน่!
เพราะยังไงซะก็เหลือแค่พวกตนเอง จะพูดอะไรยังไงก็ได้ไม่จำเป็นต้องกลัวเลย เพราะคนที่รู้จริงๆมันตายไปหมดแล้วไงล่ะ!
แค่ทำลายวงเวทย์เคลื่อนย้าย แล้วไปบอกคนอื่นว่า พวกตนไม่มีทางเลือกจริงๆ เพื่อไม่ให้สัตว์อสูรออกมาฆ่าคนข้างนอก จึงยอมทิ้งคนส่วนน้อยเพื่อส่วนมาก!
สุดท้ายแล้ว พวกมันก็จะกลับไปนอนกอดสมบัติอย่างสบายใจ! แม้ว่าจะมีคนสงสัยแต่เพราะไม่มีหลักฐานจึงทำอะไรไม่ได้ คดีนี้ก็จะปิดไป!
ต้องพูดเลยว่าแผนการของพวโรงประมูล มันเลวและเลือดเย็นมาก!!
เมื่อวู่หยานบอกความคิดตนให้ฮินางิคุกับมิโคโตะ พวกต่างก็ยกมือปิดปากด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
บางทีอาจจะเป็นเพราะมันเลวร้ายมากเกินกว่าที่พวกเธอจะเชื่อได้ เพราะยังไงซะพวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน….
มองดูสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของพวกคาร์ลเรียสที่ทำราวกับว่าตนได้กุมชัยชนะเอาไว้แล้ว วู่หยานก็ฉีกยิ้มเยาะเย้ย ในใจคิดว่า
‘เป็นแผนที่ไม่เลวเลยจริงๆ แต่น่าเสียดายวะ พวกแกคงไม่คิดถึงล่ะสิ ว่าจะมีคนรอดที่ชีวิตหลังจากเจอกองทัพแมงมุมกับแมงมุมราชินีอย่างพวกเราน่ะนะ ใช่มั้ย? หึ ฮ่าๆฮ่าๆ!!….’
พูดได้แค่ว่า นี่คือ ลิขิตของสวรรค์!!!
ใช่แล้ว พวกมันจะไปคิดได้ยังไงล่ะว่าพวกวู่หยานจะมีเสื้อคลุมที่ปกปิดตัวตนได้ที่แม้แต่แมงมุมราชินีก็ยังหาไม่เจอ…เอ่อ แค่เกือบๆเจอนะ ไม่เจอจริงไม่นับโว้ย! คงคิดไม่ถึงล่ะสิว่าจะมีคนอยู่ร่วมเล่นเกมโชคเลือดกับพวกเอ็งด้วยน่ะ!
ถูกแล้ว เอาจริงๆพวกคาร์ลเรียสก็ไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้นี้เลย ว่าขณะที่พวกตนกำลังตื่นเต้นดีใจกับสมบัติที่จะได้ ก็ยังมีคนที่…แอบมองดูพวกตนจากเงามืด เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ พวกตนแอบมองคนอื่นตายไปเฉยๆไงล่ะ
ถ้านี่ไม่เรียกว่า ลิขิตสวรรค์ เขาก็ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาอธิบายแล้ว! ลองคิดดูขณะที่พวกตนกำลังจะโดนแมงมุมราชินีพบ อยู่ๆพวกคาร์ลเรียสก็โผล่ออกมา ดึงดูดความสนใจไปหมด แล้วนี่ยังจะไม่ใช่ลิขิตสวรรค์?
ดังนั้น สรุปคือ ตูมีสวรรค์เขาข้างเว้ย! ฮ่าๆ!…..
“หยาน ตอนนี้เราจะเอายังไงกันดี?” โดยไม่สนใจท่าทางของวู่หยาน มิโคโตะเป็นคนแรกที่อดทนไม่ไหว บนหน้าผากมีกระไฟฟ้าแล่นไปมา ขณะที่มองดูสนามรบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่ทว่าในแววตาเธอกลับเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนซึ่งมีชื่อว่าความโกรธ!!
ไม่ต้องคิด เขาก็รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ก็คือ พวกโรงประมูล!!
ตัวมิโคโตะเองก็เป็นคนดีอยู่แล้วบวกกับการที่มีรุ่นน้องเป็น จัสเม้น(Judgement) การที่มีเรื่องแบบนี้มาเกิดต่อหน้าตน แล้วจะไม่ให้พี่สาวเรลกันที่มีหัวใจแห่งจัสเม้นไม่โกรธได้ยังไงล่ะ?
ถึงแม้ว่าจิตใจมิโคโตะจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม นับตั้งแต่ที่วู่หยานอัญเชิญออกมา แต่ยังไงซะเนื้อแท้ของเธอจะไม่มีวันเปลี่ยนไปแน่นอน! ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะออกโลกสวยไปบ้างแต่ในตอนนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ทว่าจิตใจอันดีงามของเธอก็ยังคงอยู่ข้างในนั้นตลอดมา! นี่เป็นอีกหนึ่งจุดของมิโคโตะที่เขาชอบล่ะ!
ส่วนท่านประธานก็ไม่ได้ต่างจากมิโคโตะสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตัวเธออ่อนแอเกินไป ตอนนี้คงเลือดขึ้นหน้าวิ่งเอาไปจ้วงแทงสั่งสอนไอ้พวกเลวสามตัวนั้นแล้ว!
“ยังจำเป็นต้องพูดอีกเหรอ..?” วู่หยานเอามือลูบหลัวหัวตน แล้วค่อยๆฉีกยิ้มกว้างดุจร้อยยิ้มของปีศาจ “ในเมื่ออีกฝ่ายอุตสาลำบากจัดการแสดงอันน่าตื่นตานี้ให้ แล้วถ้าพวกเราไม่สืบสานเจตจำนงของพวกเขา มันก็ออกจะไม่ยุติธรรมต่ออีกฝ่ายใช่ป่ะล่ะ?”
“นายหมายความว่า?…” ฮินางิคุกับมิโคโตะพอเดาได้แล้ว อย่าบอกนะว่าตาบ้านี่จะ……
“ให้พวกมันลิ้มรสชาติที่ทำกับคนอื่นยังไงล่ะ!!”
โดยไม่สนใจว่าสองสาวจะเข้าใจคำพูดเขามั้ย วู่หยานเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มว่า “ให้พวกมันกัดกันเองเหมือนหมาไงล่ะ! คือปล่อยให้พวกมันสามตัวช่วยพวกเราจัดการแมงมุมราชินี แล้วสุดท้ายพวกเราก็จะเป็นเก็บเกี่ยวสมบัติเอง!”
ได้ยินคำพูดเขา ทำเอา ฮินางิคุกับมิโคโตะพูดไม่ออกเลย มองดูวู่หยานที่กำลังยิ้มอย่างชั่วร้าย สองสาวนึกไปถึงคำพูดปอดแหกเมื่อกี้ ‘พวกเราหนีเร็ว!’ ใครจะไปคิดล่ะว่าไม่กี่นาทีต่อมาไอ้คนพูดมันจะมายิ้มหน้าบานแบบนี้……
“แต่หลังจากที่พวกมันจัดการแมงมุมราชินี แล้วจะเอายังไงกับไอ้แรงค์8สามคนนั้นล่ะ?” มิโคโตะขมวดคิ้วพูดขึ้นมา ต้องรู้ก่อนว่าถึงแม้จะไม่เท่าแรงค์9 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแรงค์8เองก็เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมาก!
ทางนี้มีแค่ แรงค์5 แรงค์6 แรงค์7 และก็แรงค์8 ถ้าต้องสู้จริงๆ คำนวณดูแล้วโอกาสชนะมันก็แทบไม่มีหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ใช่มั้ย?
“สบายใจได้!” ความหายที่มิโคโตะต้องการจะสื่อ วู่หยานเข้าใจได้ เพราะเขาก็ไม่ได้โง่ เรื่องแค่นี้เขาคำนวณได้
“ถ้าอีกฝ่ายเป็นแมงมุมราชินี เราอาจจะต้องงัดไพ่ลับออกมาจากระบบ ไม่งั้นก็คงไม่มีโอกาสชนะ แต่ว่านะ……”
เหลือบตาไปมองพวกคาร์ลเรียส วู่หยานยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มว่า “ถ้าเป็นไอ้สามตัวตรงนั้น แค่มีอิคารอส เราก็มีโอกาสชนะแล้ว!!”
“อิคารอส!” ฮินางิคุกับมิโคโตะหันไปมองดูอิคารอสที่ยืนนิ่งเป็นขอนไม้ด้วยสีหน้าสงสัย
“แต่….” ฮินางิคุทำสีหน้าไม่แน่ใจ “ถึงแม้อิคารอสจะเป็นแรงค์8เหมือนกัน แถมยังเลเวลสูงกว่าคนพวกนั้น แต่ยังไงอิคารอสก็มีคนเดียวนะ ถ้าต้องเจอกับแรงค์8ตั้งสามคน มันจะ…..”
“นั้นเป็นเพราะเธอยังไม่เข้าใจอิคารอสไงล่ะ!”
วู่หยานพูดประโยคนี้ด้วยสีหน้ามั่นใจสุดๆ ก่อนจะเอามือไปวางบนหัวอิคารอส แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อิคารอสคือราชินีแห่งสงคราม!”
“ราชินีแห่งสงคราม?” ได้ยินคำพูดวู่หยาน ฮินางิคุกับมิโคโตะก็ทำสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วหันไปมองอิคารอสที่ตอนนี้กำลังโดยลูบหัวอย่างอ่อนโยน พวกเธอก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย และในแววตาสองสาวก็ยังมีความอิจฉาเจือปนอยู่ด้วย
“ตัวอย่างก็เช่น มิโคโตะ!” วู่หยานหันไปมองมิโคโตะ ทำให้เธอสะดุ้ง
“ถ้าเธอกับอิคารอสแรงค์เท่ากัน โดยไม่สนใจพวกอาวูธหรือปัจจัยอื่นๆ เอาแค่เรื่องพลังอย่างเดียว เธอที่มีพลังพิเศษคงจะชนะอิคารอสได้ แต่ถ้าเธอรวมมือกันกับคนอื่นสู้กับอิคารอส คราวนี้ก็พูดยากล่ะว่าฝ่ายไหนจะชนะ…..”
ถึงตรงนี้ ยิ่งทำให้ ฮินางิคุกับมิโคโตะงุนงงหนักกว่าเดิม วู่หยานจึงอธิบายต่อว่า “พูดง่ายๆก็คือ ถ้าสู้กันตัวต่อตัวในแรงค์เดียวกัน อิคารอนจะสามารถแสดงศักยภาพได้100% แต่ถ้าสู้เป็นกลุ่มหรือมากกว่านั้น อิคารอสจะแสดงศักยภาพได้มากถึง200%!”
ณ ตอนนี้เอง มิโคโตะก็เปลี่ยนสีหน้า แต่ฮินางิคุยังคงสงสัย เธอเอามือลูบแก้มตัวเอง แล้วพูดว่ “ตามที่นายบอกมา แสดงว่าอิคารอสจะเก่งขึ้นเมื่อสู้กันเป็นกลุ่มใช่มั้ย?”
“แม่นแล้ว!” วู่หยานพูดเสริมว่า “เดิมทีอิคารอสก็เป็นแองเจิ้ลรอยด์ที่ถูกพัฒนามาเพื่อทำสงคราม ระบบทั้งหมดของเธอถูกตั้งมาการสู้กับคนหมู่มาก ดังนั้นถ้าเป็นการต่อสู้แบบหลายคน อิคารอสก็จะเก่งขึ้น!!”
รอบนี้ สองสาวต่างก็พยักหน้าเข้าใจ แต่ทว่าต่อมาฮินางิคุก็ขมวดคิ้ว “แต่ถึงอิคารอสจะเก่งขึ้นกับการสู้แบบหลายคน แต่ถ้าต้องเจอกับคนแรงค์เดียวกัน สักสองคนก็คงเป็นขีดจำกัดของเธอแล้วมั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามคนเลย!”
“อะแฮ่ม ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้ฉันก็พูดไปแล้ว? นี้ก็แค่คำนวณด้านพลังเพียวๆ! จุดที่สำคัญที่สุดของอิคารอสก็คืออุปกรณ์ เธอมียุทธภัณฑ์ดินสองชิ้น กับยุทธภัณฑ์ดินที่มีพลังแทบไม่ต่างจากยุทธภัณฑ์ฟ้า และสุดท้าย ยุทธภัณฑ์ฟ้า! แล้วเธอคิดว่าอิคารอสที่ของครบแบบนี้จะแพ้?”
เมื่อได้ยินคำพูดเขา สองสาวก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ใช่แล้วยังมียุทธภัณฑ์อยู่!!
มองดูสีห้าพวกเธอ วู่หยานยิ้ม “ยุทธภัณฑ์ฟ้า คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแรงค์9ถึงจะมีโอกาสใช้ ฉันไม่เชื่อว่าไอ้สามตัวตรงนั้นที่เป็นแค่แรงค์8 จะมี ยุทธภัณฑ์ฟ้า !”
“ดังนั้น อิคารอสที่ก็จะเก่งขึ้นเมื่อสู้กับคนหลายคน บวกกับยุทธภัณฑ์ฟ้า และ ยุทธภัณฑ์ดินระดับสูงสุดที่มี ฉันจึงเชื่อว่าอิคารอสย่อมมีโอกาศชนะแน่ถึงแม้จะหนึ่งต่อสามก็ตาม!”
คำพูดวู่หยาน ทำให้สองสาวก้มหัวลงใช้ความคิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาพูด ส่วนวู่หยานก็กำลังยิ้มกว้าง นึกถึงฉากที่อิคารอสสู้กับแรงค์8สามคน เขาก็เลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น
“ดังนั้น ตอนนี้เราจึงต้องนั่งรอ รอให้พวกมันฆ่ากันเสร็จก่อน ถึงจะเป็นเวลาที่พวกเราออกโรง…..”