ตอนที่ 45

Silver Overlord

45 – ครึ่งเดียวก็พอ

เอี้ยนลี่เฉียงยืนขึ้นและแสดงความเคารพต่อนายผู้เฒ่าตระกูลลู่

“นายผู้เฒ่าลู่!”

“นายน้อยเอี้ยนได้โปรดนั่งลงไม่จำเป็นต้องมากพิธีฮ่าฮ่าฮ่า!” นายผู้เฒ่าลู่อยู่ในอารมณ์ร่าเริง หลังจากนำเอี้ยนลี่เฉียงไปนั่งอย่างสุภาพแล้วเขาก็นั่งลงบนที่นั่งหลักถัดจากเอี้ยนลี่เฉียง

“หากไม่ใช่เพราะวิชาลับของนายน้อยเอี้ยนสามารถทำลายสถานการณ์ที่สิ้นหวังในวันนี้

หลานชายที่รักของข้าคงจะถูกพรากไปด้วยความตาย เรื่องนี้ข้าคิดไม่ออกเลยว่าพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดี ทุกชีวิตของตระกูลลู่จะจดจำความเมตตาที่นายน้อยเอี้ยนมอบให้กับพวกเราตลอดไป

สำหรับทองคำหนึ่งพันเหรียญนั้นเป็นเพียงน้ำใจเล็กๆน้อยๆเพื่อแสดงความขอบคุณพวกเราตัวข้าหวังว่านายน้อยเอี้ยนจะไม่ไม่รังเกียจ!”

“ขอบคุณผู้เฒ่าลู่!”

“เป็นพวกเราต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า ทองคำพวกนี้นับเป็นอย่างไรได้ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า … “

ในตอนนั้นเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้เสแสร้งใดๆพ่อของเขายังคงใช้ชีวิตอย่างประหยัดในฐานะช่างตีเหล็ก หากตอนนี้เขาทำตัวสูงส่งและมีคุณธรรมเมื่อต้องเผชิญกับความร่ำรวยที่อยู่ตรงหน้าและปล่อยให้พ่อของเขากินผักเค็มต่อไปเขาคงเลวทรามต่ำช้ายิ่งกว่าสุกรสุนัข?

วิญญูชนแบบไหนที่จะเต็มใจละทิ้งพ่อแม่ของตัวเองให้ได้รับความลำบาก?

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ความจริงก็ยังคงอยู่ ทองคำหนึ่งพันเหรียญที่ได้รับจากตระกูลลู่นั้นเป็นเงินก้อนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตก่อนหน้านี้หรือชีวิตปัจจุบันของเขานี่ก็เป็นจำนวนเงินที่เอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยมีมาก่อน

เงินที่เขาต้องใช้เพื่อปรับปรุงสภาพบ้านของเขาให้ดีขึ้นนั้นไม่ถึงขนาดนี้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้สร้างความสัมพันธ์กับตระกูลลู่ซึ่งตอนนี้เป็นหนี้บุญคุณของเขาอยู่ ความสัมพันธ์เช่นนี้จะเปรียบเป็นเพียงเศษทองได้อย่างไร?

มีคำพูดที่ดีที่กล่าวว่า ‘จะต้องรักษาพลังไว้เสมอไม่ควรทุ่มเททุกอย่างออกไป มิฉะนั้นหายนะจะเกิดขึ้นกับคุณเมื่อความแข็งแกร่งของคุณหมดลง ‘ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นถ้อยคำปรัชญาอันลึกซึ้ง

เขาก้มหน้าลงและครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อค้นหาทางออก แต่ถึงกระนั้นสายตาของเขาก็ยังไม่ละจากเป้าหมาย

จากมุมมองของเอี้ยนลี่เฉียง นายผู้เฒ่าลู่คนปัจจุบันก็ไม่ต่างจากลูกค้ารายใหญ่ที่เขาเคยพบในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาตัดสินใจว่าจะต้องรักษาความสัมพันธ์ที่เขาสร้างขึ้นกับตระกูลลู่ด้วยความยากลำบากไว้ เพื่อให้สามารถได้รับประโยชน์ในระยะยาว

“นายผู้เฒ่าลู่พูดตามตรงถึงแม้ว่าข้าจะมีส่วนร่วมในวันนี้ แต่ก็เป็นเพราะบุญวาสนาอันยิ่งใหญ่ของหลานชายท่านรวมไปถึงท่านและตระกูลลู่ทุกคน

ด้วยพรอันนี้จึงทำให้เทพมาเข้าฝันข้าเพื่อบอกวิธีการรักษานี้ ข้าแน่ใจว่าเทพต้องการยืมมือของข้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการช่วยเหลือหลานชายของท่าน ข้าเพียงออกแรงนิดหน่อยเท่านั้น…”

ขณะที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดเขาสังเกตการแสดงออกทางสีหน้าของนายผู้เฒ่าลู่อย่างระมัดระวัง สีหน้าของนายผู้เฒ่าลู่แน่นอนว่าเป็นไปตามที่เขาคาดหวัง

เมื่อได้ยินสิ่งที่เอี้ยนลี่เฉียงพูดใบหน้าของนายผู้เฒ่าลู่ก็แดงก่ำดูเหมือนว่าเขาจะเต็มไปด้วยความสุข เขาพบว่าคำพูดของเอี้ยนลี่เฉียงลื่นหูเป็นอย่างยิ่ง และเอี้ยนลี่เฉียงเองก็ถูกใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ

“ นายน้อยเอี้ยนถ่อมตัวเกินไป! ถ่อมตัวเกินไป!”นายผู้เฒ่าลู่ลูบเคราของเขาและพูดต่อว่า

“มีคนหลายพันล้านคนอาศัยอยู่ในโลกนี้ทำไมเทพถึงมาเยี่ยมเฉพาะความฝันของนายน้อยและสิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่านายน้อยเอี้ยนยังเป็นคนที่มีความพิเศษมากที่สุด

การพบกันของพวกเราโชคชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง มิฉะนั้นผู้ดูแลบ้านของเราคงจะไม่ได้พบกับนายน้อยเอี้ยนเมื่อไปถึงเมืองสือเฉียวทั้งหมดนี้เป็นไปตามเจตจำนงของสวรรค์! “

“ ผู้เฒ่าลู่พูดถูก!” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและพยักหน้า

“แต่จำนวนทองที่ท่านมอบให้ข้ามันมากเกินไป ข้าจะรับเพียงครึ่งเดียว นี่เป็นสวรรค์ยืมมือข้าลงมือเท่านั้น หักข้ารับความดีความชอบนี้ไปจะทำให้ข้านอนตาหลับได้อย่างไร! “

เมื่อได้ยินเอี้ยนลี่เฉียงพูดว่าเขาจะรับทองคำเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่แค่นายผู้เฒ่าลู่เท่านั้นที่ตกตะลึงแม้แต่พ่อบ้านใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ตกตะลึงเช่นกัน

สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่าในโลกนี้ครัวเรือนทั่วไปไม่สามารถหาเงินได้แม้แต่หนึ่งร้อยเหรียญทองตลอดชีวิต

เมื่อเผชิญหน้ากับความร่ำรวยเช่นนี้เอี้ยนลี่เฉียงชายหนุ่มอายุสิบสี่ปีถึงกับสามารถปฏิเสธครึ่งหนึ่งของผลประโยชน์ที่เขาได้รับอย่างใจเย็น และครึ่งหนึ่งที่เขาปฏิเสธนี้คือทองคำห้าร้อยเหรียญ…

“นายน้อยเอี้ยนเจ้าบอกว่าจะรับแค่ครึ่งเดียว?” นายผู้เฒ่าลู่มองไปที่เอี้ยนลี่เฉียงอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่าเขาต้องการยืนยันว่าเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ

“ ครึ่งหนึ่งก็เกินพอแล้ว…”เอี้ยนลี่เฉียงถอนหายใจ “ ตอนที่ข้าเห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ ข้าก็นึกย้อนไปถึงพ่อของข้าที่ทำงานตีเหล็กที่บ้านและใช้ชีวิตแบบประหยัด

ทองคำพวกนี้สามารถซื้อที่ดินแปลงสวยๆเพื่อให้พ่อของข้ามีความสุขกับชีวิตของเขาในวัยเกษียณ ทำให้เขาสามารถเลิกทำงานและมีความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตที่เหลืออยู่

แต่ในความเป็นจริงครอบครัวของเรามีสมาชิกไม่มากนักดังนั้นเราจึงไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินมากมาย เพียงแค่ห้าร้อยเหรียญทองเหล่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา หากมีเงินมากกว่านี้ข้าเกรงว่ามันจะนำหายนะมาหาพวกเราแทน! “

เมื่อได้ยินคำพูดอันเปี่ยมไปด้วยเหตุผลและภูมิปัญญาอันสูงส่งของเด็กอายุเพียงสิบสี่ปี สิ่งนี้ทำให้นายผู้เฒ่าลู่มองเอี้ยนลี่เฉียงในมุมที่แตกต่างออกไป

เขาลูบเคราของเขาและค่อยๆพยักหน้า “ เป็นเรื่องยากที่จะเห็นชายอย่างนายน้อยเอี้ยนซึ่งมีความกตัญญูและความเข้าใจเช่นนี้ แต่เดิมเหรียญทองเหล่านี้ควรจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูเล็กๆน้อยๆจากตระกูลลู่

แต่หากเป็นไปตามที่นายน้อยเอี้ยนกล่าว หากการแสดงความกตัญญูของพวกเราจะเป็นการทำร้ายครอบครัวของเจ้าเรื่องนี้คงทำให้พวกเรารู้สึกไม่ดีอย่างยิ่ง! “

“ขอบคุณผู้เฒ่าลู่ที่เข้าใจ!”เอี้ยนลี่เฉียงยกมือขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อหน้านายผู้เฒ่าลู่

บางครั้งความมั่งคั่งก็ไม่ต่างจากสินค้าที่เก็บไว้ในเรือลำใหญ่ สำหรับแต่ละคนการมีเงินมากขึ้นก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นจะดีขึ้นเสมอไป

จะอย่างไรซะเรือลำใหญ่ก็ยังคงสามารถบรรทุกสิ่งมีค่าได้มากกว่าเรือลำเล็ก เมื่อสินค้าของตัวเองอยู่ในเรือลำใหญ่นั่นจึงเป็นความมั่นคงอย่างแท้จริง