ตอนที่ 57 ความช่วยเหลือ
กล้าดีอย่างไรมาจับตัวลูกชายของนาง ไร้ยางอายยิ่งนัก!
ดูเหมือนตนจะประเมินคุณธรรมของบุรุษชุดดำสูงเกินไป เดิมทีคิดว่ามีเพียงอู๋ต้าจินเท่านั้นที่จะทำเรื่องบัดซบเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือแห่งยุทธภพคนหนึ่งจะไร้ศีลธรรมเช่นนี้!
นางไม่มีวิชาตัวเบา คิดจะพึ่งกำลังของตนเองไม่มีทางไล่ตามทัน
อีกทั้งยังไล่ตามไปตอนนี้ไม่ได้ ลูกสาวยังอยู่ในห้อง หากนางตามไปตอนนี้ ลูกสาวตกอยู่ในอันตรายจะทำเช่นไร
เฉียวเวยแววตาไหววูบ นางหันไปมองเพียงพอนหิมะที่จัดการอู๋ต้าจินจนไร้เรี่ยวแรงขัดขืน “เสี่ยวไป๋ ตามจิ่งอวิ๋นไป!”
เสี่ยวไป๋ปล่อยอู๋ต้าจินทันที มันเผ่นแผล็วประหนึ่งสายฟ้า ไล่ตามไปยังยังทิศทางที่ทั้งสองคนหายลับไป!
เฉียวเวยรีบเข้าไปในห้อง แต่งตัวให้วั่งซูอย่างเร็วที่สุดแล้วผูกวั่งชูไว้บนหลัง
บุรุษผู้นั้นบาดเจ็บแล้วยังพาเด็กไปด้วยคงไปได้ไม่ไกล หากตามเสี่ยวไป๋ไปติดๆ น่าจะตามเขาทัน
วั่งซูครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อพบว่าตนเองไม่ได้อยู่บนเตียง นางก็มองไปรอบๆ แล้วถามอย่างงุนงง “ท่านแม่ พวกเราจะไปที่ใดเจ้าคะ”
เฉียวเวยไม่อยากให้ลูกสาวตกใจจึงบอกว่า “ไปบ้านท่านยาย เจ้านอนเถิด”
“ท่านพี่เล่า” วั่งซูหาว
เฉียวเวยตอบว่า “อยู่ข้างหน้า”
เฉียวเวยมักจะอุ้มพวกเขาอยู่ข้างหน้าคน ข้างหลังคน วั่งซูคิดว่าแม่ของตนหมายความเช่นนั้นจึงถามอีกว่า “เสี่ยวไป๋เล่า”
“ก็อยู่ด้วยกัน”
“อ้อ”
วั่งซูหลับตาลงอย่างวางใจแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา
เฉียวเวยเคยคิดจะให้วั่งซูอยู่บ้าน แต่นางเกรงว่าอีกฝ่ายจะใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ หากเป็นเช่นนั้น ยังตามลูกชายไม่ทัน ลูกสาวก็อาจหายไปก่อน นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางอยากเผชิญ นางจึงได้แต่เสี่ยงพาลูกสาวออกมาด้วย
ทว่าบุรุษชุดดำผู้นั้นวิชาตัวเบาสูงส่ง ยอดเยี่ยมกว่าที่นางคิดเอาไว้มาก เริ่มแรกนางยังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่หลังจากไล่ตามเข้าป่ามาประมาณหนึ่งเค่อ อย่าว่าแต่บุรุษชุดดำ แม้กระทั่งเสียงของเสี่ยวไป๋นางก็ไม่ได้ยิน
ถึงอย่างไรบุรุษชุดดำก็เป็นองครักษ์เงาที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี บาดแผลถูกแทงไม่พอทำให้เขาล้มลง เขารู้ว่าเพียงพอนหิมะกำลังไล่ตามเขาอยู่ เขาจึงฉีกเสื้อเปื้อนเลือดโยนลงเนินเพื่อให้อีกฝ่ายสับสน
เด็กในอ้อมแขนของเขานิ่งไม่ขยับ หากมิใช่ว่าดวงตาเบิกโพลงอยู่ เขาก็เกือบจะคิดว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว
ตกใจจนตะลึง ร้องไห้ก็ร้องไม่ออกล่ะสิ
เขายิ้มเยาะแล้วพาเด็กไปนั่งบนคาคบไม้ของต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าต้นหนึ่ง
จิ่งอวิ๋นนั่งคร่อมบนกิ่งไม้ หลังพิงลำต้นนั่งเผชิญหน้ากับเขา สองมือเกาะลำต้นของต้นไม้ไว้มั่นมิให้ตนเองตกลงมา
บุรุษชุดดำเห็นแววตาของเด็กน้อยผ่านแสงจันทร์สลัว นั่นมิใช่อาการตกใจกลัวดังที่เขาคิดแน่นอน แต่เป็นความเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ราวกับว่าเมื่อใดที่เขาเผลอ เด็กคนนี้อาจเขมือบเขาเข้าไป
เขาหัวเราะพลางล้วงยาจินชวงออกมาจากแขนเสื้อแล้วโรยลงบนบาดแผลของตน “เจ้านามว่าอันใด”
“จิ่งอวิ๋น” จิ่งอวิ๋นตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เด็กธรรมดาถูกจับพามานั่งบนกิ่งไม้สูงหนึ่งจั้งก็ตกใจร้องไห้เรียกหาบิดามารดาแล้ว แต่เด็กน้อยผู้นี้กลับคุยกับเขาอย่างใจเย็น
บุรุษชุดดำมองเขาแล้วครุ่นคิดบางอย่าง จากนั้นถามอีกว่า “คนผู้นั้นเมื่อครู่คือมารดาของเจ้าหรือ”
จิ่งอวิ๋นไม่ตอบ
ดูท่าจะใช่
อู๋ต้าจินไม่ได้บอกว่าสตรีนางนั้นมีลูก แม้เขามิใช่คนดีอันใด แต่เขาก็ไม่ฆ่าเด็กโดยไม่มีเหตุผล หากรู้ว่ามีเด็กอยู่ในบ้าน เขาคงไม่คิดเผาบ้าน
“พอข้าจัดการแผลเรียบร้อยจะพาเจ้าไปหาแม่ของเจ้า หากแม่ของเจ้าฉลาดพอก็น่าจะไถ่ตัวเจ้ากลับไปได้”
หากยอมมอบพรรคชิงหลงคืนแล้วปลิดชีพตนขอขมาความผิด เขาก็จะปล่อยเด็กคนนี้!
จิ่งอวิ๋นสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจเขา
ผ่านไปพักใหญ่ถึงเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าจะต้องเสียใจ”
บุรุษชุดดำหัวเราะอย่างดูแคลน เด็กที่อายุไม่ถึงห้าขวบดีกลับขู่ว่าเขาจะต้องเสียใจ แม้ความกล้าหาญของเขาจะน่ายกย่อง แต่สิ่งนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
เขาปิดขวดยาจินชวงแล้วหยิบตะบันไฟออกมาจุดไฟส่องใบหน้าของเด็กน้อย เดิมทีเพียงนึกอยากดูเท่านั้น ทว่าเมื่อเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายชัด สีหน้าของเขาก็ชะงักค้างในพริบตา
เป็นไปได้เช่นไร..เหตุใดจึงเหมือนเพียงนี้…
เขาขยี้ตาแรงๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามิได้คิดไปเอง แล้วถามอย่างตกตะลึง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้านามว่าอะไร”
“จิ่งอวิ๋น”
“เจ้าแซ่จิ่งหรือ” บุรุษชุดดำคว้าลำคอของจิ่งอวิ๋น “อย่าคิดหลอกข้า ข้าเพียงขยับนิ้ว หัวของเจ้าก็หลุดออกจากบ่าได้แล้ว เข้าใจหรือไม่”
จิ่งอวิ๋นจ้องดวงตาดุร้ายของเขา แล้วตอบอย่างดื้อดึง “แซ่จิ่ง”
บุรุษชุดดำหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด “เจ้าไม่มีบิดาใช่หรือไม่”
จิ่งอวิ๋นสวนอย่างขุ่นเคือง “เจ้าสิไม่มีบิดา! เจ้าเกิดมาจากซอกก้อนหิน!”
“มารดาของเจ้าแซ่อะไร”
สัญชาตญาณบอกจิ่งอวิ๋นว่าเขามิอาจบอกแซ่ที่แท้จริงของมารดาได้ แต่เขาจะโกหกว่ามารดาแซ่จิ่งก็มิได้อีก มิฉะนั้นแม่ลูกแซ่เดียวกัน เขาย่อมรู้ว่าตนเองไม่มีบิดา
แม้เรื่องที่ตนไม่มีบิดาจะมิใช่ความลับใหญ่โตอันใด แต่เขารู้สึกได้ว่าคนผู้นี้มีเจตนาไม่ดีบางอย่าง
จิ่งอวิ๋นกลอกตา แล้วตอบหน้าตาย “หมิง ท่านแม่ของข้าแซ่หมิง”
หมิงหรือ เขาเข้าใจผิดหรือ เด็กคนนี้เพียงหน้าตาคล้ายอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่…
จิ่งอวิ๋นอาศัยจังหวะที่เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิด คว้าตะบันไฟของเขามาแล้วจี้ลงบนแผลของเขา!
บุรุษชุดดำไม่คาดคิดมาก่อนว่าเด็กตัวกระจ้อยคนหนึ่งจะเล่นงานเขาเช่นนี้ เขาห้าวหาญกว่าสตรีนางนั้นเสียอีก!
เขาเอนกายหลบไปด้านหลังมิให้แผลถูกลวก แต่ดูเหมือนจิ่งอวิ๋นจะคาดไว้แล้วว่าเขาจะทำเช่นนั้น จึงยกเท้าขึ้นถีบส่งเขาร่วงลงจากต้นไม้ทันใด!
จากนั้นจิ่งอวิ๋นก็คว้าเถาวัลย์แล้วกระโดดลงมา เขาร่วงลงมาสูงกว่าสิบเมตร แรงเฉื่อยมหาศาลทำให้จิ่งอวิ๋นกลิ้งบนพื้นอยู่หลายตลบจนชนเข้ากับตอไม้ตอหนึ่งจึงหยุดได้อย่างหวุดหวิด
หัวไหล่เจ็บมาก แต่จิ่งอวิ๋นไม่มีเวลาหยุดพัก เขาหันกลับไปมองบุรุษชุดดำแล้วออกตัววิ่งทันที!
บุรุษชุดดำร่วงตกลงมาจนมึนหัวตาลาย กล้าดีอย่างไรลอบโจมตีเขา เจ้าเด็กสารเลว เขาจะฉีกร่างมัน ฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ!
จิ่งอวิ๋นวิ่งไม่คิดชีวิตเข้าไปในป่า แต่ไม่ว่าเขาจะวิ่งเร็วปานใด บุรุษชุดดำก็ใกล้เข้ามาทุกที
ไอสังหารแผ่ออกมาท่ามกลางรัตติกาล ค่อยๆ โอบล้อมร่างเขาจนขนทั่วร่างลุกชัน
ทันใดนั้นกระท่อมหลังหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า!
ประตูลานบ้านของกระท่อมเปิดกว้าง จิ่งอวิ๋พุ่งเข้าไปโดยไม่หยุดคิด! แต่คิดไม่ถึงว่าตอนข้ามธรณีประตูกลับรีบร้อนเกินไปจนสะดุดล้มถลาลงไปที่พื้น!
บุรุษชุดดำใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้ามาในลานบ้านแทบจะในเวลาเดียวกัน แล้วจี้จุดใบ้ของจิ่งอวิ๋น
คราวนี้แม้แต่ร้องขอความช่วยเหลือก็ทำไม่ได้
จิ่งอวิ๋นมองกระท่อมที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ความสิ้นหวังผุดพรายในหัวใจ
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือขณะที่บุรุษชุดดำกำลังจะเอื้อมมือมาคว้าตัวจิ่งอวิ๋น ทันใดนั้นเงาสีดำสนิทร่างหนึ่งก็ทะยานออกมาจากในกระท่อม เท้าข้างหนึ่งยกขึ้นถีบหน้าอกบุรุษชุดดำจนปลิวออกจากลานบ้าน!
จิ่งอวิ๋นเงยหน้าขึ้นอย่างยังไม่หายผวา เมื่อเพ่งสายตามองก็เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ “พี่สือชี?”