บทที่ 74 นั่งรถม้า

บทที่ 74 นั่งรถม้า

“ตกลงสาวน้อย ในเมื่อเจ้าต้องการจะซื้อ ข้าก็จะขายให้ ดูเหมือนว่าหิมะใกล้จะตกแล้ว ข้าเลยอยากปิดร้านและรีบกลับบ้านก่อน ดังนั้นเครื่องในหมูพวกนี้ข้าคิดแค่ยี่สิบเหรียญก็พอ” พูดจบก็ชี้ไปที่กระดูกที่เหลือ แล้วพูดว่า “นี่ กระดูกพวกนี้ก็เอาไปให้หมดเลย”

กู้เสี่ยวหว่านได้ยินว่ามีเครื่องในหมูมากมาย และยังมีกระดูกอีก ถึงแม้ว่าจะไม่มีเนื้อแล้ว แต่มันก็เป็นกระดูก กลับไปต้มน้ำแกงหัวไชเท้าแล้วดื่มมันก็คงจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นในฤดูหนาวนี้

แค่ยี่สิบเหรียญก็สามารถซื้อได้มากมาย กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุง!”

เด็กหญิงหยิบเงินขึ้นมาทั้งหมดสามสิบเหรียญแล้วมอบให้กับเถ้าแก่แผงขายหมู

หลังจากที่เถ้าแก่รับไปก็หยิบกระดาษไขสองสามแผ่นมาห่อเนื้อทั้งหมดไว้ มัดด้วยเชือกและส่งให้กู้เสี่ยวหวาน นางรับมันมาและโยนลงตระกร้า จากนั้นก็หมุนกายเดินจากไป

กู้เสี่ยวหวานซื้อแป้งข้าวเจ้าอีกเจ็ดสิบแปดสิบชั่งที่ร้านธัญพืชเฉิงซิ่น เมื่อเถ้าแก่เห็นลูกค้าขาประจำ จึงรีบชั่งแป้งข้าวเจ้าตามที่กู้เสี่ยวหวานต้องการ

กู้เสี่ยวหวานใส่ทุกอย่างลงในตระกร้า เดินผ่านร้านขายข้าวสารที่อยู่ตรงข้าม เมื่อเห็นเถ้าแก่ที่มีปากยื่นกำลังเป่าเคราและจ้องมองมาที่ตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงว่าในใจมีความสุขมากแค่ไหน

เมื่อมาถึงร้านขายผ้าจี๋เสียง คาดว่าหิมะใกล้จะตกอยู่เต็มทีแล้ว และภายในร้านไม่มีผู้ใด มีเพียงสะใภ้ฝูเท่านั้นที่ยุ่งอยู่ในร้านเพียงลำพัง

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเข้ามา สะใภ้ฝูก็รีบทักทายนางด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “สาวน้อย ข้ากำลังรอเจ้าอยู่พอดี เพราะรู้ว่าวันนี้เจ้าจะมารับมัน”

“ข้าอยากมารับเสื้อผ้านานแล้ว แต่เกรงว่าเถ้าแก่เนี้ยจะยังทำไม่เสร็จ ข้าเลยไม่กล้ามา” กู้เสี่ยวหวานมองดูเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งบนร่างกายของตนเอง นางต้องการเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าใหม่มานานแล้ว

“แน่นอน! สาวน้อย เจ้ารอก่อน ข้าจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้!” สะใภ้ฝูพูดจบก็เดินไปด้านหลังห้องโถง จากนั้นครู่หนึ่งนางก็หยิบถุงผ้าใบใหญ่ออกมาเปิดต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานหยิบชุดเสื้อผ้าซึ่งคาดว่าจะเป็นของกู้เสี่ยวอี้ออกมา มันมีขนาดเล็กและเย็บหนาแน่น ฝีมือดีมากจริง ๆ เสื้อผ้ายังปักด้วยดอกเหมยอันงดงามสองสามดอก ซึ่งมีสีขาวเหมือนหิมะ ทำให้เสื้อผ้าธรรมดาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

“เถ้าแก่เนี้ย งานปักของร้านท่านดีมาก”

“แน่นอน!” เมื่อมีคนชมเชยนางเกี่ยวกับฝีมือเย็บปักถักร้อย สะใภ้ฝูก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ครั้งเมื่อข้ายังเป็นเด็ก แม่ของข้าเคยเป็นช่างปักของศาลาซ่างอี้ในวัง!”

เป็นอย่างนี้นี่เอง! กู้เสี่ยวหวานเข้าใจได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่งานปักจะงดงามเพียงนี้ ที่แท้ก็เป็นช่างปักภายในวัง

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานชอบทักษะการปักเป็นพิเศษ นางจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าสองผืนส่งให้กู้เสี่ยวหวาน “สาวน้อย ผ้าเช็ดหน้าทั้งสองผืนนี้ข้าเป็นคนปัก เจ้าซื้อของหลายชิ้นในร้าน ข้าควรจะมอบให้เจ้า”

เมื่อเห็นสะใภ้ฝูใส่ผ้าเช็ดหน้าลงในถุงผ้า กู้เสี่ยวหวานจึงปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เถ้าแก่เนี้ย ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ!”

“รับไปเถอะ!” เมื่อเห็นท่าทางสุภาพของกู้เสี่ยวหวาน สะใภ้ฝูก็เกลี้ยกล่อมนางอีกครั้ง “นี่เป็นเรื่องง่าย ๆ อีกทั้งยังราคาไม่แพง ทำไมถึงรับไม่ได้กันล่ะ!”

“พ่อของข้ามักจะเตือนพี่น้องของเราว่าอย่าเอากำไรที่ได้มาโดยมิชอบ” กู้เสี่ยวหวานพูด แท้จริงแล้วความเชื่อในชีวิตของนางคือการรับสิ่งของของผู้อื่นมาโดยมิชอบ

เมื่อเห็นท่าทางปฏิเสธของกู้เสี่ยวหวาน สะใภ้ฝูจึงปฏิบัติต่อนางในวิธีที่ต่างออกไป

หลายคนมาหานางเพื่อซื้อเสื้อผ้าฝีมือของนาง แม้ร้านเสื้อผ้าของนางจะไม่ได้อยู่บนถนนสายหลักที่พลุกพล่าน แต่ผู้คนจำนวนมากที่มาที่นี่ล้วนเป็นคนมีฐานะดี คนร่ำรวยและน่านับถือ แม้กระทั่งภรรยาและหญิงสาวจากครอบครัวที่ร่ำรวย เมื่อพวกเขามาหานาง พวกเขาจะหยิบผ้าเช็ดหน้าไปสองสามผืนทุกครั้ง

แม้เด็กหญิงที่อยู่ข้างหน้ายังเด็กและยากจน แต่นางก็มีศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก

“สาวน้อย ครั้งแรกที่ข้าเจอเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าเป็นน้องสาวจริง ๆ หลังจากติดต่อกับเจ้าสองครั้งก็ได้กลายเป็นความผูกพัน อย่าเรียกข้าว่าเถ้าแก่เนี้ยเลย ทุกคนเรียกข้าว่าสะใภ้ฝู ถ้าเจ้าไม่ชอบ ก็เรียกข้าว่าพี่ฝูก็ได้” พี่ฝูชื่นชอบเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าตนเองอย่างมาก

“ตกลงพี่ฝู” กู้เสี่ยวหวานตอบด้วยรอยยิ้ม นางแต่งตัวแบบนี้เข้าไปในร้านเสื้อผ้านอกจากไม่ถูกไล่ออกมา กลับยังได้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ถือว่าได้เจอคนที่ดี

“สาวน้อย เจ้าแซ่อะไร? แล้วอาศัยอยู่ที่ไหน?”

“ข้าแซ่กู้ มาจากหมู่บ้านอู๋ซี”

“สาวน้อยกู้ ครอบครัวของเจ้าไปไหน? ขนของเยอะขนาดนี้เลยหรือ? หิมะกำลังจะตกแล้ว” พี่ฝูพูดพลางชี้ไปที่ของในตะกร้า

เมื่อเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้สองครั้งติดต่อกัน ครั้งแรกที่นางพาน้องชายมา และครั้งที่สองที่นางมาคนเดียว นางฝูก็สงสัยมากว่าผู้ใหญ่ในครอบครัวไปไหนหมด เด็กสาวซื้อของมากขนาดนี้แล้วจะกลับอย่างไร เพราะหิมะใกล้ตกแล้ว

“ไม่เป็นไรพี่ฝู ข้าจะคิดหาทางแก้ไขในภายหลังเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประทับใจเมื่อเห็นคนแปลกหน้าดูแลนาง แต่ไม่ได้เอ่ยในเรื่องที่พ่อแม่ของนางจากไปแล้ว นางรู้สึกไม่คุ้นเคยในตอนแรก และไม่ไว้ใจใคร แต่จะให้รู้สึกอุ่นใจเพียงได้ยินสองคำ กู้เสี่ยวหวานก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“เอาอย่างนี้ไหม ลูกพี่ลูกน้องของข้าไปส่งสินค้าที่ต่าง ๆ ในวันธรรมดา ไม่อย่างนั้นข้าจะให้เขาไปส่งสินค้าให้เจ้าทีหลัง?”

ส่งสินค้า? น่าจะเป็นเกวียนม้าหรือเกวียนวัว ไม่รู้ราคาเท่าไร! กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัยในใจว่า แม้ว่านางจะทำเงินได้เพียงเล็กน้อย แต่นางมีครอบครัวใหญ่และนางยังเด็ก ดังนั้นนางจะต้องใช้เงินในอนาคต

เมื่อเห็นท่าทางลังเลของกู้เสี่ยวหวาน สะใภ้ฝูก็ดูเหมือนจะเดาได้ว่ากู้เสี่ยวหวานลังเลที่จะเสียเงิน ดังนั้นนางจึงเกลี้ยกล่อม “สาวน้อยกู้ ไม่ต้องกังวล ข้าจะบอกลูกพี่ลูกน้องของข้าในภายหลังว่าให้เขาพาเจ้าไปที่หมู่บ้านอู๋ซี และคิดเงินแค่สิบเหรียญเท่านั้น เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

สิบเหรียญ!

กู้เสี่ยวหวานครุ่นคิดในใจ แล้วมองดูเส้นบะหมี่น้ำหนักหลายสิบชั่งและถุงผ้าใบใหญ่

หากนางถูกทิ้งให้กลับตามลำพัง นางคงจะไม่สามารถไปกลับถึงบ้านได้ก่อนจะมืดและตอนนี้หิมะก็ใกล้จะตกแล้ว หากหิมะตกใส่แป้งและเสื้อผ้าใหม่ คงจะไม่คุ้มเสียเลยจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานคิดในใจ กัดฟันและพยักหน้า “ตกลง!”

…………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เจอคนใจดีแบบนี้ก็ถือว่าโชคดีอยู่นะคะ

ไหหม่า(海馬)