“เด็กดี ข้าไม่แตะต้องเจ้า หมอบอกว่าจากนี้อีกสองสามวันอาจจะมีเจ็บท้องเป็นระยะ ท้องแฝดน่าจะคลอดก่อนกำหนด”
หลินซือเย่ากลืนกินริมฝีปากนางเล็กน้อยก่อนจะสะกดกลั้นความต้องการเบื้องล่างเอาไว้ รั้งนางมาแนบอก บอกให้นางหลับให้สบาย ในใจเอาแต่คอยเตือนตนเองซ้ำไปซ้ำมาว่า ท้องแฝดไม่เพียงแต่อาจคลอดก่อนกำหนด ยังอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่ายด้วย ความหมายก็คือหญิงตั้งครรภ์ท้องแฝดนั้นอันตราย
เหตุไม่คาดฝัน? ไม่ เขาไม่ยอมให้นางเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเขาจะพยายามเร่งทำงานอย่างเต็มที่ หวังว่าก่อนนางจะคลอด งานสร้างบ้านทุกอย่างจะเสร็จสิ้นลงอย่างราบรื่น เพราะว่าในบ้านนั้นมีห้องที่สร้างไว้เพื่อเป็นห้องคลอดของนางโดยเฉพาะ ในนั้นเก็บของที่จำเป็นสำหรับการคลอดไว้ทั้งหมด
สำหรับหมอตำแย หญิงช่วยทำคลอด แม่นม สาวใช้ทำงานจิปาถะพวกนี้ เหลียงหมัวมัวได้จัดการไว้พร้อมนานแล้ว
……
พอย่างเข้าสู่เดือนสิบ ปลายฤดูใบไม้ร่วงก็สิ้นสุดลง การเก็บเกี่ยวอันแสนอุดมสมบูรณ์ของฤดูใบไม้ร่วงเมืองในฝานฮัวก็ปิดฉากลง
ที่นาที่เดิมสีเหลืองทองอร่าม หลังผ่านการเก็บเกี่ยวมาเกือบเดือน ตอนนี้พวกตอซังข้าวยังเก็บกวาดไม่เรียบร้อยดี…
แม้บ้านใหม่ยังไม่เสร็จดี แต่ห้องใต้ดินสร้างได้พอควรแล้ว ใช้งานได้แล้ว ดังนั้นพวกธัญญาหารที่เก็บเกี่ยวได้ในฤดูใบไม้ร่วงที่เหลือจากการสีและโม่เป็นแป้งก็เอามาเก็บในกระบุงใหญ่วางไว้ในห้องใต้ดินอย่างเป็นระเบียบ
ชุนหลันประคองซูสุ่ยเลี่ยนเดินสำรวจอย่างสบายใจรอบหนึ่ง มองดูห้องใต้ดินใหญ่ที่เป็นของบ้านตน มุมปากก็อดยกยิ้มไม่ได้
“ชุนหลัน เห็นธัญญาหารมากมายเช่นนี้ ในใจควรรู้จักเพียงพอไม่ใช่หรือ” ที่สำคัญไปกว่านี้ก็คือของพวกนี้ล้วนเป็นฝีมือของอาเย่าเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว
“อืม ชุนหลันตอนเด็กก็เคยลงทำนา เพียงแต่ตอนอายุเก้าขวบที่นาที่บ้านถูกน้ำท่วมใหญ่ ชาวบ้านล้มตายกันไปมาก ตั้งแต่นั้นมาชุนหลันก็ไม่เคยเห็นยุ้งฉางที่มีกระบุงใหญ่ๆ เช่นนี้อีก” ชุนหลันนึกถึงภาพในตอนเด็กก็อดขอบตารื้นขึ้นมาไม่ได้
“ชุนหลัน ตอนนี้พ่อแม่เจ้าอยู่ที่ไหน” ซูสุ่ยเลี่ยนจำได้ว่าต้นเดือนก่อนนางเสียอาการร้องไห้โฮใหญ่ต่อหน้าตนเพราะคิดถึงบิดามารดา
“พวกเขาอยู่เมืองหลางโจว เช่าที่นาจากเจ้าของที่นาในพื้นที่สองหมู่ทำนาเลี้ยงชีพ บ่าวยังมีน้องชาย ปีนี้อายุยี่สิบเอ็ดแล้ว” ชุนหลันประคองซูสุ่ยเลี่ยนออกจากห้องใต้ดิน สวมเสื้อคลุมตัวหนาให้นางพลางรัดแน่น อากาศปลายฤดูใบไม้ร่วงชื้นแฉะ เริ่มรู้สึกถึงความหนาวแล้ว
“ไม่อยากกลับไปเยี่ยมพวกเขาทุกปีหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนจำได้ว่านางสะอื้นไห้กล่าวว่าห้าปีไม่ได้เจอหน้าครอบครัวแล้ว
“คุณหนู ตอนนั้นชุนหลันกล่าววาจาเหลวไหล ขอคุณหนูอย่าได้ใส่ใจ” ชุนหลันกล่าวอย่างละอายว่า “จวนอ๋องซื้อขาดชุนหลันมาแล้ว พระชายาเฒ่าก็ทรงเมตตาบ่าวรับใช้ ยังให้พวกเรามีเงินเดือนสามร้อยเหรียญทองแดงทุกเดือน หากเป็นตระกูลใหญ่อื่น ในเมื่อซื้อขาดบ่าวรับใช้มาแล้ว ไหนเลยยังต้องให้เงินเดือนอีก” ชุนหลันยิ้มอธิบายละเอียด ได้ยินเซี่ยหมัวมัวบอกว่าคุณหนูออกจากจวนมาได้รับความกระทบกระเทือน จนความจำเสื่อม คิดว่าคงลืมไปแล้วว่าพวกนางคือสาวใช้ชุดใหม่ที่จวนอ๋องจิ้งซื้อมาพร้อมกันหลายคน ไม่ใช่คนงานทำงานกินเงินเดือน
ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าเข้าใจ เมื่อก่อนตระกูลซูเองก็มีซื้อบ่าวที่ขายตัวทั้งชีวิตเช่นกัน เงินก้อนหนึ่งซื้อชีวิตคนทั้งชีวิตเป็นทาส นี่คือหนทางสุดท้ายของพวกคนยากจนที่จะเลือกทำ แม้นางเห็นพวกเขาน่าสงสาร แต่กลับไม่เคยคิดต่อ ตอนนี้วาจาชุนหลันทำให้นางรู้สึกละอายใจขึ้นมาอีกครั้ง
ใช่แล้ว ละอายใจ นางละอายใจที่ตนเองได้มาเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดี เมื่อก่อนก็เป็นคุณหนูในตระกูลดี ตอนนี้ก็เป็นบุตรสาวจวนอ๋อง ไม่จำเป็นต้องลำบากในการคิดหาทางเลี้ยงชีพ ไม่จำเป็นต้องคิดเผื่อผู้อื่น ที่นางต้องทำก็มีเพียงแค่หาสามีดีๆ ดำรงศักดิ์ศรีแห่งวงศ์ตระกูล เพียงแค่นี้เท่านั้น
ตอนนี้อยู่บนแผ่นดินต้าหุ้ยที่ต่างกับเมืองซูโจวยุคสาธารณรัฐสิ้นเชิง นางได้เจอสามีที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนางไปตลอดชีวิตได้แล้ว…หลินซือเย่า
ควรรู้สึกถึงความโชคดีไม่ใช่หรือ หากคนของจวนอ๋องหานางเจอก่อน หรือนางไม่ได้เปลี่ยนจากข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เป็นสะใภ้ตระกูลหลินไปแล้ว ตอนนี้ยังตั้งครรภ์ท้องโต บางทีนางอาจจะถูกรถม้าจวนอ๋องพากลับไปเมืองหลวงแล้ว ชีวิตนางตอนนี้คงได้แต่มอบให้เป็นกำไรบิดามารดาภพนี้แทนแล้ว คงได้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ให้กับจวนอ๋องแทนแล้ว
“คุณหนู?” ชุนหลันเห็นซูสุ่ยเลี่ยนนิ่งเหม่อเป็นนาน ยังคิดว่านางไม่สบายตรงไหน รีบเอามืออังหน้าผากซูสุ่ยเลี่ยน พร้อมกับไม่ลืมบ่นว่า “บอกท่านแล้วว่าวันนี้อากาศหนาว ออกมานานไปจะทำให้ร่างกายหนาวเย็นได้ คุณหนู ท่านเป็นอะไรไหม อย่าได้หลอกลวงบ่าวเด็ดขาด หากเกิดอะไรขึ้น ท่านเขยเอาบ่าวตายแน่ๆ” คนฉลาดย่อมมองออก ท่านเขยพวกเขาที่เย็นชาเยียบเย็นยิ่งกว่าท่านอ๋อง แต่พอเจอคุณหนูก็จะอ่อนโยน
“ไม่เป็นไร พวกเรากลับบ้านกัน สายแล้ว วันนี้ตอนเที่ยงกินอะไร” ซูสุ่ยเลี่ยนสงบจิตใจลง กระชับเสื้อคลุม ให้ชุนหลันประคองค่อยๆ เดินกลับไปทางบ้านเก่า
“พี่สาวคนสวย”
ซือถูอวิ๋นสีหน้าร้อนใจทะยานมาอย่างรวดเร็ว แม้จะหยุดแล้วก็ยังเลยหน้าซูสุ่ยเลี่ยนไปเล็กน้อย
“อวิ๋นเอ๋อร์? เป็นอะไรไปหรือ” เห็นซือถูอวิ๋นแต่ไรมาก็มีท่าทางแสนเกียจคร้าน ตอนนี้กลับขมวดคิ้วไม่พอใจ ซูสุ่ยเลี่ยนอดตกใจสะดุ้งไม่ได้ “อวิ๋นเอ๋อร์…” คงไม่ใช่เกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ
“โชคดี…ท่านไม่อยู่บ้าน” ซือถูอวิ๋นมองดูสีหน้าซูสุ่ยเลี่ยนไม่เลวก็แอบเบาใจลง
“อาจารย์ลุงออกไปแล้ว ให้ข้าเฝ้าท่านไว้” เขาอธิบายง่ายๆ
“อาเย่า? เขาไปไหน” ซูสุ่ยเลี่ยนกระชับชุดตัวนอกแน่น ขมวดคิ้วถาม ไม่บอกนางสักคำก็ออกจากบ้านไป ไม่ใช่การกระทำปกติของหลินซือเย่า
“อวิ๋นเอ๋อร์ เขาเกิดเรื่องแล้วใช่ไหม ไม่อย่างนั้น เมื่อครู่สีหน้าเจ้าคงไม่ย่ำแย่เช่นนั้น”
“เปล่า พวกอาจารย์มากันแล้ว เพิ่งจะออกไปจัดการธุระกับอาจารย์ลุง สั่งให้ข้ามาเฝ้าที่นี่” ซือถูอวิ๋นเป็นกังวลว่านางรู้แล้วจะกระทบกระเทือนครรภ์นาง พยายามใช้น้ำเสียงนิ่งที่สุดกล่าวกับนาง
“จริงหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเขาอย่างสงสัย นางไม่เชื่อเด็ดขาด
ด้วยนิสัยอาเย่า แต่ไรมาหากจะออกไปข้างนอกจะต้องบอกนาง แม้เพียงแค่ไปทำนาครู่หนึ่งก็ต้องบอกนางให้รู้ว่าเขาจะไปไหน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหากเขาจะขึ้นเขาหรือเข้าเมือง
“จริงสิ ข้าสาบาน” ซือถูอวิ๋นเห็นนางไม่เชื่อ ก็ยกนิ้วสาบาน
อาจารย์ลุงกับอาจารย์ออกไปทำธุระไม่ผิด ประเด็นอยู่ที่ ก่อนหน้านี้ที่บ้านเกิดเรื่อง ก่อนหน้านี้ หากพี่สาวคนสวยอยู่บ้าน บางทีอาจถูกเฟิงชิงหยาจับตัวไปข่มขู่พวกอาจารย์ลุงแล้ว ตอนนี้นางไม่เป็นไร อาจารย์ลุงก็วางใจแล้ว สำหรับเฟิงชิงหยา ครั้งนี้ถูกพวกอาจารย์บีบจนมุมแล้ว คิดว่าก่อนตายคงได้ดิ้นรนอีกสักหน่อย แต่ก็คงไม่นานนัก
คิดถึงว่าหอเฟิงเหยายืนหยัดอยู่ในยุทธภพมาหลายสิบปี ตอนนี้ถูกภัยภายนอกและภายในคุกคาม ไม่อาจไม่โทษว่าเพราะเฟิงชิงหยาเป็นลูกพี่ที่ไม่ดี
มีอย่างที่ไหนประมุขหอนักฆ่า ไม่เพียงไม่เชื่อใจลูกน้อง ยังพยายามคิดสังหารให้สิ้นซาก? มีที่ไหนสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก ร่วมมือกันกำจัดลูกน้องตนเอง?
หอเฟิงเหยามาถึงวันนี้ล้วนกรรมตามสนอง อดีตประมุขที่รับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าไว้มากมายไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ ผู้ใดให้เขามีลูกที่ไร้คุณธรรมไร้สามารถเช่นนี้? ผู้ใดให้เขาก่อนตายไม่รู้จักหาหัวหน้าใหญ่ที่จะรับภาระยิ่งใหญ่นี้ได้?
เฮ้อ…สายไปแล้ว โชคดีที่อาจารย์ลุงซือหลิงหนีรอดไปได้ โชคดีที่อาจารย์กับอาจารย์ลุงและอาจารย์อาเขามองเห็นโฉมหน้าแท้จริงเฟิงชิงหยา เพียงแต่หอเฟิงเหยาล้างเลือดใหม่ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะกินเวลานานเท่าไร หรือว่ารอจนพี่สาวคนสวยคลอด ก็ยังวุ่นวายกันไม่จบ?
……
“คุณหนู ก่อนไปท่านเขยสั่งบ่าวว่าต้องดูแลคุณหนูให้ดี หากท่านเขยกลับมา คุณหนูผอมลงไปไม่เหมือนเดิม บ่าวก็มีแต่ตายสถานเดียวแล้ว” เหลียงหมัวมัวบ่นใส่ซูสุ่ยเลี่ยนที่เอาแต่นั่งเหม่อพิงเสาระเบียงทางเดินมองออกไปไกลไร้จุดหมาย
พวกนางย้ายมาอยู่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่สี่หมู่แล้ว บ้านเดิมถูกประมุขหอเฟิงเหยาถล่มเละไปแล้ว ในห้องเละเทะไปหมด เหลือแค่เครื่องเรือนจากไม้ไม่กี่ชิ้นที่ถูกพวกองครักษ์เซียวย้ายมาไว้ที่นี่หมดแล้ว
โชคดีที่เมื่อวานซูสุ่ยเลี่ยนเกิดนึกอยากพาชุนหลันไปดูห้องใต้เดินที่เพิ่งเก็บผลผลิตฤดูใบไม้ร่วงเข้าไป จึงพ้นภัยมาได้ ภัยที่เกิดจากเฟิงชิงหยาร้อนใจจนทนไม่ไหวต้องบุกมาถล่ม
พอหลินซือเย่าได้รับสารจากเสียงหอนของเสี่ยวฉุนก็รีบเร่งทะยานกลับบ้าน ภาพเละเทะตรงหน้าทำเอาเขาตกใจแทบคลั่ง
โชคดีที่ที่เจอเหลียงหมัวมัวตกใจแอบอยู่ใต้โต๊ะในห้องครัวจนเอาตัวรอดมาได้ จึงรู้ว่าซูสุ่ยเลี่ยนไปไหน รีบเตือนท่านเขยว่าคุณหนูไม่ได้อยู่ในบ้าน ไฟโทสะในใจเขาจึงสงบลงได้ แต่ไม่คิดจะปล่อยพวกบ้าคลั่งที่มาถล่มพวกนี้ไป
เหลียงหมัวมัวได้ยินว่าตอนนั้นท่านเขยพูดเพียงว่า “บุญคุณอดีตประมุขได้ชดใช้ไปด้วยชีวิตแล้ว จากนี้ไปข้ากับหอเฟิงเหยาไม่อาจอยู่ร่วมโลก”
กล่าวจบก็มีลมพัดหอบจนเบื้องหน้าขมุกขมัว พอลืมตาขึ้นพวกที่เข้ามาก่อเรื่องก็หายตัวไปหมด จากนั้นชายถือกระบี่ยาวหน้าตาเย็นเยียบสามคนพร้อมกลิ่นอายสังหารก็หายตัวไปเช่นกัน แม้แต่ท่านเขยก็ไม่เห็นแล้ว…
“เอ่อ คุณหนู ขออภัยบ่าวที่ล่วงเกิน ท่านเขย…เป็นใครกัน วิทยายุทธลึกล้ำเช่นนั้น ใช่ยอดฝีมือในยุทธภพที่ลือกันในตำนานไหม” เหลียงหมัวมัวลอบถอนหายใจเบาๆ
หวนคิดถึงลมหอบวูบนั้นที่พัดมาอย่างรุนแรงจนได้ยินเสียง พัดเอาพวกองครักษ์ที่ลานด้านนอกกระเด็นปลิวไปรอบทิศ หากไม่ใช่ว่าเหลียงหมัวมัวอยู่ตรงนั้นเห็นด้วยตาตนเองชัดเจนแล้วล่ะก็ ให้ตายนางก็ไม่มีทางเชื่อว่าโลกนี้มีพลังที่เพียงพอจะทลายภูเขา กระแทกผืนน้ำอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้ด้วย
“หมัวมัว…เขาเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเขาคือสามีข้า เป็นพ่อของลูกในท้องข้าก็พอแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนกล่าวขึ้นเบาๆ ทว่าหนักแน่น ขัดคำพูดเหลียงหมัวมัวที่กำลังตกในภวังค์ความคิด
“คุณหนูกล่าวได้ถูกต้อง ท่านเขยดูแล้วน่ากลัว แต่บ่าวรู้ว่าจิตใจดีมาก ไม่เพียงจัดหาที่พักให้พวกเราหลบฝนหลบแดด ยังส่งคนมาบอกพวกเรา กลัวพวกเราไม่ทันเตรียมพร้อม อีกเรื่อง เจ้าสี่ว่างานที่นี่ล้วนท่านเขยทำคนเดียว พวกเขาหลายคนแม้ว่าเป็นคนงานชาย แต่กำลังสู้ท่านเขยไม่ได้ แค่ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เจ้าสี่ถูกงูกัด ท่านเขยยังแบกกลับมาพักที่บ้าน…” เหลียงหมัวมัวยิ้มอธิบายข้อดีของหลินซือเย่าแต่ละอย่าง แม้แต่สถานภาพอันตรายที่อาจเป็นไปได้ของเขา นางก็ลืมไปหมดสิ้น
ซูสุ่ยเลี่ยนไม่ได้ขัดเสียงพร่ำบ่นของนาง ตอนไม่มีเขา ได้ฟังคนเล่าถึงความดีเขา ชมว่าเขามีน้ำใจ สำหรับนางแล้วก็คือความสุข นางค่อยๆ ลูบท้อง ในใจอธิษฐานหวังให้เขาไม่เป็นอะไร กลับมาอย่างปลอดภัย…