ตอนที่ 171 ความสับสนของชารอน
ชารอนเพิ่งจะกลับมาจากการทํางานของเธอ ซึ่งงานที่หมายถึงนี่ไม่ใช่งานที่โรงพยาบาล แต่เป็นงานของหน่วย SHIELD และเธอก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้เรื่องของกัปตันอเมริกาด้วยเช่นกัน ซึ่งอันที่จริงแล้วก่อนที่กัปตันอเมริกาจะถูกเรียกตัวไปสอบสวน เธอก็ได้ถูกเรียกตัวไปสอบสวนก่อนกัปตันอเมริกาตั้งนานแล้ว เพราะการที่นิคฟิวรี่ หลบหนีมาอยู่ในบ้านของกัปตันอเมริกา และเธอก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบเกี่ยวกับกัปตันอเมริกาทุกอย่าง มันจึงทําให้เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเรียกตัวไปสอบสวนในทันที
ซึ่งเธอก็ได้แต่ตอบไปตามความจริง และไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านั้น นอกจากนี้เธอยังถูกเรียกตัวให้กลับไปทํางานที่หน่วย SHIELD อีกด้วย
ซึ่งชารอนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมอยู่ดี ๆ พวกเขาถึงได้ยกเลิกภารกิจเดิมอย่างกะทันหัน และยอมให้เธอกลับไปทํางานที่ SHIELD แต่ถึงอย่างไรก็ตามความสุขของเธอก็อยู่ได้ไม่นานเพราะเมื่อเธอรู้ว่าซูเจินนําคนของเขาบุกไปที่สํานักงานใหญ่ของ SHIELD เพื่อช่วยเหลือกัปตันอเมริกา และเรื่องของโครงการ Insight มันก็ทําให้เธอรู้ได้ในทันทีเลยว่าหน่วย SHIELD ในตอนนี้เต็มไปด้วยคนของไฮดร้าเต็มไปหมด
ทําให้ชารอนในตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอควรจะทําอย่างไรดีและยังคงสามารถไว้ใจใครได้อีกบ้างในตอนนี้ ?
เพราะเมื่อก่อนเธอคิดว่าเธอตั้งใจทํางานอย่างหนักเพื่อความยุติธรรม แต่ในตอนนี้เธอกับพบว่าสถานที่ที่เธอดิ้นรนและทํางานอย่างหนักนั้นกลับกลายเป็นสถานที่แห่งความชั่วร้าย
และเมื่อเธอไขกุญแจและเปิดประตูเข้าไปในห้องของเธอ เธอก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทําอาหารหรือเปิดไฟภายในห้องของเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะในสมองของเธอในตอนนี้กําลังคิดว่าเธอควรที่จะทําอะไรต่อไปดีในอนาคต
หลังจากเธอปิดประตูห้อง เธอก็โยนเสื้อคลุมของเธอลงบนโซฟา ทันใดนั้นชารอนก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากในครัวราวกับว่ากําลังมีใครบางคนกําลังทําอาหารอยู่ทําให้ชารอนที่กําลังเมออยู่ในตอนแรกถึงกับตื่นตัวขึ้นมาในทันทีพร้อมกับหยิบปืนออกมาถือเอาไว้บนมือของเธอ และค่อย ๆ เดินไปที่ห้องครัวอย่างช้า ๆ
แก๊ง! แก๊ง!
เสียงการทําอาหารดังขึ้นมาจากภายในครัว
และเมื่อชารอนเดินไปถึงหน้าห้องครัว เธอก็เห็นคน ๆ หนึ่งที่กําลังสวมผ้ากันเปื้อนกําลังยืนทําอาหารอยู่ ซึ่งกลิ่นของอาหารมันก็ลอยตลบอบอวลเต็มห้องไปหมดทําให้ชารอนถึงกับกลืนน้ําลายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ซูเจน ทําไมมันถึงกลายเป็นคุณไปได้ล่ะ ?”
เมื่อชารอนเห็นว่าใครที่กําลังยืนอยู่ภายในครัวเธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ซูเจินหันไปมองทางชารอนที่กําลังถือปืนอยู่พร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “เอ่อ … ผมว่าคุณควรที่จะเอาปืนที่ชี้ผมอยู่ออกไปก่อนที่จะดีกว่านะ เพราะว่าผมก็ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ที่มีคนชี้ปืนมาทางผม!”
ชารอนรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่เธอจะค่อย ๆ เอาปืนลงและถามขึ้นมาว่า “คุณมาที่บ้านของฉันทําไม ? แล้วคุณทําอาหารเป็นด้วยอย่างงั้นหรอ ? ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอาหารจีนสินะ”
“มันก็แค่อาหารที่ทําสามารถทําเองได้อย่างง่าย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นรสชาติของมันก็น่าจะดีกว่าร้านอาหารที่คุณเคยกินมาอย่างแน่นอนเอ่อ… ถ้าผมจําไม่ผิดนี้เป็นครั้งแรกที่ผมทําอาหารให้กับคนอื่นกินเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผมถูกส่งตัวมาที่โลกใบนี้ และคุณก็ยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้กินอาหารฝีมือของผมอีกด้วย!” ซู่เจินพูดขึ้น มาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันก็ทําให้ชารอนที่ได้ยินดังนั้นถึงกับยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขและภูมิใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ค่อย ๆ สงบลง และเริ่มคิดว่าทําไมซู่เจินถึงได้มาทําอาหารอยู่ในห้องเธอได้ ?
“คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณมาทําอะไรที่นี่ ?”
“ผมมาหาคุณ!”
ซูเจินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยและพูดต่อว่า “ผมรู้ว่าคุณต้องการที่จะรู้เหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ช่วยรออีกสักพักหนึ่งได้ไหม และเมื่อผมทําอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ค่อยมานั่งคุยกันระหว่างรับประทานอาหาร”
หลังจากพูดจบขู่เจินก็หันกลับไปทําอาหารของเขาต่อ ซึ่งชารอนก็ไม่ได้ถามอะไรกับซู่เจินอีกต่อไปและยืนดูซู่เจินอยู่อย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็ทําอาหารทั้งหมดจนเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับจัดโต๊ะและเชิญให้ชารอนนั่งลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล
“คุณลองชิมดูสิ … ผมหวังว่ารสชาติของมันคงจะไม่แย่จนเกินไป” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมาและยื่นไปที่ปากของชารอนซึ่งชารอนก็รู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อยในตอนแรก แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ค่อย ๆ เปิดปากของเธอขึ้นมาและกัดลงไปที่ตะเกียบเบา ๆ
“รสชาติเป็นไง ?”
เมื่อเห็นว่าชารอนยอมกินอาหารที่ทําขึ้นมา ซู่เจินก็ถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มทันที
“มันอร่อยมาก…รสชาติของมันไม่เหมือนกับที่ฉันเคยกินที่ไหนมาก่อนเลย” ชารอนมองไปที่ซู่เจินด้วย ความแปลกใจ เพราะเธอก็ไม่คิดเหมือนกันว่าทักษะการทําอาหารของซูเจินจะดีมากขนาดนี้ ซึ่งมันไม่ได้สอดคล้องกับความแข็งแกร่งของเขาที่แสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าคุณชอบก็กินเยอะ ๆ เลย”
ซูเจินพยักหน้าขึ้นมาด้วยความพึงพอใจพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับชารอน
“คุณถามผมสินะว่าผมมาทําอะไรที่บ้านของคุณ จริง ๆ แล้วเรื่องนี้มันง่ายมาก เพราะว่าผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถมาขอความช่วยเหลือจากคุณโดยไม่มีของตอบแทนได้ ดังนั้นแล้ว ผมจึงคิดว่าผมน่าจะทําอาหารให้คุณทานน่าจะเป็นสิ่งที่ดีซึ่งผมก็จําได้ว่าคุณบอกว่าคุณอยากกินอาหารจีน และถ้าเกิดว่าผมเดาไม่ผิดถ้าวันนี้ผมไม่มาทําอาหารให้คุณกินคุณก็คงจะไม่มีอะไรให้กินแล้วล่ะ”
“ขอความช่วยเหลือจากฉันอย่างงั้นหรอ ? ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าฉันจะทําประโยชร์อะไรให้กับคณได้ ?”ชารอนพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ใช่ ผมมาขอความช่วยเหลือจากคุณ และนอกจากคุณแล้วมันคงจะไม่มีใครที่สามารถช่วยผมได้อีกแล้วล่ะ…ผมอยากรู้เวลาที่แน่นอนสําหรับการดําเนินโครงการ Insight และข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับโครงการนี้ทั้งหมดโดยละเอียด” ขู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยืนขึ้น
ชารอนถึงกับตกตะลึงในทันที เดิมที่เธอต้องการบอกกับซูเจนว่าเธอไม่รู้ว่าเขากําลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ แต่เมื่อเธอเห็นการแสดงออกอย่างเด็ดเดี่ยวของซู่เจิน เธอก็รู้สึกว่ามันคงจะน่าอายเกินไปถ้าหากว่าเธอพูดออกไปแบบนั้น
“คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร ?” ชารอนถามขึ้นมา
“ใช่!” ซู่เจินพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ “เพราะว่าตอนแรกผมเห็นว่าคุณยังไม่ค่อยจะเชื่อใจผมสักเท่าไหร่ และ คุณก็ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนของคุณ ผมจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ยิ่งไปกว่านั้นการพูดคุยกับคุณโดยไม่มี หน้าที่การงานเข้ามาเกี่ยวข้องมันให้ความรู้สึกที่ดีกว่าจริงไหม ?”
“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นเจ้าหน้าที่ของ SHIELD แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถช่วยเหลือคุณในเรื่องนี้ได้ เพราะว่าฉันไม่สามารถรับผิดชอบต่อสิ่งที่สําคัญแบบนี้ได้หลังจากที่ฉันเพิ่งจะได้กลับมาทํางานที่ SHILED เมื่อไม่นานมานี้” ชารอนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าตําแหน่งที่เธอได้รับหลังจากกลับไปทํางานที่หน่วย SHIELD ก็คือ คนควบคุมศูนย์ปฏิบัติการทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่ามันได้รวมถึงการควบคุมเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยเช่นกัน…
“ผมรู้ว่าคุณรู้ตัวเองดีว่าคุณสามารถช่วยเหลือผมได้หรือเปล่า และผมก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะตอบตกลงผมในทันที แต่ถึงอย่างไรก็ตามถ้าเกิดว่าโครงการ Insight เริ่มปฏิบัติการเมื่อไหร่มันจะต้องมีผู้บริสุทธิ์นับล้านคนถูก ฆ่าตายอย่างแน่นอน นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของผม และผมก็หวังว่าผมจะได้รับสายโทรศัพท์จากคุณก่อนที่จะเกิด เหตุโศกนาฏกรรมขึ้นนะ” ซู่เจินทิ้งเบอร์ของเขาเอาไว้บนโต๊ะอาหารและหันเดินจากไป
เมื่อชารอนรู้สึกตัว ซู่เจินก็ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอก็ไม่คิดว่าซูเจินจะจากไปแบบนี้เช่นกัน
มาทําอาหารให้กับเธอ พูดกับเธอไม่กี่ประโยคทิ้งเบอร์ของเขาเอาไว้ และเดินจากไป
นี่เขาไม่กลัวว่าฉันจะไม่โทรกลับไปหาเขาบ้างอย่างงั้นหรอ ?
จู่ๆ ชารอนก็รู้สึกว่าเธอไม่เข้าใจในตัวของซูเจินเลยสักนิด ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเธอ…สูญเสียอะไรบางอย่างไป
ในขณะเดียวกันทางด้านของซู่เจิน หลังจากเขาออกมาจากบ้านของชารอน เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่ได้กังวลเลยสักนิดว่าชารอนจะปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเขา เพราะถึงยังไงแล้วเธอก็สามารถมองเห็นความจริงเกี่ยวกับหน่วย SHIELD ในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี และซูเจินก็เชื่อว่าเธอจะต้องเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง ได้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นซูเจนก็บินกลับไปที่ฐานทันที
เมื่อเขาบินมาถึงบริเวณชายฝั่งตะวันตก ซู่เจินก็พบว่าตอนนี้มีผู้คนจํานวนมากมายอยู่ที่ฐานบนเกาะ ไม่ว่าจะเป็น บริ้งค์ นาตาชาและคนอื่น ๆ กําลังตรวจสอบหรือสอบสวนอะไรบางอยู่ และดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้มันน่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเผยแพร่ข่าวออกไป ?