ตอนที่ 28

The simple life of the emperor

เทียนหลางขับรถไปยังเขตน่านชิงพร้อมกับคิดถึงเรื่องของแก๊งมังกรเขียว การที่เขานั้นจะถล่มแก๊งมังกรเขียวด้วยตัวคนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่เรื่องที่จะตามมาทีหลังนี่สิอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเขายุ่งยากมากขึ้น

ถ้าหากจะทำลายก็ต้องขุดรากและถอนโคนออกมาไม่ให้เหลือแม้แต่เศษดินนี่คือสิ่งที่คนที่เป็นศัตรูกับเขาจะต้องเจอ เทียนหลางเป็นพวกโหดร้ายกับฝ่ายตรงข้ามและยิ้มแย้มกับมิตรอยู่เสมอ

ไม่นานนักเทียนหลางก็เข้าสู่เขตน่านชิง เขตจิงไห่กับเขตน่านชิงนั้นอยู่ไม่ห่างกันมากนักทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
(เขตจิงไห่เป็นเขตหลักของเมืองจิงไห่นะครับ ใครงงนะครับหากเทียบเขตจิงไห่ก็เหมือนอนุสาวรี น่านชิงก็เหมือนกับรังสิต อะไรแบบนี้)

ระหว่างทางเทียนหลางก็ถามทางไปยังคลับทุยห่ายกับชาวบ้านแถวนั้นซึ่งน่าแปลกใจที่ผู้คนในเขตน่านชิงนั้นรู้จักคลับทุยห่ายและดูเหมือนแก๊งมังกรเขียวจะไม่ได้ปิดบังสถานที่กบดานของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

จากที่เทียนหลางถามคนแถวนั้นก็พบว่าเขตน่านชิงนั้นเป็นพื้นที่ที่แก๊งมังกรเขียวนั้นครอบครองอยู่ดังนั้นเขตน่านชิงก็เปรียบเสมือนบ้านของพวกแก๊งมังกรเขียวนั่นเองจึงทำให้พวกมันไม่จำเป็นจะต้องปิดบังสถานที่กบดานแม้แต่น้อย

เพราะแม้แต่ตำรวจในเขตน่านชิงก็ยังเกรงกลัวและไม่กล้ายุ่งกับพวกแก๊งมังกรเขียว มิหนำซ้ำตำรวจเหล่านั้นยังรับสินบนจากแก๊งมังกรเขียวเพื่อช่วยกลบเกลื่อนเรื่องผิดกฏของพวกนั้นอีกด้วย เทียนหลางถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นพึมพำ

”ดูเหมือนตำรวจผู้ตงฉินอย่างผู้หมวดสาวคนนั้นคงหาได้ยากในยุคสมัยแบบนี้”

เทียนหลางได้แต่บ่นพึมพำและไม่สามารถทำอะไรได้เพราะแม้แต่เขาในอดีตก็ยังเคยรับสินบนในการช่วยเหลือคนคนหนึ่งจากการตามล่าของสิบสองพรรคปฐพี ดังนั้นเขาจึงไม่มีหน้าที่จะไปว่าคนเหล่านี้เพราะถ้าหากสิ่งล่อลวงมากพอก็ยากที่จะหลุดพ้น

ระหว่างทางเทียนหลางก็แวะร้านเสื้อสูทเพื่อซื้อสูทถูก ๆ สักชุดเพราะถ้าหากเขาเข้าไปในรังของแก๊งมังกรเขียวด้วยชุดนักเรียนคงจะเป็นเรื่องแปลก ๆ

ไม่นานนักเทียนหลางก็ขับรถมาถึงคลับทุยห่าย เทียนหลางจอดรถที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเพื่อสำรวจรอบ ๆ สถานที่และพบว่าคลับทุยห่ายนั้นเป็นคลับที่ใหญ่ไม่แพ้กับคลับดัง ๆ ของเขตจิงไห่เลย

เทียนหลางสังเกตุว่าด้านหน้ามีคนเฝ้าอยู่สองสามคนซึ่งดูแล้วพวกนี้เหมือนจะมีอาวุธอยู่ด้วย

เทียนหลางยิ้มก่อนจะเดินออกจากร้านและตรงไปคลับทุยห่าย เมื่อมาถึงเทียนหลางก็ถูกห้ามไว้โดยพวกที่เฝ้าอยู่ด้านหน้า

”หยุด ! ตอนนี้คลับยังไม่เปิด แกมีธุระอะไร ?”

”ใจเย็นพี่ชาย ผมแค่มีธุระกับคนที่คุมที่นี้นิดหน่อย”

”มีธุระกับพี่ซ่านงั้นเหรอ ?”

”ครับ พอดีว่าผมเป็นนายหน้าของเขตจิงไห่และดูเหมือนว่าพี่ซ่านของพี่ชายจะสนใจพื้นที่บางที่ในเขตจิงไห่ หัวหน้าของผมเลยให้ผมมาเจรจาซื้อขายหน่ะครับ”

เมื่อพวกเขาได้ยินคำโกหกคำโตของเทียนหลาง พวกนั้นก็หันหน้าไปพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่คนหนึ่งจะหยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรไปยังเบอร์หนึ่ง หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักชายคนที่พูดคุยกับเทียนหลางก่อนหน้านี้ก็พูดขึ้น

”ดูเหมือนน้องชายจะเป็นนายหน้าขายที่จริง ๆ เอาหล่ะตามพี่ชายมา พี่ชายจะพาไปหาพี่ซ่าน”

เทียนหลางเดินตามชายคนนั้นเข้าไปในคลับ เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พยักหน้าพึ่งพอใจเล็กน้อยกับการตกแต่งของที่นี้ มันดูดีมีระดับมากเลยทีเดียวผมแล้วที่เป็นแหล่งมั่วสุมของแก๊งมังกรเขียวที่เป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่ของเมืองจิงไห่

”ที่นี้ดูหรูหรามากกว่าคลับธรรมดามากเลยนะครับ”

เทียนหลางอดที่จะชมออกมาไม่ได้ เมื่อได้ยินคำชมชายที่นำหน้าเทียนหลางอยู่ก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”แน่นอนอยู่แล้วน้องชาย คลับทุยห่ายของพวกเรานั้นเป็นหนึ่งในคลับที่ดีที่สุดของเมืองจิงไห่เลยนะ ทุกๆ วันจะมีพวกคนมีเงินนำเงินมาลงกับพวกเราหลายสิบคนเลยหล่ะ และแน่นอนว่าคลับของพวกเราการันตีเรื่องความปลอดภัยด้วยไม่มีการทะเลาะวิวาทกันภายในคลับอย่างแน่นอน”

เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับเดินตามชายคนนั้นไปยังชั้นสามของคลับซึ่งเป็นที่อยู่ของพี่ซ่านที่ชายคนนั้นพูดถึง

”ผมพานายหน้ามาแล้วครับพี่ซ่าน”

เมื่อเข้ามาชายคนนั้นก็แนะนำตัวเทียนหลางทันทีก่อนจะออกไป เทียนหลางมองรอบ ๆ ห้องก็พบว่าในห้องนั้นมีผู้คนอยู่ไม่น้อยและบางคนก็กำลังนัวเนียกับเด็กสาวอยู่ด้วยจากที่ดู ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะเป็นแกนหลัง หรือหัวหอกของแก๊งมังกรเขียว

และศูนย์กลางของห้องก็มีชายผมทองที่มีรอยสักมังกรสีเขียวที่อกกำลังดื่มเหล้าอยู่ เขามองเทียนหลางเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”นั่งสิ”

เขากล่าวออกมาง่าย ๆ เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับมองหาเก้าอี้ที่ว่างอยู่เพื่อนั่งลง เมื่อเทียนหลางนั่งลงชายคนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง

”ฉันคือซ่านฉิน หัวหน้าแก๊งมังกรเขียว หลายๆคนเรียกฉันว่าพี่ซ่าน ได้ยินว่านายเป็นนายหน้าขายที่ในเขตจิงไห่ที่ฉันเคยติดต่อไปเมื่อครั้งก่อนสินะ”

”ใช่ครับ”

เทียนหลางพยักหน้า ซ่านฉินได้รับคำยินยันของเทียนหลางเขากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย

”ฉันก็ดีใจนะที่นายมาแต่น่าเสียดายที่นายมาช้าไป พวกลูกน้องของฉันนั้นได้จัดการเรื่องนี้ไปแล้วและดูเหมือนว่าไม่ช้าเจ้าของที่นั้นก็จะขายที่ให้ฉันแล้ว และดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องใช้บริการของสำนักงานนายหน้าของพวกนายแล้ว”

เทียนหลางได้ยินก็นึกถึงเรื่องของถังหยาน เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

”แย่หน่อยนะครับ เพราะเขตจิงไห่ของเรานั้นก็มีกฏของเราเช่นเดียวกัน ในเมื่องลูกน้องของคุณได้ไปจัดการแล้วดังนั้นเรื่องค่าเสียหายและค่าทำขวัญคุณก็คงจะเป็นต้องรับผิดชอบในฐานะที่คุณเป็นหัวหน้าของคนเหล่านั้น”

เมื่อซ่านฉินได้ยินคำพูดของเทียนหลาง เขาก็ทำหน้าบูดบึ้งทันทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

”รับผิดชอบ ? นี่แกจะพูดอะไร ?”

เทียนหลางลุกขึ้นพร้อมกับขยับเนคไทเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพร้อมกับนับนิ้วมือ

”ก็ค่ารักษาพยาบาลของคนที่ลูกน้องคุณไปทำร้าย ค่าเสียหายของสถานที่ที่ยังสร้างไม่เสร็จ ค่าอุปกรณ์ที่ชำรุด ค่าทำขวัญ และก็เงินปลอบใจ”

เทียนหลางร่ายรายการที่ต้องการให้ซ่ายฉินออกมายาวเหยียด เมื่อซ่านฉินได้ยินก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้น

”และแกจะให้ฉันจ่ายเท่าไหร่หล่ะ ?”

”ดีจริง ๆ ที่คุณซ่านฉินเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย จำนวนที่คุณจะต้องจ่ายก็คือเท่านี้ครับ”

เทียนหลางพูดจบก็ชูนิ้วขึ้นมาห้านิ้ว ซ่านฉินเห็นก็พูดขึ้น

”ห้าแสนงั้นเหรอ ? จะไม่มากไปหน่อยเหรอ ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็ส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะ

”ผิดแล้วครับ ห้าล้านต่างหาก นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องจ่ายครับคุณซ่านฉิน”

เมื่อซ่านฉินได้ยินเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ผุดขึ้นมาทันทีพร้อมกับใบหน้าที่กำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะเมื่อกี้ กลายเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธแม้แก๊งมังกรเขียวจะเป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่ของเมืองจิงไห่และมีรายได้ต่อปีมากกว่าร้อยล้านแต่การที่อยู่ ๆ จะมีคนนึงเดินเข้ามาในบ้านของเขาและมาขอเงินเขาดื้อ ๆ ห้าล้านนี่ไม่เป็นการตบหน้าและดูถูกเหยียดหยามเขาอย่างงั้นเหรอ ?

ซ่านฉินมองเทียนหลางด้วยตาแดงก่ำก่อนจะหยิบโทรศัพขึ้นมาและโทรไปยังเบอร์หนึ่ง ไม่นานนักเทียนหลางก็ได้ยินเสียงผู้คนมากมายเดินเข้ามาในคลับพร้อมกับอาวุธครบมือ เทียนหลางมองเหตุการณ์ข้างนอกพร้อมกับพูดขึ้น

”ดูเหมือนคุณซ่านฉินจะไม่เต็มใจที่จะจ่ายค่าเสียหายสินะครับ”

”และฉันดูเหมือนพวกชอบจ่ายค่าเสียหายรึไง ?”

ซ่านฉินพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะ เทียนหลางถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้น

”เช่นนั้นผมคงต้องบังคับให้คุณให้จ่าย”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็หายไปจากสายตาของซ่านฉินทันที ซ่านฉินตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมากแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หายตกใจเขาก็รู้สึกมาว่าบางคนมาจับแขนของเขา เมื่อเขามองดูดี ๆ ก็พบว่าเทียนหลางนั้นกำลังจับแขนของเขาอยู่

เทียนหลางยิ้มพร้อมกับเหวี่ยงซ่านฉินใส่กระจก

เพล๊ง !!

กระจกของห้องแตกออกพร้อมกับร่างของซ่านฉินร่วงลงสู่ชั้นหนึ่ง

พลั๊ก !

ร่างของซ่านฉินร่วงลงกระแทกพื้นท่ามกลางลูกน้องนับร้อยพร้อมเสียงของซ่านฉินอวดครวญอยู่บนพื้นของชั้นหนึ่งเทียนหลางเฝ้ามองซ่านฉินจากชั้นสามก่อนจะพูดขึ้น

”คุณซ่านฉินเต็มใจที่จะจ่ายค่าเสียหายรึยังครับ ?”

ซ่านฉินลุกขึ้นด้วยท่าทียากลำบากก่อนจะตะโกนเสียดัง

”ฆ่ามัน !”

เมื่อพูดจบเหล่าลูกสมุนของแก๊งมังกรเขียวก็กรูกันขึ้นมาที่ชั้นสาม เทียนหลางที่ได้ยินก็ถอนหายใจ

”ดูเหมือนคุณซ่านฉินจะยังไม่ยินยอม เช่นนั้นผมจะไปบีบมาจากคุณเอง”

เทียนหลางพูดจบก็หันกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับเตะเข้าที่ซี่โครงของชายคนหนึ่งที่อยู่ในห้อง ก่อนจะหันไปเตะก้านคออีกคนจนกระเด็นติดพนังต่อมาก็ตามดูเสียงกรีดร้องของเด็กสาว แต่เทียนหลางหาได้สนใจเขายังคงเดินหน้าเตะลูกน้องของซ่านฉินต่อไป

เปรี้ยง เปรี้ยง

เสียงหน้าแข้งกระทบกับเนื้อหนังดังไปทั่วห้องพร้อมกับร่างที่ลอยละลิ่วของลูกน้องของซ่านฉิน

ปัง !

ไม่นานนักเสียงของประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมกับลูกน้องของซ่านฉินที่วิ่งกันเข้ามาพร้อมกับอาวุธครบมือ เทียนหลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวิ่งเข้าใส่พร้อมกับเตะคนหน้าสุดออกไป

เทียนหลางจัดการลูกน้องของซ่านฉินที่ดาหน้าเข้ามาทีละคน ๆ จนมาถึงชั้นสองแต่ก็ดูเหมือนว่าลูกน้องของซ่านฉินจะไม่น้อยลงเลย เทียนหลางถอนหายใจพร้อมกับบ่นในขณะที่กำลังเตะเอวคนข้างหน้าอยู่

”ก็สมกับเป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่อะนะ ลูกน้องเยอะจริง ๆ”

เทียนหลางขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย

”แต่จากที่เล่าจิงบอกเห็นว่ามีลูกน้องนับพันไม่ใช่เหรอ ? แต่ทำไมดูมีแค่ไม่กี่ร้อยเอง”

เทียนหลางเลิกคิดถึงเรื่องจำนวนคนเขาค่อย ๆ จัดการไปทีละคนสองคนอย่างใจเย็น ในขณะนั้นโทรศัพของเทียนหลางก็ดังขึ้นเทียนหลางรับอย่างใจเย็นในขณะที่กำลังเตะขาของชายคนหนึ่งจนหัก

”ฮัลโหล ?”

”นายอยู่ที่ไหนเทียนหลาง ?”

เสียงหนึ่งถามขึ้นและเอ่ยถามถึงที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้แต่ด้วยที่นี้นั้นเสียงดังทำให้เทียนหลางได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

”ผมอยู่ที่เขตน่านชิง เธอมีอะไรกับผมงั้นเหรอหลินเสวี่ย ?”

”ฉันจะถามนายว่าวันเสาร์ว่างรึเปล่า”

”วันเสาร์ ? ผมไม่มีธุระอะไรหรอกนะ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ?”

”มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายช่วย”

”โอเค เข้าใจแล้ว”

เทียนหลางตอบกลับพร้อมกับหักแขนคนตรงหน้าด้วยมือข้างเดียว

อ๊ากกกกก

”เสียงอะไรหน่ะ ?”

เสียงร้องของชายที่ถูกหักแขนดังจนทำให้หลินเสวี่ยได้ยินและเอ่ยถามออกมา

”ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ฉันติดธุระอยู่เดียวค่อยคุยกันนะ”

เทียนหลางวางสายในขณะที่อีกมือกำลังบิดแขนของชายอีกคนหนึ่งอยู่ หลังจากที่เทียนหลางเก็บโทรศัพกลับใส่กระเป๋าเขาก็หันมาพูดด้วยรอยยิ้ม

”เอาหล่ะมาต่อกันดีกว่า”

แกร๊ก ! อ๊ากกกก !

เทียนหลางบิดแขนชายคนนั้นจนหัก และเริ่มเข้าไปชกหน้าอกชายอีกคนหนึ่งต่อทันทีการต่อสู้ค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับลูกน้องของซ่านฉินที่เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน

ซ่านฉินมองฉากที่ลูกน้องของตัวเองกำลังลอยไปติดกำแพง ฝาผนังทีคน ๆ อย่างขมขื่นก่อนจะชักปืนออกมาจากกางเกงและเล็งใส่เทียนหลาง

”อย่าขยับนะเว่ย ไอ้หนูถ้าแกไม่อยากตาย”

เทียนหลางมองซ่านฉินเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจและหันไปหักแขนชายตรงหน้าต่อ เสียงร้องโหยหวนดังระงมไปทั่วคลับทุยห่าย ซ่านฉินเมื่อเห็นว่าเทียนหลางไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียวเขาก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาก่อนจะลั่นไกใส่เทียนหลาง

ปัง !!

ตูม !!

เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดอะไรบางอย่าง ในนานนักลูกน้องจำนวนมากของซ่านฉินก็ถูกแรงบางอย่างกระแทกจนปลิว เทียนหลางหายไปจากจุดที่เขาเคยยืนและมาโผล่ตรงหน้าของซ่านฉินก่อนจะพูดขึ้น

”ฉันพยายามจะไม่เอาจริง แต่ดูเหมือนว่าจำนวนคนและการที่แกมีปืนจะช่วยให้เรื่องจบลงเร็วขึ้น”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็หายไปพร้อมกับลูกน้องของซ่านฉินที่ค่อย ๆ ล้มลงทีละคน ๆ ซ่านฉินตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ที่เขาไม่คิดว่าเขาจะได้เห็นมัน ภาพของลูกน้องของตนที่กำลังลอยเคว้งคว้างไปทั่วคลับจากแรงกระแทกบางอย่าง

เวลาผ่านไปไม่นานลูกน้องนับร้อยของซ่านฉินก็ถูกจัดการจนหมด เทียนหลางเดินเข้ามาหาซ่านฉินที่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้นพร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น

”เอาหล่ะทีนี้คุณซ่านฉิน คุณพร้อมที่จะจ่ายค่าเสียหายหรือยัง ?”

”นะ… แน่นอนครับ”

ซ่านฉินตอบกลับอย่างรวดเร็วเพราะความกลัวตลอดเวลาที่ต่อสู้กันซ่านฉินเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ลูกน้องนับร้อยของเขาไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะแตะตัวของเทียนหลางได้เลย และด้วยพลังของเทียนหลาง ซ่านฉินก็ได้รู้ว่าแม้เขาจะยกกันมาทั้งแก๊งมังกรเขียวพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเทียนหลางได้เพราะพวกเขากับเทียนหลางอยู่กันคนละโลก ความห่างชั้นของพวกเขาทั้งคู่ต่างกันเกินไปนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ซ่านฉินยอมจำนวนต่อเทียนหลางแต่โดยดี

ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้มีเสียงข้อความว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว เทียนหลางลุกขึ้นก่อนจะพูดกับซ่านฉิน

”ผมหวังว่าคุณจะไม่เข้าไปยุ่งกับเขตจิงไห่อีกนะครับคุณซ่านฉิน”

”ขะ… เข้าใจแล้วครับ”

”เช่นนั้นก็ดีครับ”

ในขณะที่เทียนหลางกำลังจะจากไปซ่านฉินก็พูดขึ้น

”คุณมาจากโลกคุนหลุนใช่ไหม ?”