ตอนที่ 48 คนน่ารำคาญ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 48 คนน่ารำคาญ

ทันทีที่นางย้ายก้อนหินซึ่งปิดปากถ้ำไว้ออก จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งกระโจนออกมาจากในนั้น ทำให้นางตกใจจนเกือบทำกระต่ายหลุดมือ

หลังจากที่เห็นร่างนั้นอย่างชัดเจนแล้วนางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เจ้าฟื้นตัวได้เร็วมาก ! แม้จะมีเพียงสามขาก็ยังสามารถวิ่งได้เร็วเพียงนี้ !

เจ้าหมาป่าทำจมูกฟุตฟิตเล็กน้อย เนื่องจากขาหน้าของมันหักจึงเดินกะเผลกเข้าไปในพุ่มไม้ หลินเว่ยเว่ยเดาว่ามันคงอยากปลดทุกข์ ! และที่มันกระโดดพรวดพราดออกมาเมื่อครู่คงเพราะอั้นไม่ไหวแล้ว ! ช่างเป็นหมาป่าที่รักความสะอาดเหลือเกิน แม้บาดเจ็บถึงเพียงนี้ก็ไม่ยอมขับถ่ายในถ้ำที่ใช้อาศัย

หลินเว่ยเว่ยโยนกระต่ายในมือไปตรงหน้าเจ้าหมาป่าซึ่งมันก็ฉีกเนื้อกระต่ายตัวหนึ่งกินอย่างโหดเหี้ยม ส่วนอีกตัวก็คาบไว้ในปากและเตรียมกลับเข้าไปในถ้ำ

มานี่สิ ข้าจะช่วยดูอาการบาดเจ็บให้ ! หลินเว่ยเว่ยกวักมือเรียกมันเหมือนเรียกสุนัขตัวน้อย

หมาป่าจ้องนางด้วยดวงตาสีเหลืองอำพันเป็นเวลานาน มันนอนอยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำโดยไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด

ในเมื่อเจ้าไม่มาหา เช่นนั้นข้าก็จะไปหาเจ้าเอง ! หลินเว่ยเว่ยเดินมาที่ปากถ้ำซึ่งหมาป่าก็ยังไม่ยอมขยับ ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันยังจับจ้องมาที่นางไม่วางตา แววตาของมันมีท่าทีเตรียมพร้อมตลอดเวลา แต่ไร้ทีท่าว่าจะโจมตีนางแม้แต่น้อย

นางเริ่มโดยการเทน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณลงในร่องก้อนหินหน้าปากทางเข้าถ้ำ ตอนนี้ความสนใจของหมาป่าถูกดึงดูดโดยน้ำพุวิญญาณ จากนั้นนางก็คว้าไปที่หนังคอของมันอย่างรวดเร็วแล้วสำรวจแผลบริเวณนั้น บาดแผลของมันเริ่มตกสะเก็ดแล้ว นางจึงใช้น้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณมาล้างแผลให้ จากนั้นก็ประคบสมุนไพรที่บดละเอียดลงไปเพื่อลดการอักเสบ

ตอนที่นางใส่ยาให้มัน เจ้าหมาป่าที่ถูกคว้าหนังคอไว้ได้ชำเลืองมองนางคล้ายกำลังหงุดหงิด แต่ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีนาง

หลินเว่ยเว่ยสำรวจอาการบาดเจ็บที่ขาหน้าของมันอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามันหายดีแล้วจึงไม่ยุ่งกับบริเวณนั้นอีก เอาล่ะ พักผ่อนฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้ดี แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเอาของกินมาให้ใหม่ ! กล่าวจบนางก็ย้ายก้อนหินกลับมาปิดปากถ้ำดังเดิม

ระหว่างทางกลับนางก็มายังต้นชิงที่เคยมาเก็บคราวก่อน จากนั้นนางก็เก็บมันจนเต็มกระบุง ตอนที่เดินขึ้นเขามานางเฝิงได้เล่าให้หลินเว่ยเว่ยฟังว่าทำผลไม้อบแห้งเป็นจึงอยากให้หลินเว่ยเว่ยช่วยเก็บมาให้หน่อยแล้วจะเอาไปทำเป็นผลไม้อบแห้งให้ ซึ่งผลไม้อบแห้งของนางเฝิงสามารถเก็บในที่เย็นและอากาศถ่ายเทได้นานหลายเดือน !

หลินเว่ยเว่ยได้พบสถานที่ร่มรื่นอีกแห่งบนภูเขา ละแวกนี้มีตาน้ำผุดขึ้นมาจากผิวดินซึ่งเป็นตาน้ำที่ยังไม่ได้ก่อตัวเป็นลำธาร พื้นดินบริเวณนี้จึงชุ่มฉ่ำเป็นอย่างมาก ทำให้มีเจวี๋ยไช่1ขึ้นเป็นจำนวนมาก นางจึงสำรวจอย่างละเอียด หลังจากมั่นใจว่าบริเวณนี้ไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่านางจึงเดินนำทุกคนเข้าไป

ไอหยา ! ที่นี่คือแดนสมบัติชัด ๆ ! แม้สภาพอากาศแห้งแล้งเพียงนี้แต่มีเจวี๋ยไช่ขึ้นเต็มไปหมด สมแล้วที่นางเฝิงเป็นยอดฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อยเพราะมือของนางสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ในระหว่างที่กล่าวนางก็เก็บเจวี๋ยไช่มาได้กำใหญ่

เจวี๋ยไช่เป็นของดี ไม่ว่านำมาผัดหรือยำล้วนให้รสชาติอร่อยและสดชื่น หากนำมาตากแห้งก็สามารถเก็บไว้ทานได้อีกหลายเดือน !

หลิวเสี่ยวอิงก็เก็บเจวี๋ยไช่ไปด้วย แต่ในขณะเดียวกันนางก็ค่อย ๆ แอบย่องมาที่ข้างตัวของหลินเว่ยเว่ยพร้อมยื่นหน้ามาดูจึงพบว่ากระบุงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยของดี นางจึงเกิดอาการอิจฉา เจ้าบอกจะไปดูว่ารอบ ๆ นี้มีสัตว์ป่าหรือไม่ ข้าคิดว่าเจ้าจงใจทิ้งพวกเราไว้ที่นี่แล้วแอบไปหาของดีเพื่อเก็บไว้ทานคนเดียวเสียมากกว่า เมื่อเก็บจนพอแล้วจึงได้มาเรียกพวกเรามาใช่หรือไม่ ?

หลินเว่ยเว่ยกำลังเก็บเจวี๋ยไช่หนึ่งกำใส่ในกระบุงของนางหวง พอได้ยินเช่นนั้นจึงตอบพร้อมรอยยิ้ม หากข้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดคืออยากเก็บของดีไว้คนเดียว เหตุใดข้าต้องพาพวกเจ้าขึ้นมาบนภูเขาด้วย ? เพราะท่านแม่ของข้าใจดี ไม่อยากเห็นเพื่อนบ้านต้องอดอยากในช่วงปีแห่งภัยพิบัตินี้จึงให้ข้าพาทุกคนขึ้นมา แต่ในเมื่อมีคนไม่พอใจ เหตุใดข้าต้องทำเรื่องที่เปลืองแรงเช่นนี้อีก ? สู้ข้านอนอยู่บ้านสบายใจเฉิบไม่ดีกว่าหรือ ? ท่านแม่เจ้าคะ พวกเราลงเขากันเถิด ! พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้ว !

อย่า อย่านะ ! สะใภ้ตระกูลจางรีบเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ทันที เจ้าพาพวกเราขึ้นมาเก็บผักป่าบนภูเขา แค่นี้พวกเราก็เกรงใจมากแล้ว เหตุใดพวกเราต้องไม่พอใจเจ้าด้วย ? เสี่ยวอิง เจ้ารีบขอโทษนางเดี๋ยวนี้ !

ใช่แล้ว ขอโทษนางเสีย ! เจ้าไม่สนใจผักป่าพวกนี้ แต่พวกข้าต้องฝากชีวิตไว้ที่มัน ! อย่าทำให้พวกข้าต้องลำบากไปด้วย ! ! เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนอื่นก็พากันส่งสายตาตำหนิไปยังหลิวเสี่ยวอิงแล้วเร่งเร้าให้นางขอโทษหลินเว่ยเว่ย

หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกอัดอั้นจนอยากร้องไห้ออกมา ! ครอบครัวของนางให้ความสำคัญต่อบุตรชายมากกว่าบุตรสาว หลิวเสี่ยวอิงจึงไม่ค่อยได้รับความรักจากครอบครัวสักเท่าไร เช่นนั้นนางคงไม่ถูกครอบครัวผลักให้ขึ้นเขามาเสี่ยงอันตรายเช่นนี้หรอก หากคนที่บ้านรู้ว่านางทำให้หลินเว่ยเว่ยไม่พอใจจนไม่สามารถขึ้นมาเก็บผักป่าบนภูเขาได้อีก มีหวังว่ามารดาได้ตีนางตายแน่ !

ใบหน้าของนางแดงก่ำ ดวงตาก็รื้นไปด้วยน้ำใส บัดนี้นางสะอื้นพร้อมกล่าวว่า เสี่ยวเว่ย ข้าคนนี้พูดไม่เก่ง เจตนาของข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดจึงทำให้คำที่เอ่ยออกมาไม่น่าฟัง เจ้าอย่าโกรธข้าได้หรือไม่ ?

หลินเว่ยเว่ยยังเก็บเจวี๋ยไช่ต่อไป จากนั้นจึงหันไปมองที่นางแล้วกล่าวว่า เจ้ามาขอโทษผู้อื่นทั้งที่ทำหน้าตาราวกับโดนรังแกเช่นนี้หรือ ? หากผู้ใดไม่รู้ก็คงคิดว่าข้ารังแกเจ้าเป็นแน่ ! ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีเจตนาหรือไม่ แต่เมื่อเจ้าพูดผิดก็ควรขอโทษจากใจจริง มิใช่ทำเช่นนี้เพื่อโยนความผิดมาให้ข้า !

หลิวเสี่ยวอิงจึงร้องไห้โฮออกมาทันที ข้าขอโทษเจ้าแล้ว เจ้ายังอยากให้ข้าทำสิ่งใดอีก ? หรือเจ้าอยากบีบให้ข้าตายเสียตอนนี้เลย ?

เฮอะ ! เหตุใดข้าต้องอยากบีบให้เจ้าตาย ? แน่จริงเจ้าก็ให้พวกท่านน้าท่านป้ากับพวกพี่สาวเหล่านี้วิจารณ์สิว่าคำกล่าวเมื่อครู่ของข้าผิดตรงไหน ? ในเมื่อเจ้าไม่ได้ขอโทษจากใจจริง ทั้งยังมาใส่ร้ายว่าข้าอยากบีบบังคับให้เจ้าตายอีก ! ดูเหมือนว่าหากในอนาคตข้าเจอเจ้าที่ใด ข้าต้องอยู่ห่างไว้ให้มาก ! เช่นนั้นหากข้าเผลอมองหน้าเข้าให้เจ้าก็อาจกล่าวหาว่าข้า ‘บังคับข่มขู่’ !

หลินเว่ยเว่ยหมดคำที่จะถากถางแม่สาวน้อยผู้นี้เสียจริง ตอนแรกก็มาใส่ร้ายว่านางคิดเก็บของดีไว้เพียงผู้เดียว พอผ่านไปสักพักก็มาใส่ร้ายว่าบีบบังคับอยากให้ตาย ! นี่คือหาเรื่องผิดคนแล้วหรือไม่ ?

เจ้าหมายความว่าอย่างไร ? หลิวเสี่ยวอิงตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย ข้ายอมรับผิดแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ ? เช่นนั้นข้าจะคุกเข่าให้เจ้า ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย ครั้งหน้าพาข้ามาด้วยเถิด ! ที่บ้านของข้ามีเด็กมากมาย ท่านพ่อก็สุขภาพไม่ดี กระดูกเริ่มไม่แข็งแรงแล้ว หากไม่เก็บผักป่าไปทำผักตากแห้ง ครอบครัวของข้าคงได้หิวตายในฤดูหนาวนี้เป็นแน่ !

ขณะที่พูดนางก็โผเข้าหาหลินเว่ยเว่ยเพื่อเตรียมคุกเข่าพลางก้มหัวลงคำนับ ทว่าหลินเว่ยเว่ยหลบได้ทันพอดิบพอดี ผู้ใดบอกให้เจ้ามาก้มหัวให้ข้า ? ท่าทีของเจ้าทำราวกับข้าเป็นคนแล้งน้ำใจ ! เจ้าบอกว่าทำผิดแต่เอ่ยด้วยความไม่จริงใจ เช่นนั้นผู้อื่นต้องยกโทษให้เจ้าด้วยหรือ ? แล้วผู้ที่ไม่ยกโทษให้ก็จะกลายเป็นคนที่บีบบังคับให้เจ้าตายหรือทำให้ครอบครัวเจ้าต้องอดตายสิท่า อย่าเอาคุณธรรมเหล่านี้มาบีบบังคับข้า เพราะข้าเป็นคนโง่ให้ผู้อื่นเหยียบย่ำมานานสิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะสนใจว่าผู้อื่นมองหรือรู้สึกกับข้าเช่นไรด้วยหรือ ? หลิวเสี่ยวอิง เจ้าไปเถิด ! รีบไปเดี๋ยวนี้ ! ไสหัวไป ! อย่าให้ข้าต้องเห็นหน้าเจ้าอีก ! !

นางหวงดึงชายเสื้อของบุตรสาวไว้ แม้ว่าในใจก็โกรธมากแต่ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นเพื่อนบ้านกันทั้งนั้น…

ในแววตาของนางเฝิงเผยให้เห็นความเย็นชาออกมา แม้ว่าบนใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มแต่ในใจไม่ยิ้ม หลิวเสี่ยวอิง คนเรามักทำผิดพลาดได้เสมอ แต่เมื่อรู้ว่าตนผิดก็ต้องรู้จักแก้ไขจึงจะได้รับการให้อภัยจากผู้อื่น แม้ว่าเจ้าร้องห่มร้องไห้แล้วตะโกนว่าตนผิด แต่เจ้าไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำผิดตรงไหน ทั้งคำพูดคำจาของเจ้ายังแฝงด้วยการบังคับขู่เข็ญ เช่นนี้มีแต่ทำให้คนฟังไม่พอใจยิ่งขึ้น !

หลิวเสี่ยวอิงไม่อยากสร้างภาพจำที่ไม่ดีให้แก่นางเฝิง บัดนี้นางจึงร้องไห้พลางหันไปก้มหัวยอมรับกับหลินเว่ยเว่ย ปากก็พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตนทำผิด แต่ไม่ยอมบอกว่าทำผิดอันใด อีกทั้งยังร้องไห้ราวกับว่าตนได้รับความไม่เป็นธรรมเสียอย่างนั้น

1 เจวี๋ยไช่ คือ ผักกูด

ตอนต่อไป