บทที่ 67 ทำไมนายไม่ไปคุกเข่าที่นั่น

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 67 ทำไมนายไม่ไปคุกเข่าที่นั่น?

“เป็นไปไม่ได้ มู่เซิ่งเขาไม่มีทางที่จะทำแบบนี้อย่างเด็ดขาด! ”

ในขณะนั้นเอง เจียงหว่านก็พูดขึ้นด้วยความโมโห

กวนหยังตกใจเล็กน้อย และพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ”

“เพราะว่ามู่เซิ่งคือสามีของฉัน! พวกเราอยู่ด้วยกันมาสามปี ฉันรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเป็นคนแบบนี้ไปได้! ” เจียงหว่านพูดขึ้นด้วยความโมโห

บังคับขืนใจ?

เจียงหว่านไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่ามู่เซิ่งจะกระทำเรื่องแบบนี้ ถ้าหากเขามีความคิดแบบนี้จริง ๆ เพราะเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม ทุกครั้งหลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จ ไม่ว่าจะสวมใส่ชุดที่เซ็กซี่เย้ายวนแค่ไหน มู่เซิ่งก็ไม่เคยที่จะหวั่นไหวเลย แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่จะไปบังคับขืนใจหลี่นั่วหนาน

“เธอคือภรรยาของเขาเหรอ? ”

กวนหยังมองสังเกตไปที่เจียงหว่านด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่ามู่เซิ่งจะมีภรรยาที่สวยงามขนาดนี้ จึงเกิดความอิจฉาริษยาขึ้น และพูดใส่ร้ายซ้ำเติมต่อว่า “เหอะเหอะ ถ้างั้นเธอก็คงจะรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจของเขา ถ้าหากที่ฉันพูดนั้นไม่เป็นความจริง แล้วทำไมเขาต้องมาทำร้ายฉันด้วย? ”

“ฉันเป็นถึงรองผู้จัดการของ Royal Club เมื่อพูดแล้ว ก็เป็นตัวแทนของ Royal Club ด้วย ฉันไม่มีทางที่จะใส่ร้ายคนอื่นแน่นอน”

“ฉันไม่เชื่อ ฉันจะแจ้งตำรวจและดูกล้องวงจรปิด! ” เจียงหว่านพูดขึ้น และแสดงท่าทีที่หนักแน่น

เธอไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด!

“เธอจะดูกล้องวงจรปิด? ”

กวนหยังใจฝ่อเล็กน้อย เพื่อรับรองความปลอดภัยของลูกค้า นอกจากห้องน้ำและห้องรับรองแล้ว ต่างก็จะมีกล้องวงจรปิดเฝ้าตรวจสอบอยู่ทุกซอกทุกมุมของ Royal Club แต่เมื่อดูกล้องวงจรปิดแล้ว เขาก็ถูกเปิดโปงความผิดแล้วไม่ใช่เหรอ?

“เหอะเหอะ ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นก็ได้ ฉันยังมีหลักฐานที่ชัดเจนและมีน้ำหนักมากกว่ากล้องวงจรปิดเสียอีก! ”

“ทุกท่าน—-”

กวนหยังปรับน้ำเสียง และพูดขึ้นเสียงดังว่า “ทุกท่าน พูดตามจริง กล้องวงจรปิดของ Royal Club ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถมาดูได้ ฉันเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดเผยความลับของลูกค้า ถ้างั้นปล่อยให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์พูดคุยกันให้ชัดเจนเองจะดีกว่า”

“ในฐานะที่เป็นผู้ถูกกระทำลวนลาม เสื้อผ้าขาดหลุดรุ่ยขนาดนี้แล้ว คำพูดของหล่อน คงจะไม่ใช่ความเท็จหรอกใช่ไหมล่ะ? ”

เมื่อพูดจบ กวนหยังก็ยื่นมือชี้ไปยังหลี่นั่วหนานที่อยู่ด้านข้างของมู่เซิ่ง

“ใช่เลย ปล่อยให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์พูดเองจะดีกว่า”

“แบบนี้ฉันก็เห็นด้วย”

“ปล่อยให้หล่อนออกมาพูดความจริง ก็จะชัดเจนกันอย่างที่สุดแล้ว”

“ใช่แล้ว อีกทั้งฉันเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ก็คงจะไม่มีผู้หญิงคนใดที่จะใช้ความบริสุทธิ์ของตัวเองมาล้อเล่นแน่นอน”

เมื่อได้ยินข้อคิดเห็นของกวนหยังแล้ว ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ก็ทยอยกันพยักหน้า มองเห็นดวงตาของหลี่นั่วหนานที่แฝงไปด้วยน้ำตา ในสภาพที่น่าสงสารแล้ว ก็เกิดความเห็นอกเห็นใจขึ้นในทันที

เสียงพูดคุยกันของกลุ่มคนที่โอบล้อมดังขึ้นอย่างมาก หัวข้อก็ได้ตกไปอยู่ที่หลี่นั่วหนานอีกครั้งแล้ว

หลี่นั่วหนานขมวดคิ้วขึ้น มองไปยังมู่เซิ่ง และก็มองไปที่กวนหยัง ด้วยสีหน้าท่าทางที่ลังเลใจ

แม้ว่าหล่อนจะไม่ชื่นชอบมู่เซิ่ง แต่ที่ระเบียงเมื่อครู่นี้เมื่อ ถ้าหากว่าไม่ใช่มู่เซิ่งได้ยื่นมือเข้าช่วยแล้ว เกรงว่าหล่อนก็คงจะถูกกวนหยังนำตัวไปในห้องรับรองและขืนใจแล้ว มู่เซิ่งช่วยเหลือหล่อนเอาไว้ หากย้อนกลับมาใส่ร้ายเขาอีก หลี่นั่วหนานเองคงทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้

“นั่วหนาน เธอคงชัดเจนนะว่าควรที่จะพูดอย่างไร? ”

จางเหวินเจี๋ยพลันพูดขึ้นในช่วงจังหวะนี้ ซึ่งในคำพูดนั้น ได้แสดงออกถึงความข่มขู่อย่างที่สุด

หลี่นั่วหนานที่กำลังจะพูด สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที ก้มหน้าลง แล้วชี้ไปยังมู่เซิ่ง และพูดว่า: “ใช่เลย เมื่อครู่เขาที่คิดจะลวนลามฉัน แต่พอดีผู้จัดการกวนมาได้ทันเวลา จึงช่วยเหลือฉันเอาไว้”

โครมมม!

ทุกคนต่างก็มองไปที่มู่เซิ่งด้วยความตะลึง คิดไม่ถึงว่า ไอ้ขยะนี้ จะคือคนที่เดรัจฉานชั่วช้าอย่างนี้

“มู่เซิ่ง นายยังเป็นคนอยู่อีกหรือไม่ ทำไมนายถึงทำเรื่องแบบนี้ได้? ” เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งขยับถอยหลังลงไป ราวกับว่าไม่รู้จักมู่เซิ่งอย่างไรอย่างนั้น และพูดขึ้นอย่างชอบธรรม

เดิมทีกลุ่มคนโดยรอบที่กำลังวิพากษณ์วิจารณ์กันอยู่นั้น เวลานี้ได้เปลี่ยนมาเป็นดุด่า ทางฝ่ายหญิงเองออกมายอมรับแล้ว ยังจะมีอะไรที่ต้องชี้แจงอีก? เขาก็คือคนร้าย!

มู่เซิ่งขมวดคิ้วขึ้น และมองไปที่หลี่นั่วหนาน พฤติกรรมที่หน้าด้านไร้ยางอายของเธอนี้ มันช่างเหนือกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก

มู่เซิ่งเดินขึ้นมาด้านหน้า และพูดขึ้นว่า: “คือฉันที่ช่วยเธอให้หลุดพ้นจากอันตราย เธอไม่ขอบคุณฉันก็ไม่ว่าอะไร ยังจะย้อนกลับมาใส่ร้ายฉันอีก? ”

“ฉัน……”

หลี่นั่วหนานมองไปที่มู่เซิ่งด้วยความตื่นตระหนก หวาดกลัวจนถึงกับต้องถอยหลังลงไป และไม่กล้าพูดอะไรเลย

ลักษณะท่าทางที่น่าสงสารของหล่อนนี้ ก็ทำให้ผู้ชายทั้งหมดพลันเกิดความอยากที่จะปกป้องคุ้มครองตัวเธอขึ้นมาในทันที

“ทำอะไร? นายนี่แม่งยังคิดที่จะทำร้ายคนอีกเหรอ? ”

“นี่ยังจะมีกฎหมายอยู่อีกหรือเปล่าเนี่ยะ! ”

“แจ้งตำรวจ จะต้องแจ้งตำรวจ! ”

สีหน้าของจางเหวินเจี๋ย เหมือนจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันเยาะเย้ยที่มาจากชัยชนะ “มู่เซิ่ง นายก็มีภรรยาอยู่แล้ว ยังจะมาทำเรื่องแบบนี้อีก ตกลงนายหื่นกระหายมากขนาดไหนกันแน่? ”

เหมือนกับว่าเขาหาช่องทางระบายความโกรธได้แล้ว เมื่อตอนที่ชั้นสองอับอายขายหน้าในเรื่องของสร้อยคอ จางเหวินเจี๋ยแทบจะอดทนไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถระบายความแค้นออกมาได้อย่างสะใจแล้ว

“เหอะเหอะ ครั้งนี้ถือว่านายคงจะไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้อีกแล้วนะ” กวนหยังส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา และพูดขึ้นที่บริเวณด้านข้าง

ในกลุ่มคนนั้น มีแต่เจียงหว่านคนเดียวที่เอาแต่ส่ายศีรษะไม่หยุด “เป็นไปไม่ได้ มู่เซิ่งไม่มีทางที่จะทำเรื่องแบบนี้แน่นอน เขาไม่ใช่คนแบบนี้”

“เจียงหว่าน สำหรับคนอย่างมู่เซิ่งนี้ คุณควรที่จะรีบหย่าร้างกับเขาให้เร็วที่สุดจะเป็นการดี” เวลานี้จางเหวินเจี๋ย ได้เดินมาที่ด้านข้างของเจียงหว่าน และใช้มือพาดไปที่บนไหล่ของเธอ พร้อมกับแกล้งพูดปลอบใจ

เจียงหว่านตีไปที่มือของจางเหวินเจี๋ย และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “สามีของฉัน นายไม่จำเป็นที่จะต้องมาทำการประเมิน”

“เวลานี้แล้ว ยังจะหลงผิดอยู่อีกเหรอ? ” จางเหวินเจี๋ยสีหน้าแข็งทื่อ สายตาของเขาแสดงท่าทีที่หม่นหมองขึ้นอย่างลับ ๆ

มู่เซิ่งถูกกลุ่มคนโอบล้อม สีหน้าที่เย็นชา ยิ่งจะเยือกเย็นมากขึ้นไปอีก

เขามองไปที่หลี่นั่วหนาน และยิ้มเยาะอยู่ในใจ

แน่นอนว่า

ผู้หญิงแบบนี้ ยากที่จะแก้ไขปรับปรุงนิสัยที่เลวทราม! ไม่รู้จักการตอบแทนบุญคุณ ต่อให้คุณช่วยเหลือหล่อนแล้ว แต่เพื่อเงิน หล่อนก็ยังคงจะย้อนกลับมาให้ร้ายคุณอีกได้ อย่างไม่เลือกหน้า!

“ทุกคนหยุดเอะอะโวยวายกันได้แล้ว! ”

ในฐานะที่เป็นจุดสนใจภายในที่แห่งนี้ จางเหวินเจี๋ยก็ได้ยื่นโบกมือ เพื่อให้ทุกคนเงียบสงบลง

จางเหวินเจี๋ยมองไปโดยรอบ และพูดต่อว่า “ผู้ชายคนนี้ เป็นสามีของเจียงหว่านเพื่อนร่วมชั้นของฉัน แม้ว่าเขาจะเป็นลูกเขยที่ย้ายมาอยู่กับฝ่ายหญิง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็รู้จักกันกับฉัน ถ้าหากแจ้งตำรวจและถูกจับเข้าคุกแล้ว ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาก็คงจะพังทลายลงเป็นแน่”

“ที่จริงแล้วยังเป็นลูกเขยที่ย้ายมาอยู่กับฝ่ายหญิงด้วยเหรอเนี่ยะ? ”

“มู่เซิ่ง? ไอ้หนุ่มนี้ฉันเคยได้ยินมาบ้างว่า เป็นขยะอันดับหนึ่งของเจียงหนาน ใครบ้างล่ะที่ไม่รู้? ”

“ถุย! คนชั่วช้าแบบนี้ ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้ชาย คุณชายเจี๋ย! คุณไม่ต้องไปใส่ใจถึงเกียรติหน้าตาของเขาหรอก แจ้งตำรวจไปเลย”

ผู้คนโดยรอบ โมโหเดือดดาลกันไปหมด

จางเหวินเจี๋ยพอใจอย่างมากต่อการที่ตนเองได้ระดมพลสร้างบรรยากาศ โบกมือไปมา และพูดว่า “อย่างนี้ก็แล้วกัน แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนของฉัน แต่เมื่อกระทำผิดแล้ว ฉันเองก็อภัยให้ไม่ได้! ”

“เขารังแกผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่โชคดีที่ยังไม่ได้ทำร้ายผู้หญิงคนนี้อย่างหนักหนามากนัก จากความคิดของฉัน ก็ให้เขาคุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงคนนี้และกล่าวขอโทษ ฉันก็จะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

เมื่อจางเหวินเจี๋ยพูดจบ ก็ได้เดินเข้าไปที่เบื้องหน้าของหลี่นั่วหนานด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พร้อมกับถอดเสื้อของตนเองออก และคลุมไปที่ร่างของหลี่นั่วหนาน “หลี่นั่วหนาน การลงโทษแบบนี้ เธอคงจะยอมรับได้ใช่ไหม? ”

“อืม…….อืม”

หลี่นั่วหนานพยักหน้า ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าที่จะมองไปที่มู่เซิ่ง

“แบบนี้ก็ได้แล้ว”

เมื่อเห็นหลี่นั่วหนานพยักหน้า จางเหวินเจี๋ยก็เดินมายังเบื้องหน้าของกวนหยัง และพูดว่า “ผู้จัดการกวน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่เพื่อนของฉันทำร้ายคุณ คุณก็ทำร้ายกลับไปตอนที่เขากำลังคุกเข่าอยู่ หวังว่าอย่าได้แจ้งตำรวจเอาความเลย คุณว่าแบบนี้ สามารถยอมรับได้ไหม? ”

“คุณชายจาง ไม่มีปัญหา! ”

กวนหยังพยักหน้า สีหน้าตื่นเต้นจนแดงก่ำหมดแล้ว เขาต้องการที่จะหาโอกาสชกกลับไปบ้าง ตอนนี้จางเหวินเจี๋ยเอ่ยปากขึ้น เขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วจะคัดค้านได้อย่างไรล่ะ

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาเองก็ไม่กล้าที่จะแจ้งตำรวจ

ถ้าหากตำรวจมาแล้ว และสอบถามถึงเรื่องกล้องวงจรปิดแล้วล่ะก็ เขาจะทำอย่างไร?

“คนนี้คือใครกัน? ฉันดูแล้วว่าเป็นคนที่มีความชอบธรรมมากทีเดียว”

“ไม่รู้ ก่อนหน้านี้ยังได้สารภาพรักอยู่ในห้องโถงอยู่เลย เหมือนจะใช่ผู้ชายคนนี้นะ? “

“โธ่ น่าเสียดายจัง ผู้หญิงที่เขาตามจีบมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะไปแต่งงานกับไอ้คนสารเลวแบบนี้ได้ ช่างน่าโมโหจริง ๆ เลย! ”

“ใช่สิ ผู้ชายคนนี้จัดการแก้ไขเรื่องราวได้อย่างยุติธรรมและเด็ดขาด ฉันคิดว่า มีเพียงแต่เขาที่จะคู่ควรกับเจียงหว่าน ไอ้ขยะอย่างมู่เซิ่งนี้ควรที่จะรีบไสหัวไปโดยเร็ว! ”

เมื่อคนล้มก็จะถูกเหยียบย่ำซ้ำเติม หลังจากที่จางเหวินเจี๋ยเอ่ยปากขึ้นนั้น เสียงตำหนิภายในห้องโถง ก็ไม่ได้หยุดลงเลย

เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้านี้แล้ว จางเหวินเจี๋ยก็ยิ้มเยาะในใจอย่างที่สุด “เหอะเหอะ ไอ้ขยะ นึกว่ายืมสร้อยคอมาเส้นหนึ่งแล้วก็สามารถแกล้งทำเป็นโอ้อวดได้เหรอ? เมื่อเทียบกับฉันแล้ว นายยังห่างชั้นอยู่อีกมาก! ”

“จางเหวินเจี๋ย เดิมทีฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก หากทำแบบนี้จะเป็นการกระทำที่เกินไปไหม? ” เวลานี้ หลี่นั่วหนานเอ่ยปากขึ้น เหมือนจะทนไม่ได้บ้างแล้ว

“เหอะเหอะเหอะ เกินไปเหรอ? ” กวนหยังหัวเราะเยาะเพื่อขัดจังหวะการพูดของหลี่นั่วหนาน “ฉันคิดว่าไม่เกินเลยแม้แต่น้อย เมื่อครู่เขาได้ชกสองหมัดใส่ฉัน หากไม่คิดที่จะคุกเข่า ก็ได้ แต่จะต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาลมาให้ฉันจำนวนหนึ่งแสน! ”

กวนหยังสีหน้าดุดัน ความเจ็บปวดจากสองหมัดเมื่อครู่นี้ เขาจะต้องแก้แค้น มิเช่นนั้น หากข่าวสารแพร่ออกไปแล้วเขายังจะมีอำนาจควบคุมดูแล Royal Club ได้อีกเหรอ?

จางเหวินเจี๋ยถอนหายใจ เหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงเดินมาที่ด้านหน้าของมู่เซิ่ง และพูดว่า: “มู่เซิ่ง ฉันทำเต็มที่แล้ว นายก็ขอโทษยอมรับผิดต่อผู้จัดการกวนแต่โดยดี จากนั้นก็คุกเข่าลง แล้วถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยได้เกิดขึ้นมาก่อน”

ท้ายสุด เขาก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า “ไม่ต้องขอบคุณฉัน แม้ว่านายจะเป็นไอ้ขยะ แต่อย่างน้อยก็เป็นสามีของเจียงหว่าน การที่ช่วยเหลือนายมันสมควรอยู่แล้ว”

มู่เซิ่งยืนอยู่ตรงใจกลาง เหลือบตามองไป และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “แล้วทำไมนายไม่คุกเข่าที่นั่นเองล่ะ? ”

จางเหวินเจี๋ยตื่นตกใจ

ทุกคนโดยรอบ กวนหยัง รวมไปถึงหลี่นั่วหนานและเจียงหว่าน ต่างก็ตกใจชะงักอยู่กับที่ ไม่กล้าเชื่อว่ามู่เซิ่งจะพูดขึ้นแบบนี้

ภายในห้องโถงเงียบสกัดลงในทันที