ตอนที่ 64 ท่านลุงห้า

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 64 ท่านลุงห้า?

พี่รองชะงัก คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างกายของเขาก็ชะงักฝีเท้าเช่นกัน ต่างจ้องมองไปยังคนที่กล้าเรียกชื่อของพี่รองพวกเขาตรง ๆ คนนั้นด้วยความตกตะลึง ผ่านไปเนิ่นนานสติก็ยังไม่กลับคืนมา

เย่หลานผิงมองเย่ซิวตู๋อย่างละเอียด ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถึงกับสูดลมเย็นเข้าลึก ๆ รีบวิ่งมาตรงหน้าเขาสองสามก้าว กระซิบเสียงเบา “ท่าน…ท่านลุงห้า?”

“ข้านึกว่าอายุของเจ้ามากแล้วทำให้ความจำย่ำแย่ลงเสียอีก” เย่ซิวตู๋ก้มมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า การพูดจาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น

  

มิใช่เพราะความจำของเขาแย่ อันที่จริงสี่ปีมานี้เขาไม่ได้เห็นหน้าเย่ซิวตู๋เลย จำไม่ได้ไปชั่วขณะหนึ่งย่อมเป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่างท่านลุงห้าก็สวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านและพิถีพิถันมาโดยตลอด ไหนเลยจะเหมือนกับวันนี้ที่แต่งตัวธรรมดาเหมือนกับสามัญชนทั่วไป

เย่หลานผิงรีบก้มหน้าลง กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาจนมิอาจที่จะเบามากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว “ท่านลุงห้า ท่าน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ท่านกลับมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อใดขอรับ?”

“ตอนนี้เจ้ากำลังถามข้าหรือ?”

เย่หลานผิงรีบสูดหายใจ ส่ายหน้าด้วยความรีบร้อน “หลานมิกล้า”

ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวเย่ซิวตู๋มาก หลังจากจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นใคร แม้แต่หน้าก็ยังไม่กล้าเงยขึ้นมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสบตาเขา

ท่าทางเช่นนี้ แตกต่างจากตอนที่สั่งให้คนไล่เย่ซิวตู๋ออกไปด้วยท่าทางหยิ่งผยองราวฟ้ากับเหว

หนานหนานตกใจจนกรามแทบหลุดอยู่รอมร่อ

ท่านลุงห้า? ท่านลุงเย่เป็นท่านลุงห้าของคนที่ดูหยิ่งผยองคนนี้หรือ? ท่านลุงเย่…สุดยอดมากเลย

ไม่เพียงแค่หนานหนาน คนอื่นภายในโรงเตี๊ยมก็พากันตกตะลึง หยวนสือยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไหวติง ท่านลุงห้า? คนคนนั้นคือท่านลุงห้าของเย่หลานผิง นั่นมิเท่ากับว่า…

เขารีบวิ่งเข้ามา ทำท่าจะคุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิวตู๋ ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายแค่นเสียงเย็นหยุดการเคลื่อนไหวของเขา ถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “คุณชายหยวน ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในโรงเตี๊ยมและกินของในโรงเตี๊ยมได้หรือไม่? หรือว่า เจ้าจะสั่งให้คนไล่ข้าออกไป ”

“ข้าน้อย ข้าน้อย มิกล้า ข้าน้อยมิกล้าขอรับ” หยวนสือถึงกับร่างสั่นเทิ้มอย่างหนัก เหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผากของเขา ทั้งยังไหลเข้าไปในตา ทว่าเขากลับไม่กล้าแม้แต่จะเช็ด

 

เสี่ยวเอ้อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดลอยออกไป คุณชายหยวนแทนตัวเองว่าข้าน้อยต่อหน้าเขา เช่นนั้นเขา เช่นนั้นเขาแม้แต่มดก็ยังเป็นไม่ได้เลยมิใช่หรือ?

เหตุใดคนผู้นี้ ถึงได้มีความเป็นมาใหญ่โตถึงเพียงนี้?

เสี่ยวเอ้อคนนั้นถึงกับเข่าอ่อนคุกเข่าลงบนพื้น ตกใจเสียจนใบหน้าขาวซีดริมฝีปากม่วงคล้ำ แม้แต่หายใจก็ยังมิกล้า

ดวงตาของหนานหนานเป็นประกายเจิดจรัส กระตุกเสื้อของเย่ซิวตู๋ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ท่านลุงเย่ ข้าอยากกินปลา”

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของเด็กน้อยที่นุ่มนวล เย่หลานผิงจึงนึกถึงอ้อมแขนของท่านลุงห้า ดูเหมือนว่าจะอุ้ม…เด็กไว้ด้วย

เด็ก? ท่านลุงห้าไม่เข้าใกล้ใครและเย็นชากับทุกคนมาโดยตลอด เขาอุ้มเด็กตั้งแต่เมื่อใดกัน?

หรือว่า นี่จะเป็นบุตรของท่านลุงห้า?

ไม่จริง เด็กคนนี้เพิ่งจะเรียกเขาว่าท่านลุงเย่…

เย่หลานผิงเกิดความสงสัยขึ้นเต็มใบหน้า ไม่ว่าจะคิดอยากไรก็ไม่เข้าใจ ภาพจำที่อยู่ในหัวของเขาเกี่ยวกับบุรุษคนนี้เมื่อสี่ปีก่อนคือไม่เคยเปิดเผยความอ่อนโยนกับใครแม้แต่น้อย ทว่าในตอนนี้กลับอุ้มเด็กคนหนึ่งมากินข้าว เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

ระหว่างที่เย่หลานผิงยังคิดไม่ตก เหนือศีรษะก็มีเสียงที่น่ากลัวที่เขาคุ้นเคยดังขึ้น “นำทาง”

“หา ขอรับ” เย่หลานผิงรีบแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบ ดึงหยวนสือพัลวันแล้วบอกให้เขาเดินนำทางอยู่ด้านหน้า

เสี่ยวเอ้อเห็นว่าเขาไม่คิดบัญชี จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก และล้มตัวลงบนพื้น

ใครจะไปคิดว่าเย่ซิวตู๋เพิ่งก้าวเท้าเดินได้สองก้าว จู่ ๆ หนานหนานที่อยู่ในอ้อมกอดก็ตะโกนขึ้นว่า “ท่านลุงเย่ เมื่อครู่เสี่ยวเอ้อนั่นทำท่าจะทุบตีข้า เขาไม่ได้มีความเห็นใจแม้แต่น้อย ข้ายังเด็กขนาดนี้ หากเนื้อที่ละเอียดและอ่อนนุ่มถูกทุบตีจนผิวหนังแตกจะทำอย่างไร? จะทำอย่างไรกับความงามดุจจันทราเช่นนี้ของข้า? น่ารังเกียจเกินไปแล้ว”

“อืม” เย่ซิวตู๋แสดงออกว่าเห็นด้วย และหันมองไปยังเย่หลานผิงอย่างเย็นชา

อีกฝ่ายเกิดความตกประหม่าทันที หันไปส่งสายตาให้คนข้าง ๆ คุณชายน้อยผู้นั้นรีบถอยหลังไปสองก้าว สั่งให้ลูกสมุนลากเสี่ยวเอ้อออกไปนอกร้านแล้ว

ส่วนหลังจากนี้จะจัดการอย่างไร ย่อมมีเย่หลานผิงเป็นผู้ตัดสินใจ

ทว่าภายในใจของทุกคนต่างก็ทราบดี เสี่ยวเอ้อผู้มีตาแต่ไร้แววคนนี้ คาดว่าคงไม่ได้สบายเท่าไรนัก

 

หนานหนานมีความสุขมาก เชิดคางด้วยท่าทางโอ้อวด “ความรู้สึกจากการใช้อำนาจข่มเหงคนอื่น มันสะใจจริง ๆ ด้วย”

ระหว่างที่พูด หยวนสือได้เดินนำพวกเขาเข้ามาด้านในห้องพิเศษชั้นสอง

คุณชายน้อยแซ่ว่านสั่งอาหารไว้นานแล้ว และกำลังสั่งให้คนยกอาหารมาตั้งโต๊ะ เมื่อเห็นหยวนสือ ก็ลุกขึ้นยืนทักทายโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ใครจะไปคิดว่าตอนที่เงยหน้าขึ้น จะเห็นผู้ใหญ่และเด็กที่เพิ่งเจอตอนอยู่หน้าประตูร้าน คิ้วของเขาพลันขมวดมุ่น เดิมทีคิดจะกล่าวตำหนิ ทว่าแขนเสื้อกลับถูกหยวนสือกระตุกเบา ๆ และส่ายหน้าให้เขา

คุณชายน้อยว่านเงียบลงโดยพลัน มองไปยังเย่หลานผิงและกระซิบถาม “พี่รอง”

เย่ผิงหลานไม่มีอารมณ์จะมากินอาหารนานแล้ว สีหน้ายิ่งดูไม่ดีเข้าไปใหญ่ เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินไปดึงเก้าอี้มาให้เย่ซิวตู๋ด้วยตนเอง เพื่อให้เขานั่งลง

บนโต๊ะมีอาหารละลานตา เป็นอาหารที่อร่อยและมีชื่อเสียงที่สุดในหอหลินสุ่ย หนานหนานเช็ดน้ำลาย คีบเนื้อปลาที่อยู่ในจานมาหนึ่งชิ้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ส่งเสียง ‘แจ๊บ ๆ’ เตรียมตัวจะเริ่มกิน

  

เย่ซิวตู๋รีบดึงมือเขาออก ขมวดคิ้วกล่าว “ปลาตัวนี้มีประดูกอยู่ด้านใน เจ้าจะรีบร้อนขนาดนี้ไปทำไม? ลืมเรื่องที่ก้างปลาติดคอคราวก่อนไปแล้วหรือ?”

หนานหนานชะงัก ครั้นนึกถึงฉากที่ตนเองกินปลาไปครึ่งตัวระหว่างทางแต่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แม้ว่าจะผ่านพ้นไปแล้วแต่ก็มีอาการหวาดผวาอยู่

จากนั้นจึงผลักจานไปให้เย่ซิวตู๋ด้วยรอยยิ้ม กล่าวอย่างมีเหตุมีผล “ท่านลุงเอาก้างออกให้ข้าหน่อย”

เย่ซิวตู๋ไม่ได้ถอยห่าง เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบก้างปลาบาง ๆ ออกมาทั้งหมดจริง ๆ

เย่หลานผิงเบิกตาโต จ้องมองท่าทางช่ำชองของท่านลุงห้าของตนเอง ตกตะลึงเสียจนกรามแทบหลุด

นี่คือท่านลุงห้าของเขาหรือ? ท่านลุงห้าช่วยคนอื่นทำเรื่องที่มีแค่บริวารจะทำเช่นนี้จริง ๆ จะเป็น…จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?

เย่ซิวตู๋วางตัวอยู่สูงมาโดยตลอด และเป็นคนรักสันโดษเสมอมา เขาปรนนิบัติกับคนอื่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

เย่หลานผิงรู้สึกสงสัยมากว่าคนที่อยู่ตรงหน้าถูกคนอื่นสวมรอย แต่ แต่พลังบนตัวของท่านลุงห้าเกรงว่าจะมีอยู่อย่างแท้จริง เหมือนกับเมื่อสี่ปีก่อน ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

คนที่อยู่ภายในห้องหันสบตากัน แม้พวกเขาจะไม่รู้จักเย่ซิวตู๋ แต่ได้ยินการเรียกของเย่หลานผิง ก็ย่อมทราบดีถึงสถานะของอีกฝ่าย ตอนนี้ท่าทางเช่นนี้กลับไม่ได้เหมือนอย่างที่ข่าวลือพูดกัน พวกเขาก็ถึงกับสติหลุดลอยอยู่นาน

 

หนานหนานเพลิดเพลินกับอาหารมื้อแรกที่มาถึงเมืองหลวง เมื่อเห็นว่าบนโต๊ะเป็นของกินทั้งหมด ย่อมไม่ปล่อยไว้แม้แต่นิดเดียว

โดยเฉพาะตอนที่เห็นว่าคนอื่น ๆ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ภายในใจก็ยิ่งดีใจถึงขีดสุด

คนเหล่านี้ช่างโง่เขลา ลืมแม้กระทั่งนั่งลงเพื่อกินข้าว แบบนี้ก็ยิ่งดี เขาไม่มีทางเตือนพวกเขาหรอก ของเหล่านี้จะตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เชร้ดดด เป็นท่านลุงห้าของคุณชายนี่ด้วย สถานะของนายท่านเย่ในราชสำนักต้องไม่ธรรมดามากแน่ๆ

หวานคอหนานหนานเลยทีนี้

ไหหม่า(海馬)