บทที่ 115 – ระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์

 

ทว่าศัตรูไม่ได้รอให้พวกเธอตั้งสติ ทันทีที่อิกดร้าโดนเตะจนกระเด็นนั้น มันพลิกตัวกลางอากาศอย่างง่ายดาย

ราวกับว่ามันสามารถบินได้ในอากาศด้วย สายตาแห่งความมุ่งร้ายมันพุ่งตรงมายังเรนะด้วยความโกรธและเกลียดชัง

เอาเข้าจริงป่า.. หรือพืชหญ้าธรรมชาติทุกชนิดล้วนเป็นแหล่งพลังงานธรรมชาติให้กับมันทั้งสิ้น

เพื่อที่จะให้มันสามารถมีพลังได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอิกดร้าที่อยู่กับต้นไม้เหล่านี้มาไม่รู้กี่สิบหรือร้อยปีแล้ว

หากให้เปรียบเทียบ นอกจากป่าในที่แห่งนี้จะเป็นเหมือนบ้านมันแล้วยังเป็นเหมือนครอบครัวมันอีกด้วย

แน่นอนว่าการสูญเสียป่าไปทำให้พลังการต่อสู้มันลดลง ไม่สามารถซึมซับพลังทางธรรมชาติได้ อย่างมากก็ดูดได้แค่จากดินเท่านั้น

ซึ่งนั่นไม่เพียงพอหรอก.. เพราะสถานที่แห่งนี้จำลองขึ้นโดยอ้างอิงจากสวนอีเดนในตำนาน.. สวนอีเดนคือสวนที่ต้นอิกดราซิลถูกำเนิดขึ้น

และคอยค้ำจุนโลกทั้งใบ พูดอีกอย่างก็คือใจกลางของโลกนั่นแหละนะ โดยรากของอิกดราซิลนั้นจะเชื่อมต่อไปยังต้นไม้ทุกต้นบนโลกเลยก็ว่าได้

ซึ่งในความจริงแล้วอิกดราซิลนั้นเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีสวนอีเดนก็จริง แต่โดยภาพรวมแล้วสวนอีเดนก็คือสวนที่เป็นเหมือนต้นต่อของพืชพรรณทั้งหมดบนโลก

ไม่ใช่แค่ต้นไม้ แต่รวมถึงใบหญ้า ดอกไม้ ทุกอย่างที่เป็นธรรมชาตินั้นมาจากสวนอีเดน ซึ่งสวนอีเดนก็ได้รับพลังงานมาจากต้นอิกดราซิลที่เข้มข้นที่สุดอีกที

แต่สำหรับที่แห่งนี้เหมือนจะเป็นการสร้างสวนอีเดนมาเพื่อให้สอดคล้องกับอิกดร้า เพื่อให้อิกดร้าสามารถซึมซับพลังงานจากธรรมชาติ

ว่าง่ายๆ ก็คือตรงกันข้ามกับตำนานที่เล่าขาน คือให้อิกดร้าซึมซับจากพลังงานธรรมชาติแทนที่จะเป็นธรรมชาติซึมซับจากอิกดร้า

ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ เพราะสำหรับอิกดร้าแล้วสวนแห่งนี้ก็กลายเป็นเหมือนบ้านและครอบครัวมันจริงๆ

และไม่เพียงแค่มันจะพึ่งพาพลังธรรมชาติ เพราะธรรมชาติเองก็พึ่งพามันเช่นเดียวกัน ทำให้สถานการณ์ของสวนอีเดนจำลองในตอนนี้คล้ายกับในตำนานไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญหรือความตั้งใจนั่นก็ไม่เกี่ยวกันแล้ว

เพราะมันกลายพันธุ์ด้วยพลัง Abyss ไปแล้ว พลังของมันนั้นต่อให้ไม่พึ่งพาพลังธรรมชาติก็สามารถดำรงอยู่ได้

แต่นั่นไม่ได้หมายถึงในแง่ของจิตใจที่มันอยู่กับธรรมชาติแห่งนี้มานานกี่สิบปีแล้ว

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชังของมันพุ่งเป้าไปที่เรนะ ร่างของมันพุ่งดิ่งเข้าหาเรนะด้วยความไวเหนือสามัญ

เรนะที่ไม่ได้เร็วเท่ามันได้แต่เพียงอาศัยสัญชาตญาณกอดร่างของมิวพร้อมใช้พลังในการรักษาเพื่อห้ามเลือดเอาไว้

และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กระโดดหลบออกด้านข้าง ตามมาด้วยแรงกระแทกรุนแรงที่พบว่าเจ้าอิกดร้ามันโจมตีด้วยหมัดใส่จัดที่เธอเคยอยู่

เพราะแรงลมกรรโชกที่รุนแรงส่งผลให้เรนะกับมิวปลิวกระเด็นไปอัดหิน แน่นอนว่าเรนะเป็นคนเอาหลังรับแรงกระแทกไว้

ส่งผลให้เธอกระอักเลือดคำโตออกมา อย่างไรก็ตามมือขอเธอยังไม่หยุดรักษาขาให้มิวที่มีเลือดไหลจนน่ากลัว

ขืนปล่อยไว้เสียเลือดจนตายแน่..

“เรนะ..”

“ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไรฉันจะช่วยเธอเอง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”

“ไม่…”

เมื่อคำพูดที่พร้อมสละตัวเองของเรนะทำให้มิวที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลยก็ตาม แต่เธอก็ยังปฏิเสธเสียงแข็ง

ตอนนี้ความทรงจำในหัวของมิวกำลังสับสนไปหมด เหมือนมีความทรงจำแปลกประหลาดอยู่ในหัวที่นึกไม่ออก

ซึ่งมันเป็นแค่ภาพเลือนรางเท่านั้น แต่ภาพที่เลือนรางนั้นมันกลับชัดเจนยิ่งกว่าความทรงจำไหนๆ ภาพที่ใครสักคนที่ชื่อเรนะกำลังแสดงสีหน้าเสียใจ

มิวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไร หรือเป็นอะไรกับตัวเธอ แต่ความเสียใจของเธอคนนั้นมันทำให้หัวใจของมิวบีบรัด

และคนคนนั้นก็หน้าตาเหมือนเรย์น่าที่อยู่ตรงหน้ามิวมากๆ ถึงจะจำไม่ได้ ถึงจะไม่เข้าใจ แต่มิวรู้ดีว่าเธอตรงหน้านี้ก็ปกป้องมิวมาตลอด

เธอไม่ยอมให้ตายหรอก ใครมันจะไปยอมกันล่ะ..

“มิว…”

เมื่อเห็นมิวปฏิเสธเสียงแข็งเรนะก็ได้แต่เงียบลงพร้อมกับมองหน้ามิวด้วยสีหน้าสับสนเล็กน้อย ทว่าช่วงเวลาแห่งการพิพากษานั้นมาเยือน

เพราะในพริบตาต่อมาเงาของอิกดร้าลอยอยู่เหนือหัวคนสองคน เท้าของมันยกขึ้นพร้อมที่จะเหยียบคนทั้งสองให้ตายคาเท้าของมัน

สีหน้าของเรนะไม่เปลี่ยนแปลง ภาพทุกอย่างราวกับไหลช้าลง.. เธอจับมิวเหวี่ยงออกด้านข้างเพราะตอนนี้มิวไม่มีแรงพอจะกระโดดหลบแล้ว

และเอาเข้าจริงตอนนี้เรนะก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ความเร็วหรือพลังในการต่อสู้มันเหนือกว่าเธอทุกอย่าง

ต่อให้หลบการโจมตีนี้ไปได้ เรนะก็ไม่รู้ว่าจะหลบครั้งต่อไป หรือชนะมันได้ยังไง ภาพสีหน้าเจ็บปวดเมื่อกี้ของมิวลอยขึ้นมาอีกครั้ง

รอยยิ้มขึ้นที่มุมปากของเรนะ..

“ไม่สิ.. เรย์น่า ฉันคือเรย์น่า..และฉัน..”

เธอกำลังดีใจ..ที่มิว คนที่เธอนับถือและไม่เคยคิดว่าจะมาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากนี้ด้วยกันกับคนที่เธอชอบ

เธอรู้ว่ามันขี้โกง เพราะเธอคนนั้นเสียความทรงจำ เธอคนนั้นไม่มีใครให้พึ่งพานอกจากเธอ

แต่บางทีหากไม่มาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ละก็ ช่วงเวลาที่ได้สนิทกับมิวขนาดนี้ ช่วงเวลาที่เธอทำสีหน้าเจ็บปวดขนาดนั้น

ในตอนที่เธอจะเสียสละตัวเอง แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ

คนที่เธอคิดว่าอยู่สูงกว่าจนตัวเองทำได้แค่ไล่ตาม ความแข็งแกร่งของเธอเพียงแค่โจมตีครั้งเดียวก็กวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าไปจนหมด

คนที่แข็งแกร่งในระดับที่ว่าต่อให้เรย์น่า ต่อให้เธอเก่งกว่านี้อีกสักร้อยเท่าก็คงไม่สามารถไปยืนเคียงข้าง ไม่สามารถไปร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยได้

อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย.. แต่การที่ได้มาอยู่ที่นี่ ได้ตกมาอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ เธอไม่ได้เกลียดมันขนาดนั้น….

เรย์น่ายิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขยิ่งกว่าอะไร นับตั้งแต่ที่เกิดมาบนโลกนี้ เธอกางแขนทั้งสองข้างออกอย่างผ่าเผยในจังหวะที่อิกดร้ากำลังทิ้งเท้าลงมา

ราวกับกำลังอ้าแขนรับเอาการโจมตีทุกอย่าง

อันที่จริงวิชาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีท่าหนึ่งที่รุนแรงและกำจัดทุกอย่างได้แน่ๆ แทนที่จะบอกว่าท่าหนึ่ง ต้องบอกว่ามันเป็นวิชาที่เรย์น่าคิดค้นขึ้นมาก่อนหน้านี้

เพราะมิวสูญเสียความทรงจำไปแล้ว เลยทำให้เรย์น่าคิดว่าในกรณีที่มิวความทรงจำกลับมาไม่ทันการบุกของปีศาจจิตมรณะ

เรย์น่าจะใช้ท่านี้ในการจัดการศัตรูแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม… เอาเถอะถึงต่อให้ใช้วิธีที่ทางโบสถ์เตรียมไว้ให้ก็เหมือนๆ กันก็ตามที

แต่นี่คือวิธีที่เธอคิดขึ้นมาเอง

การระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมานอกร่างรวดเดียว…! ตามหลักแล้วมันเป็นพลังแห่งความคิดที่ใช้ความคิดที่เหนือสามัญคนอื่นในการสำแดงฤทธิ์

ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้ามันระเบิดออกมาจากนอกความคิดมันก็เป็นอะไรไม่ได้นอกจากพลังงานธรรมดาที่ไม่มีความคิดมาควบคุม

แต่หากลองคิดดูดีๆ ละก็..

หากพลังงานระดับที่สามารถบิดเบือนแม้แต่ความจริงผ่านความคิดได้.. หากมันระเบิดออกมามันคงไม่ต่างจาก..

ระเบิดที่พังทลายได้แม้แต่ความเป็นจริงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามมองในอีกมุม… มันก็เหมือนกับการควักเอาความคิดตัวเองออกมาจากสมอง ซึ่ง..มันก็คือ.. ‘ความตาย’ ดีๆ นี่เอง

“ซึ่งนั่นหมายความว่า.. ต่อให้แกจะมีพลังป้องกันมากแค่ไหน หรือบาเรียที่กันได้ทุกอย่างก็ตาม ต่อหน้าสิ่งนี้ทุกอย่างนั้นล้วนไม่มีประโยชน์”

“เพราะพลังงานที่ออกมามันจะทำลายความจริงเท่านั้น”

“พร้อมจะตายพร้อมฉันหรือยังเจ้าบัดซบ”

เรย์น่าตะโกนออกมาพร้อมกับวินาทีถัดมาแสงสีขาวโพลนก็สว่างโร่ออกมาจากร่างของเธอ ทุกอย่างที่ว่ามาเกิดขึ้นเร็วมาก

อาจจะเป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บิดเบือนปฏิกิริยาตอบสนองของเรย์น่าให้เร็วขึ้นจนเธอเห็นทุกอย่างช้าลง

เลยทำให้วินาทีนี้ไม่ว่าจะแสงจากร่างของเธอก็ดี หรือการโจมตีจากอิกดร้าก็ช่าง ทุกอย่างมันช้าราวกับหยุดนิ่ง!!!