สืบทอดเคล็ดจารึกพิสดาร

“โชคมิดีที่ความสามารถของข้ามีจำกัดนัก มิอาจเรียนรู้เคล็ดจารึกพิสดารที่ท่านอาจารย์ตกทอดไว้ได้…ทำให้ข้ารู้สึกผิดนัก เพราะข้าคงมิมีทุกสิ่งดั่งวันนี้หากมิได้รับความรู้ในเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนที่ท่านอาจารย์เหลือทิ้งไว้…”

ป๋ายลี่หงกล่าวออกเสียงเศร้า กล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจ

ล้มเหลวในการร่ำเรียนเคล็ดวิชาจารึกพิสดารอันเป็นมรดกตกทอดของอาจารย์ เป็นเรื่องที่มันเสียใจมาจนถึงวันนี้

หลายปีที่ผ่านมามันก็พบปรมาจารย์เซียนจารึกที่มีพรสวรรค์อยู่บ้าง

อนิจจาปรมาจารย์จารึกเซียนเหล่านั้น ก็มีไหวพริบปฏิภาณไม่สูงพอจะร่ำเรียนเคล็ดจารึกพิสดาร

ใจความสำคัญในเคล็ดจารึกพิสดารที่มันพอเข้าใจคร่าวๆนั้น นับเป็นอะไรที่พิสดารโดยแท้จริง

อาคมเซียนให้ผลลัพธ์และพลังอำนาจดุจเดียวกัน ทว่าหากจารึกอาคมเซียนด้วยเคล็ดพิสดาร จะใช้วัตถุดิบที่ด้อยกว่าและน้อยกว่าไปกว่าครึ่ง…

และเหตุผลที่เคล็ดจารึกพิสดารนั้นเป็นอะไรที่ยากร่ำเรียน ก็เพราะมันต้องใช้พลังวิญญาณสูงล้ำนัก

แน่นอนว่าต้องใช้พลังวิญญาณสูงล้ำในที่นี่ไม่ได้หมายถึงระดับพลังวิญญาณที่สูงล้ำ แต่หมายถึงใช้พลังวิญญาณจำนวนมาก…มีเพียงผู้ที่มีพลังวิญญาณมหาศาลเท่านั้นที่จะสามารถใช้เคล็ดจารึกพิสดารได้

บางคนนั้นเกิดมาพร้อมพลังวิญญาณอันมหาศาล กระทั่งยังมีพรสวรรค์ในการควบคุมพลังวิญญาณสูง

ประหนึ่ง ‘ควบคุมพลังวิญญาณได้ดั่งใจ’

อนิจจาป๋ายลี่หงไม่ใช่คนเช่นนั้น ชั่วชีวิตจึงถูกกำหนดให้ไม่อาจสำเร็จเคล็ดจารึกพิสดาร

และนี่คือความเจ็บปวดในใจของป๋ายลี่หงมาโดยตลอด

หลังจากที่ได้รับสืบทอดมรดกของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาว ทำให้มันรู้ดีว่าอีกฝ่ายคาดหวังให้ ‘เคล็ดวิชาจารึกพิสดาร’ นี้มีผู้สืบทอดขนาดไหน

ถึงมันจะไม่เคยเห็นปรมารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาวผู้นั้น แต่ใจมันนับถืออีกฝ่ายเป็นอาจารย์เสมอมา

เพราะหากไม่มีปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาวผู้นั้น ก็ไม่มีตัวมันในวันนี้

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มันอาศัยความสามารถในการจารึกอาคมเซียนเพื่อแลกกับทรัพยากรบ่มเพาะพลังจนบรรลุทุกสิ่งได้อย่างวันนี้…

หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีทุกสิ่งอย่างทุกวันนี้หากอาศัยพรสวรรค์ของมัน

มันเป็นวิญญูชนที่ยึดหลักกตัญญูเหนือสิ่งใด มันย่อมมองหาโอกาสที่จะทดแทนบุญคุญนี้มาโดยตลอด

และตอนนี้ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ว่า ผู้ที่มันตามหาได้ยืนอยู่ตรงหน้าของมันแล้ว…

ต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งผู้ที่มันเฝ้าตามหามาโดยตลอด…ผู้ที่จะสืบทอดเคล็ดวิชาจารึกพิสดารของอาจารย์มันได้!

ในช่วงเวลาที่ต้วนหลิงเทียนร่ำเรียนการจารึกอาคมเซียน และยามที่อีกฝ่ายจารึกอาคมนั้น มันตระหนักได้ชัดเจนว่าพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนกล้าแข็งเพียงใด อีกทั้งยังมีความสามารถในการควบคุมสูงล้ำขนาดไหน

โดยทั่วไปแล้วปรมาจารย์จารึกเซียนนั้น มักจะเป็นตัวตนในขอบเขตสู่เซียน

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนกลับสามารถกระทำเรื่องราวซับซ้อนได้ตั้งแต่ขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ!

“เคล็ดจารึกพิสดาร?”

ต้วนหลิงเทียนเองก็บังเกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย หลังจากที่ได้ฟังความสามารถของเคล็ดจารึกพิสดารจากปากป๋ายลี่หง

เคล็ดวิชาจารึกอาคมในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันก็อยู่ในระดับเดียวกันกับเคล็ดวิชาจารึกทั่วไปในทวีปเมฆาล่อง…ทว่าดูเหมือนเคล็ดจารึกพิสดารนี้จะเป็นอะไรที่แตกต่างจากเคล็ดวิชาจารึกในทวีปเมฆาล่อง!

“ป้ายหยกนี้ เป็นป้ายหยกที่บันทึกเคล็ดวิชาจารึกพิสดารเอาไว้…ข้าคิดว่าเจ้าคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะฝึกปรือมัน”

ป๋ายลี่หงสะบัดมือเรียกป้ายหยกออกมา ก่อนที่จะมอบให้พร้อมมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง

ขณะเดียวกันมันก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ต้วนหลิงเทียนข้าทราบดีว่าเจ้ามีอาจารย์อยู่แล้ว…แต่หากเจ้าสำเร็จเคล็ดวิชาจารึกพิสดารนี้ได้ ข้าอยากขอให้เจ้ายอมรับอาจารย์ข้า ในฐานะอาจารย์ของเจ้าคนหนึ่งเช่นกัน…”

“ข้าต้องทำแบบนั้นแน่นอน”

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปฏิเสธป้ายหยกที่ป๋ายลี่หงยื่นมาแต่อย่างไร เขาเองก็อยากรู้ว่าเคล็ดวิชาจารึกพิสดารนี่ที่แท้มีดีอย่างไร แน่นอนว่าย่อมไม่คิดปฏิเสธโอกาสอันล้ำค่าที่มาถึงหน้าแน่นอน…

และเป็นเรื่องปกติที่หากเขาสืบทอดเคล็ดวิชาจารึกพิสดารนี้มาได้สำเร็จ เขาจะยอมรับอาจารย์ของป๋ายลี่หงเป็นอาจารย์คนหนึ่งของเขา

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีผู้ใดสืบทราบอีกว่าปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาวผู้นี้เป็นใครมาจากไหน ดำรงอยู่ยุคสมัยใด…

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนแทบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ

ผลประโยชน์ใส่พานถวายส่งตรงถึงหน้าประตูแบบนี้ คงมีแต่ตัวโง่งมเท่านั้นที่ปฏิเสธ

“เช่นนั้น นับจากวันนี้ต่อไป เจ้าถือว่าเป็นศิษย์น้องของข้าป๋ายลี่หงแล้ว!”

ป๋ายลี่หงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ “เช่นนั้นต่อไปห้ามเจ้าเรียกหาข้าว่าอาวุโสอันใดอีกเด็ดขาด เพียงเรียกหาข้าว่าศิษย์พี่เถอะ”

“ย่อมได้ศิษย์พี่”

ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนยึดติดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาย่อมสามารถเปลี่ยนคำเรียกหาอีกฝ่ายได้ทันที

เมื่อได้ยินคำเรียกหาของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงพลันฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที “แม้นมิรู้ว่าท่านอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ท่านต้องมีความสุขแน่ที่ข้าสามารถหาศิษย์ประเสริฐเช่นเจ้าให้ท่านอาจารย์ได้”

“ศิษย์พี่ป๋าย ท่านจะไม่ด่วนยกย่องข้าไปหน่อยหรือ ข้ายังไม่มั่นใจเลยว่าจะสำเร็จเคล็ดจารึกพิสดารหรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆส่ายหัวไปมา

“ด้วยความสามารถในการควบคุมพลังวิญญาณของเจ้า หากเจ้ายังมิอาจสำเร็จเคล็ดวิชานี้ได้ ทั่วหล้าก็คงไม่มีผู้ใดทำได้อีกแล้ว!”

ป๋ายลี่หงมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนนัก

ด้วยประการฉะนี้ ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้เข้ามาเป็นศิษย์ฝ่ายในอะไร เขาก็ได้กลายเป็นศิษย์น้องของป๋ายลี่หงเสียแล้ว…

ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของป๋ายลี่หงยังไม่ใช่แค่อาวุโสฝ่ายในธรรมดาๆ

ในฐานะที่เป็นถึงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว ฐานะของป๋ายลี่หงนั้นไม่เพียงเทียบได้กับรองเจ้าสำนักที่มีอยู่ไม่กี่คน ยังนับว่าสูงกว่าพวกมันบางคนเสียอีก

กระทั่งตัวตนในขอบเขตเซียนบางคนกระทั่งเจ้าสำนัก ยังต้องปฏิบัติกับมันด้วยความสุภาพเมื่อพบกัน!

“ศิษย์น้อง ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามาจากจวนเจ้าเมืองชงซันงั้นเหรอ?”

ป๋ายลี่หงกล่าวถาม

“ใช่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เรื่องที่เขามาจากจวนเจ้าเมืองชงซันนั้นไม่ได้เป็นความลับอะไรในสำนักจันทร์จรัสแสงเลย

“หลิวฮ่วนนั่นข้าจักจัดการมันเอง ข้าจะให้มันรู้สำนึกว่าศิษย์น้องของข้าป๋ายลี่หง มิใช่คนที่มันจะมาตอแยด้วยได้!”

ในแววตาของป๋ายลี่หงทอประกายแสงคมกล้าออกมา น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยอำนาจครอบงำนัก

เห็นได้ชัดว่ามันเองก็รู้ดีถึงความขัดแย้งระหว่างหลิวฮ่วนกับคนของเมืองชงซัน

ป๋ายลี่หงมีความตั้งใจแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมไม่คิดปฏิเสธ

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าหลิวฮ่วนนั้นแม้ผิวเผินจะไม่ทำอะไรเขาเพราะกริ่งเกรงป๋ายลี่หง แต่ดั่งคำข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง…หลิวฮ่วนย่อมยังมองเขาเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดอยู่ดี

หากไม่อาจฆ่าเขาให้พ้นทางได้ หลิวฮ่วนคงยากที่จะนอนหลับ!

‘เท่านี้ก็ดีแล้ว…อย่างน้อยๆหลิวฮ่วนนั่นก็ไม่กล้าทำอะไรออกหน้าออกตาอีก เรื่องนี้ก็ดีต่อหลิวอวิ๋นกับฉงหู่ไม่น้อย’

ต้วนหลิงเทียนลอบคิด

“ศิษย์พี่ข้ารบกวนท่านมาทั้งเดือนแล้ว ตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวลากลับก่อน”

ต้วนหลิงเทียนประสานมือกล่าวคำลาป๋ายลี่หง

“ศิษย์น้องเจ้าทิ้งเกาทัณฑ์ของเจ้าไว้ที่ข้าก่อนเถอะ…ศิษย์พี่ผู้นี้จะจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวเพิ่มให้จนถึงขีดจำกัดที่ข้ากระทำได้…ตอนนี้ขีดจำกัดของข้าอยู่ที่ 3 อาคมเซียน 3 ดาวบนหนึ่งศาสตรา”

ป๋ายลี่หงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน

ในเมื่อวันนี้ต้วนหลิงเทียนยอมรับมันเป็นศิษย์พี่แล้ว ไหนเลยมันจะไม่ดูแลศิษย์น้องอย่างดี

หากเป็นก่อนหน้าแน่นอนว่ามันคงไม่ค่อยเต็มใจจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวให้ต้วนหลิงเทียนแม้อาคมเดียว

ทว่าตอนนี้มันเต็มใจจะจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวให้ต้วนหลิงเทียนมากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้

“ขอบคุณศิษย์พี่มาก”

สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที เร่งกล่าวขอบคุณทั้งเรียกเกาทัณฑ์ดับตะวันออกมายื่นให้อีกฝ่าย หากมีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกลงเกาทัณฑ์เพิ่ม ความสามารถในการรบของเขาต้องสูงขึ้นอย่างมาก!

ถึงแม้ว่าเขาจะผสานความรู้ระหว่างอาคมธรรมดาและอาคมเซียนได้สำเร็จ รวมทั้งมีความสามารถในการจารึกไม่ใช่ชั่ว

แต่ด้วยพลังวิญญาณที่ยังอ่อนด้อยอยู่ของเขา ทำให้ตอนนี้เขาสามารถจารึกได้แค่อาคมเซียนระดับ 1 ดาวเท่านั้น

และจากที่ป๋ายลี่หงกล่าว เขาจำต้องตัดผ่านไปยังขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบเสียก่อน ถึงจะสามารถจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวได้

“นอกจากนั้น วันหน้าเจ้าสามารถมาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของข้าได้เลย ห้องหับเยอะแยะเหลือเฟือนัก!”

ป๋ายลี่หงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนอีกเรื่อง “ศิษย์พี่ผู้นี้มั่นใจ ว่าลานฝึกที่นี่มีพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นกว่าด้านนอกหลายเท่า”

“ศิษย์พี่น้ำใจนี้ของท่านตอนนี้ข้าคงรับไว้ได้แค่ในใจแล้ว ข้ายังอยากจะอยู่ที่ฝ่ายนอกอีกสักพัก คงไม่สายเกินไปที่ข้าจะย้ายมาอยู่กับท่านหลังจากข้าได้เข้าสู่ฝ่ายในใช่หรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“เอาล่ะๆ ตามใจเจ้าเถอะ… แต่จำไว้ว่าเจ้าเข้ามาฝ่ายในได้เมื่อไหร่เจ้าต้องมาอยู่ที่นี่กับข้า”

ป๋ายลี่หงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ข้าต้องมาแน่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทันที

หลังจากที่มอบเกาทัณฑ์ดับตะวันให้ป๋ายลี่หงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับอย่างไม่รอช้า

เขาอยากรีบกลับไปศึกษาเคล็ดจารึกพิสดารอะไรนี่ด้วยเหมือนกัน หากเขาสามารถเชี่ยวชาญมันได้จริงๆ เขาย่อมได้รับผลประโยชน์มากกว่าปรมาจารย์เซียนจารึกทั่วไปอย่างน้อย 2 เท่า!

ฟังจากป๋ายลี่หงแล้ว หลังจากที่สำเร็จเคล็ดจารึกพิสดาร วัตถุดิบที่ใช้จะลดลงกว่าวัตถุดิบที่ปรมาจารย์จารึกเซียนทั่วไปต้องใช้เท่าตัว!

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้สึกลึกๆว่า ความลึกล้ำของเคล็ดจารึกพิสดารอาจไม่ได้มีอยู่แค่เพียงผิวเผินอย่างที่ป๋ายลี่หงเข้าใจ

เพราะป๋ายลี่หงจะอย่างไรก็ไม่อาจฝึกเคล็ดจารึกพิสดารนี้ได้ เป็นธรรมดาที่มันยังมีความเข้าใจในตัวบทวิชาอันจำกัด!

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสัญชาตญาณของเขาเท่านั้น

ไม่ว่าจะอย่างไร มีแต่ต้องลองด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้!

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนออกจากฝ่ายในไป ข่าวเด่นประเด็นร้อนอันน่าตื่นตระหนกก็แพร่ไปทั่วฝ่ายในทันที

ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเพียงหนึ่งเดียวของสำนักจันทร์จรัสแสง ป๋ายลี่หง ประกาศยอมรับศิษย์ฝ่ายนอกต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ในนามของอาจารย์ตัวเอง!

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้วนหลิงเทียนคือศิษย์น้องของป๋ายลี่หง!

ข่าวนี้ประหนึ่งมหาพายุพัดโถมกระหน่ำมาโดยที่ไม่มีใครทันได้ตั้งตัว สร้างความโกลาหลจนทำให้ฝ่ายในถึงกับปั่นป่วนปานแผ่นดินไหว!

“อาวุโสป๋ายลี่รับศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งเป็นศิษย์น้องงั้นเหรอ…ล้อเล่นกันรึเปล่า?!”

“ศิษย์ฝ่ายนอกคนนั้นเป็นผู้ใดกัน!?”

……

จังหวะนี้กระทั่งศิษย์ฝ่ายในที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฝ่ายในเท่าไหร่ ยังอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นกับข่าวดังกล่าว

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? นี่พวกเจ้าไม่รู้เรอะว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใคร?”

“ต้วนหลิงเทียนนั่นตอนนี้กำลังดังกระฉ่อนในสำนักจันทร์จรัสแสงเลยนะ นี่พวกเจ้าไปอยู่ที่ใดมาถึงไม่เคยได้ยิน?”

……

เหล่าศิษย์ที่ได้ยินเรื่องราววีรกรรมของต้วนหลิงเทียนมาแล้ว เริ่มบอกกล่าวให้แก่เหล่าศิษย์ที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเขาทันที เรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งแพร่ไปทั่วฝ่ายใน

ศิษย์ฝ่ายในที่รู้เรื่องต้วนหลิงเทียนแตกแรก ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจเรื่องที่เขากลายเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่

บางคนพยายามไปสืบข่าวเพื่อยืนยัน สุดท้ายจึงพบว่าทั้งหมดเป็นความจริง!

ต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่ไปแล้วจริงๆ!

ในเมื่อข่าวนี้มันสร้างความปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในฝ่ายใน จึงเป็นธรรมดาที่มันจะล่วงรู้มาถึงหูหลิวฮ่วน!

และทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ หลิวฮ่วนถึงกับบดขยี้จอกชาในมือจนแตกเป็นผงด้วยโทสะ “ต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่นที่แท้มันเป็นใครกันแน่ กระทั่งอาวุโสป๋ายลี่ยังรับมันเป็นศิษย์น้อง!”

ต้วนหลิงเทียนที่มันมองว่าเป็นได้แค่เศษเล็บเท้าของมันก่อนหน้า อยู่ๆกลับมามีผู้หนุนหลังที่น่ากลัวขนาดนี้ แน่นอนว่าหลิวฮ่วนย่อมมีสีหน้าบิดเบี้ยวปานเคี้ยวถูกแมลงวัน!