บทที่ 80 โจวอี้เนี่ยนะ

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 80 โจวอี้เนี่ยนะ

บทที่ 80 โจวอี้เนี่ยนะ

ถังหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย

ล้อเล่นรึเปล่า?

โจวอี้จะทำอะไรได้?

สองคนนี้เป็นใคร? มหาเศรษฐีธุรกิจชื่อดังของจินหลิง มีมูลค่านับพันล้านเชียวนะ

โจวอี้จะช่วยพวกเขาทำเงินได้ยังไง?

“คุณเฉิงล้อเล่นแล้ว” ถังหว่านตอบกลับไป

เฉิงฮ่าวและหวงไห่เทามองหน้ากัน พวกเขาตระหนักได้ถึงความคิดของถังหว่าน แม้ว่าจะไม่เข้าใจเหตุผล แต่ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาพูดบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไปแล้ว

โจวอี้ไม่ได้บอกถังหว่านเหรอว่าทุกวันนี้เขาทำอะไรอยู่?

ไม่งั้นเธอคงไม่คิดว่าพวกเขาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก

เฉิงฮ่าวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “อันที่จริง ไม่สำคัญว่าคุณจะมีเงินรึเปล่า แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดคือน้องโจวมาที่บ้านของผมเพื่อรักษาภรรยาของผมในช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวาย ผมจะไม่มีวันลืมมิตรภาพนี้ ถ้าคุณมีเวลา พวกผมก็ยินดีต้อนรับสู่บ้านของผม ภรรยาและผมจะทำอาหารให้คุณทานสักครั้ง”

“บอกมาเถอะว่าเมื่อไหร่ ผมจะตามไปด้วย” หวงไห่เทายิ้ม

ถังหว่านมองเฉิงฮ่าวและหวงไห่เทาและคิดว่าคืนนี้แปลกชอบกล แม้ว่าแขกในคืนนี้จะร่ำรวย แต่ถ้าเทียบความร่ำรวยกับสองคนนี้ก็คงมีไม่กี่คน

พวกเขาเข้ามาที่นี่และเริ่มทักทายเธอด้วยตัวเอง เหมือน… ตั้งใจจะได้ใกล้ชิด!

ก่อนหน้านี้โจวอี้ทำอะไรกันแน่?

ถ้าโจวอี้ทำแค่รักษาอาการป่วยภรรยาของชายคนนี้ พวกเขาคงจะไม่เข้าหาเธอขนาดนี้หรอก

ถังหว่านครุ่นคิดอย่างหนัก สุดท้ายก็พูดอย่างสุภาพว่า “ถ้าเราสะดวกเมื่อไหร่ เราจะไปเยี่ยมนะคะ”

“ตกลงแล้วนะครับ” เฉิงฮ่าวหัวเราะ

พวกเขากล่าวคำอำลากับถังหว่านอย่างสุภาพ แล้วเดินเข้าไปข้างในโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

พอพวกเขาหายไป ถังหว่านก็กลายเป็นจุดสนใจ

ใบหน้าของหลี่เป้ยเป้ยถึงกับซีด เธอจับจ้องไปที่ถังหว่านด้วยความสงสัย

น้องโจวที่หวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวกล่าวถึงคือใคร?

เขามีความสัมพันธ์อะไรกับถังหว่าน?

ทำไมพวกเขาถึงต้องนอบน้อมกับถังหว่านขนาดนี้… เพื่อแสดงมิตรภาพหรือ?

ถังหว่านหาผู้ชายที่โดดเด่นมากกว่าหวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวได้เหรอ?

เท่าที่รู้ ไม่มีนักธุรกิจรายใหญ่ชื่อโจวในจินหลิง หรือว่าจะเป็นลูกผู้ดีเก่าที่ร่ำรวย?

ในจีนมีคนใหญ่คนโตจำนวนไม่น้อยที่ชื่อโจว ที่สำคัญที่สุดคือคนเหล่านั้นอายุมากแล้ว ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าหวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวแล้ว น้องโจวงั้นเหรอ แปลว่าอายุน้อยกว่าพวกเขาใช่ไหม?

และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหมอ

น้องโจวคนโปรดของเฉิงฮ่าวไปที่บ้านของเฉิงฮ่าวเพื่อไปรักษาภรรยาของเขา …

งั้นผู้ชายเป็นหมอรึเปล่า?

ยิ่งหลี่เป้ยเป้ยคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น ความหึงหวงที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจดับมอดไปเกือบทั้งหมด เธอยังมองถังหว่านอย่างดูถูกอีกด้วย

เหออวี้เหมยเองก็คิดแบบเดียวกัน

หญิงสาวคิดหนักมากกว่าหลี่เป้ยเป้ยเสียอีก เธอคิดว่า ‘น้องโจว’ เป็นคนที่มีอำนาจอย่างแท้จริง มิฉะนั้นหวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวคงจะไม่มาทักทายกันเป็นการส่วนตัวหรอก

Knight XV คันนั้น แน่นอนว่าเหออวี้เหมยรู้จักราคาของมันดี

เฉิงฮ่าวแจกรถหรูมูลค่ายี่สิบล้านให้น้องโจวคนนั้น แสดงว่าเขาจะต้องทำให้เฉิงฮ่าวพอใจอะไรบางอย่าง

“ฉันไม่คิดว่าถังหว่านจะรู้วิธีคบผู้ชายรวย ๆ ด้วยนะเนี่ย ถ้าข่าวนี้แพร่กระจายออกไปละก็… ” หลี่เป้ยเป้ยกล่าวด้วยความรังเกียจ

“หุบปาก!” เหออวี้เหมยสั่งหญิงสาวตรงหน้า “ถังหว่านไม่ใช่คนอย่างนั้น อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”

“พี่เหอ…”

“ในฐานะบุคคลสาธารณะ เธอควรใส่ใจกับคำพูดและการกระทำมากกว่านี้นะ” เหออวี้เหมยพูดจบก็หันมองไปที่ถังหว่าน แล้วถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวหว่าน พวกเขาพูดถึงใครน่ะ คนที่ชื่อ’น้องโจว’ นั่นน่ะ”

ถังหว่านไม่ต้องการให้ตัวตนของโจวอี้ถูกเปิดเผย เธอจึงโกหกไปว่า “ญาติน่ะ”

ญาติ?

งั้นก็สมเหตุสมผลแล้ว!

เหออวี้เหมยยิ้มและพยักหน้า ทว่าหลี่เป้ยเป้ยยังคงขมวดคิ้ว

บนทางหลวงในย่านชานเมืองของจินหลิง มีรถเมอร์เซเดสเบนซ์สามคันแล่นไปข้างหน้า ตัวรถห่างจากสี่แยกทางหลวงด้านหน้าเพียงสี่กิโลเมตรเท่านั้น

โว้ว!

เงามากมายปรากฏขึ้นข้างถนน เสียงลมพัดกรรโชก ทันใดนั้นตะปูเหล็กหกตัวก็เจาะยางด้านขวาของรถทั้งสามคันตามลำดับ

รถทั้งสามคันเบรกอย่างแรงพร้อมกันจนเสียหลักไปชนสิ่งกีดขวางข้างถนนดังโครมคราม

โครม!

ประตูของรถยนต์คันแรกและคันที่สามถูกเตะเปิดทีละคัน ชายร่างกำยำหกคนในชุดสูทรีบออกจากรถ พวกเขาทั้งสี่คนหยิบปืนพกออกมา และอีกสองคนหยิบมีดยาวออกมาเพื่อปกป้องคนในรถคันที่สองราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรู

ภายในรถคันที่สองอยู่มีสามคน

ที่นั่งคนขับเป็นหญิงสาววัยกลางคนแต่งตัวเป็นทางการ ส่วนแถวหลังเป็นชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงและยังมีสาวสวยในอ้อมแขน

ถ้าหลี่หงอี้หรือโจวอี้อยู่ที่นี่ พวกเขาจะจำได้ว่าคนพวกนี้เป็นแขกในห้อง 1218 พวกเขาประมูลหม้อระงับวิญญาณมาในราคาสองพันล้านหยวน

“เจ้านาย…”

หญิงวัยกลางคนมองกลับมาด้วยสายตาสงสัย

“โทรหาตงตง แล้วถามเขาว่าเขาเล่นอยู่ที่ไหน!” เกาเฟิงสั่ง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงวัยกลางคนก็กดหมายเลขโทรศัพท์มือถือทันที หลังจากสนทนาง่าย ๆ สองสามเรื่อง เธอก็วางสายแล้วพูดว่า “เขาอยู่ในห้องเล่นเกมในจินหลิง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงที่นี่”

“ฉันรอไม่ได้” เกาเฟิงส่ายหัว ก่อนจะผลักประตูให้เปิดออกแล้วเดินลงไป

“ฉันกลัว!” สาวสวยเดินตามเขาออกจากรถ คว้าแขนของเกาเฟิงอย่างแน่นหนา ท่าทางดูหวาดกลัวอย่างยิ่ง

“ไม่ต้องกลัว ฉันปกป้องเธอได้” เกาเฟิงยิ้ม ตบหลังมือของเธอแล้วมองดูผู้คนที่อยู่ข้างหน้า

“เอาหม้อระงับวิญญาณมาให้ฉัน หรือว่าจะเลือกตาย” ต้าเจียงอูเหล่าลูบหัวงูเขียวตัวเล็กที่พันรอบข้อมือของเขา จากนั้นก็พูดอย่างชั่วร้าย

เกาเฟิงเดินมาที่หน้ารถแล้วนั่งลงบนฝากระโปรงหน้ารถ

แชะ…

เขาจุดบุหรี่และพ่นควันออกมา จากนั้นก็มองไปอีกทาง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ต้าเจียงอู ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณที่เก่งเรื่องพิษและแมลงในเผ่าเหมี่ยวเจียง เป็นคู่ต่อสู้ที่หายาก ไม่ใช่เพราะแข็งแกร่ง แต่เพราะมากความสามารถในการใช้พิษ”

“ในเมื่อรู้จักฉันแล้วก็เอาหม้อระงับวิญญาณมา” ต้าเจียงอูกล่าว

“ถ้าคุณไม่มีเงินซื้อ คุณก็เริ่มปล้น ไม่แปลกใจที่คุณถูกไล่ออกจากเผ่าเหมี่ยวเจียง” เกาเฟิงส่ายหัวแล้วเอ่ยต่อ “ถ้าจะปล้นก็เริ่มกันเลย! ถึงคุณจะฆ่าเราตอนนี้ คุณก็ไม่ได้หม้อระงับวิญญาณไปหรอก”

“หมายความว่าไง?” ต้าเจียงอูเหล่าถามอย่างเย็นชา

“ก่อนที่จะออกจากพาราไดซ์คลับ ผมมอบหม้อระงับวิญญาณให้กับลูกชายที่โง่เขลาไปแล้ว เขาชอบเล่นมากเกินไป เขาจึงยังอยู่ในเมืองจินหลิง อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่นี่” เกาเฟิงยิ้ม

“อย่ามาเฉไฉ”

ครั้นชายชราสะบัดแขน ชายวัยกลางคนอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังจึงพุ่งตรงไปหาเกาเฟิงทันที