บทที่ 98 โจรขี่ม้าบุก

ตอนนี้ครอบครัวของพวกเขากลายเป็นตัวตลกของหมู่บ้าน ไม่มีใครสนใจพวกเขา เฉินหลันหลันจึงรู้สึกคับข้องใจและเสียใจอย่างยากจะบรรยายได้

แต่เฉินไคชุนกลับไม่พูดอะไร เขาเพียงเอ่ยอย่างมีเลศนัย “เจ้ากลัวอะไร ไปเอาเงินใส่ซองจากแม่เจ้ามาหน่อย แล้วพวกเราก็ไปกินเลี้ยงกัน”

เฉินหลันหลันดวงตาเบิกโพลง “พวกเราอย่างนั้นหรือ พวกเราจะไปทำไมกัน และยังจะใส่ซองให้พวกเขาด้วย?”

“ไปดูเรื่องสนุกน่ะสิ ไม่ไปจะเห็นได้อย่างไร?” เฉินไคชุนกำลังรอเห็นครอบครัวของเฉินฉือโชคร้ายอยู่!

และเขาก็ยังมีแผนสำรองอยู่ รอพวกหมู่บ้านตระกูลอวี๋มาถึง ถึงเวลาเขาค่อยพาคนไปเผาบ้านของครอบครัวเผย เขาจะดูสิว่าเจ้าเฉินฉือนั่นจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

เป็นหัวหน้าหมู่บ้านอย่างนั้นหรือ คิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านเป็นกันได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ น่าขันสิ้นดี!

หมู่บ้านตระกูลเฉินแห่งนี้ถ้าไม่มีเขา ก็อยู่ไม่ได้หรอก

เฉินไคชุนตัดสินใจแล้วว่าจะไปดูเรื่องสนุก

จึงได้พาเฉินหลันหลันกับพวกหยวนซื่อไปด้วย

เห็นได้ชัดว่าท่านป้าหยางเองก็ไม่คิดว่าพวกเฉินไคชุนจะมา แต่ว่าคนที่ยื่นมือมาย่อมไม่ตบคนที่ยิ้มให้* วันดี ๆ เช่นนี้ไม่ควรทะเลาะกัน นางจึงให้คนไปจัดที่นั่งให้พวกเขา

* คนที่ยื่นมือมาย่อมไม่ตบคนที่ยิ้มให้ (伸手不打笑脸人) หมายความว่าหากอีกฝ่ายยอมรับผิดแล้ว ก็ทำใจจะตบหน้าอีกฝ่ายไม่ได้

ครอบครัวเฉินดูถูกบ้านท่านป้าหยางมาตลอด แต่เมื่อเห็นหน้าตาอาหาร ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แม้แต่เฉินเย่าจงก็ยังได้กินเนื้อเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น เคยเห็นเนื้อมากมายขนาดนี้ที่ไหนกัน?

อาหารไม่เพียงหน้าตาดีแต่ยังอร่อยอีกด้วย หยวนซื่อหาได้เกรงใจไม่ แทบอยากจะกลับบ้านไปเอาชามมาใส่ของที่คนอื่นกินไม่หมด และห่อกลับไปให้หมดอย่างไรอย่างนั้น กินไปก็ตักไปด้วยกลัวว่าหากช้าแล้วจะไม่ได้กิน

หวังกุ้ยฟางเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน นางเสียใจที่ไม่ได้เรียกคนของครอบครัวตัวเองมาด้วย

เฉินเย่าจงไม่อยากอาหาร เพราะเขากำลังรอ รอหมู่บ้านตระกูลอวี๋มา

เฉินไคชุนตอนเริ่มกินก็มีความสุขดี ทว่ารอจนกินข้าวหมดแล้ว ทุกคนก็กำลังช่วยกันเก็บงานอยู่ ผู้หญิงต่างก็ไปล้างจานชาม ส่วนผู้ชายก็ช่วยกันยกโต๊ะ

ทว่าคนของหมู่บ้านตระกูลอวี๋ก็ยังไม่มา นี่ดูแปลก ๆ เสียแล้ว

ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของผู้หญิงหมู่บ้านตระกูลอวี๋เลยนะ หรือว่าพวกเขาจะสามารถระงับความโกรธเช่นนี้ไว้ได้อย่างนั้นหรือ?

เฉินไคชุนนึกกังวลอยู่ในใจ แทบอยากจะไปที่หมู่บ้านตระกูลอวี๋ด้วยตัวเองเสียเดี๋ยวนี้

จนกระทั่งยามโพล้เพล้ บ้านของท่านป้าหยางก็ยังคงคึกคักอยู่ ฝีมือการเล่นไพ่นกกระจอกของท่านป้าไม่มีผู้ใดสู้ได้ ส่วนพวกผู้ชายก็นั่งดื่มเหล้าด้วยกัน เหล่าผู้อาวุโสในหมู่บ้านก็ยังไม่ไปไหน ทั้งยังดึงตัวเผยจี้ฉือเอาไว้ ตั้งใจว่าจะสร้างความสนิทสนมกับเขา

ทำให้เฉินเย่าจงที่นั่งรอมานานก็ยิ่งไม่สบอารมณ์

“ไปเถอะ ดูท่าคนของหมู่บ้านตระกูลอวี๋คงไม่มาแล้ว”

เฉินไคชุนเองก็หน้าแห้งลง บัดซบยิ่งนัก เสียแรงที่เมื่อวานเขาอุตส่าห์ร้องตะโกนไปทั่ว สุดท้ายพวกคนหมู่บ้านตระกูลอวี๋ก็เป็นพวกขี้ขลาด พึ่งไม่ได้จริง ๆ

เฉินเย่าจงเองก็แปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ความเป็นจริงกลับเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มขึ้นเมื่อตอนกลางวันจนถึงตอนนี้ หากพวกนั้นจะมาก็ต้องมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?

จี้จือฮวนไม่ค่อยชอบบรรยากาศคึกคักด้านใน จึงมายืนดูดาวข้างนอกคนเดียว ตอนที่เฉินเย่าจงออกมา ทั้งสองจึงสบตากันเข้าพอดี

เมื่อเห็นแววตาเย็นชาคู่นั้นของจี้จือฮวน เฉินเย่าจงก็อดสั่นขึ้นมาไม่ได้

ท่าทางมีพิรุธ แต่นางกลัวว่าจะเป็นเสนียดสายตาจึงหันหน้ากลับไป แต่ในขณะนั้นเองภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิด ภูเขาที่ทอดยาวออกไป จู่ ๆ กลับมีแสงไฟสว่างไสวขึ้นมา

ตอนแรกก็มีเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนเบา ๆ

มีคนและม้าจำนวนมาก อย่างน้อยก็หลายสิบคน และทางที่กำลังวิ่งไปนั้นก็ไม่ใช่ทางไปถนนหลวง เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้ามาที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน

เฉินเย่าจงก็เห็นแล้วเช่นกัน ในที่สุด…ในที่สุดก็มาแล้ว!

เพียงแต่หมู่บ้านตระกูลอวี๋มีม้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

จี้จือฮวนหรี่ตาลง รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ม้ากลุ่มนั้นพุ่งมาทางหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วยความรวดเร็ว

จี้จือฮวนจึงหันไปตะโกน “มีคนบุกมา ผู้หญิงกับเด็กรีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า พวกผู้ชายหยิบมีดมาป้องกันตัว!”

เมื่อนางตะโกนขึ้นเช่นนี้ คนข้างในที่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกและดื่มเหล้ากันอยู่ก็ตกตะลึงทันที

ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนางโดยพร้อมเพรียงกัน เหล่าเติ้งลุกขึ้นยืนและเดินไปดูที่ข้างกายของจี้จือฮวน ก่อนจะตกใจจนขาแข้งสั่นเทา “เร็วเข้า ๆ รีบทำตามที่แม่นางจี้บอก เป็นโจรขี่ม้า โจรขี่ม้ามาแล้ว!”

เหล่าเติ้งเป็นคนที่เคยเห็นโลกมามาก และรู้ถึงสถานการณ์ของหมู่บ้านแถวนี้ดี แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่ากลุ่มโจรขี่ม้าจะเลือกมาหุบเขาที่ยากจนอย่างหมู่บ้านตระกูลเฉิน

“ไม่ทันแล้ว” เมื่อจี้จือฮวนเอ่ยเสียงเย็นจบ ธงที่ทางเข้าหมู่บ้านก็ถูกคนฟันลงมาภายในครั้งเดียว กลุ่มคนที่เป็นผู้นำใส่หนังเสือ แต่ละคนอ้วนท้วนและแข็งแรง ใบหน้าดุร้าย และมีแผลเป็นตามร่างกาย

นั่นมันโจรขี่ม้าไม่ใช่หรือ!

ทันใดนั้นผู้หญิงและเด็กในหมู่บ้านก็กรีดร้องขึ้นมา

“หุบปากกันให้หมด ใครไม่อยากตายเอาของมีค่าทั้งหมดออกมา!”

ราวกับพวกเขารู้ว่าวันนี้ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินมีการเลือกหัวหน้าหมู่บ้านคนใหม่ และมีการเฉลิมฉลองอย่างไรอย่างนั้น โจรขี่ม้าไม่ได้ค้นบ้านหลังอื่นเลย แต่กลับพุ่งเป้าไปที่บ้านของท่านป้าหยางเท่านั้น

กลุ่มโจรขี่ม้าได้ควบม้าไปล้อมพวกชาวบ้านเอาไว้ ใครที่ไม่เชื่อฟังคิดจะหนี เตะทีเดียวก็กระเด็นล้มลงกับพื้นแล้ว

เฉินเย่าจงกับเฉินไคชุนสบตากัน ทั้งสองต่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะคนที่พวกเขาเรียกมาคือคนของหมู่บ้านตระกูลอวี๋ ทว่าเหตุใดถึงกลายเป็นโจรขี่ม้าไปได้!

โจรขี่ม้านั่นต้องฆ่าคนทั้งหมู่บ้านแน่!

“หัวหน้า มีผู้หญิงคนหนึ่งนางไม่กลัวขอรับ!”

เมื่อเทียบกับชาวบ้านที่ตื่นตระหนกแล้ว จี้จือฮวนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ได้ร้องไห้ วิ่งหนี หรือโวยวายแต่อย่างใด หากไม่ใช่เพราะรอยแผลเป็นบนใบหน้านั้นน่าเกลียดมากล่ะก็ โจรขี่ม้าต้องชิงตัวนางกลับไปเป็นภรรยาของหัวหน้าอย่างแน่นอน

“ไม่ต้องสนใจนาง ไม่แน่อาจจะแค่ตกใจจนยืนบื้อไปแล้วก็ได้”

“ผู้ชายยืนแถวหนึ่ง ผู้หญิงยืนแถวหนึ่ง คนที่สวย ๆ มาปรนนิบัติข้าแต่โดยดี แล้วข้าจะไว้ชีวิต จับเด็กมัดเอาไว้ให้หมด ถึงเวลาก็เอาไปขายซะ”

เห็นได้ชัดว่าโจรขี่ม้าคุ้นเคยกับเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างดี และไม่ได้เห็นพวกชาวบ้านอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้จึงได้เริ่มแบ่งงานกันแล้ว

ประโยคนี้กระตุ้นความโกรธแค้นของชาวบ้านอย่างเห็นได้ชัด เพื่อปกป้องเด็กและผู้หญิงพวกผู้ชายจึงเริ่มลงมือทันที

ทันใดนั้นเสียงต่อสู้กันก็ดังขึ้นมาทันที

“นายท่าน นายท่านอย่าฆ่าพวกเราเลย ท่านไปหาจี้จือฮวน บ้านนางมีเงินมากที่สุด!” เฉินไคชุนตะโกนออกมา

พวกชาวบ้านต่างก็มองไปทางเฉินไคชุนโดยพร้อมเพรียง ในใจก็ด่าว่าเขาเป็นคนไร้ยางอาย ส่วนท่านป้าหยางนั้นกลับตะโกนด่าขึ้นมาจริง ๆ “เฉินไคชุน เจ้าคนหน้าไม่อาย!”

เฉินไคชุนยังคิดที่จะเถียง แต่ว่าเสี่ยวเจียนกับฟางจวิ่นเหมยถูกโจรขี่ม้ากระชากขึ้นหลังม้าไปเสียก่อน “หัวหน้า ผู้หญิงสองคนนี้นับว่าพอดูได้ ให้พวกพี่น้องของเราลองก่อนเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“เสี่ยวเจียน!”

“จวิ่นเหมย!”

ขณะที่ชาวบ้านกำลังต่อสู้กับโจรขี่ม้าอยู่นั้น โจรขี่ม้าที่กระชากเสี่ยวเจียนไปและกำลังจะถอดกางเกง ก็ถูกซัดจนล้มลงไปกับพื้นทั้งคนทั้งม้า

การเคลื่อนไหวที่รุนแรงเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน แม้แต่หัวหน้าโจรขี่ม้าก็หันไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

จี้จือฮวนรวบผมยาวของตัวเองและมัดเป็นผมหางม้า จากนั้นก็แย่งดาบโค้งในมือของโจรขี่ม้าที่ล้มอยู่บนพื้นมา ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งประคองเสี่ยวเจียนที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกให้ลุกขึ้น

ท่ามกลางความมืด ภายใต้แสงไฟ

ดวงตาของหญิงสาวเย็นชา ไอสังหารแผ่ออกมาทางสายตา

โจรขี่ม้าเผา ฆ่า และปล้นชิงมาหลายปี แต่ไม่เคยเห็นสาวชาวบ้านเช่นนี้มาก่อน

หัวหน้าโจรขี่ม้าหรี่ตาลง

ทว่าในพริบตาต่อมา จี้จือฮวนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ไม่มีใครเห็นว่านางเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง เห็นแค่ว่ามีเงา ๆ หนึ่งผ่านตรงหน้าไป ก่อนจะเห็นว่าจี้จือฮวนใช้ดาบฟันโจรขี่ม้าที่พยายามจะทำมิดีมิร้ายฟางจวิ่นเหมยจนตาย เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกพื้นที่

จี้จือฮวนกลับไม่หยุดเพียงเท่านั้น นางปกป้องฟางจวิ่นเหมยเอาไว้ด้านหลัง และพุ่งตัวไปเพื่อจะฆ่าหัวหน้าโจรขี่ม้า

จับโจรให้จับหัวหน้า!

หัวหน้าโจรขี่ม้าเมื่อได้สติก็ออกคำสั่งทันที “ฆ่านางซะ!”