ตอนที่ 117 โชคดี, บังเอิญหรือสมบูรณ์แบบ

เพราะเป็นเทพมังกรเลยไม่มีระบบพิเศษเหมือนเขาอ่ะ!

บทที่ 117 – โชคดี, บังเอิญหรือสมบูรณ์แบบ

 

“แบบนี้เองสินะ”

เสียงปริศนาดังขึ้นท่ามกลางโลกที่มืดมิด ภาพตรงหน้ามีภาพของมิวที่อยู่ในซากโบราณสถานกับอิกดร้า

“ใช้ ‘ดาบตัดนิยาม’ ในการตัดตรรกะเหตุและผลของ Abyss ที่สร้างขึ้นระหว่างตัวเองกับเรนะออกจากกันสินะ”

เสียงปริศนาดังขึ้น เหมือนจะแปลกใจแต่ก็ไม่ได้แปลกใจ.. คนที่อยู่ด้านข้างเธอถึงกับสับสนว่า

“หมายความว่าไง”

แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านข้างก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเทพธิดาที่ดูแลหอคอยซึ่งมิวเคยเจอมาสองครั้งแล้ว

“อะไรกัน.. นี่เธอไม่รู้จัก Abyss เหรอ.. ไม่สิ ไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกนี่นะ”

“ถึงจะเป็นแค่ Abyss เทียมแต่สถานะของมันก็อยู่นอกแนวคิดของตรรกะแห่งเหตุและผล”

“ทำให้ตรรกะทุกอย่างในนั้นไม่มีเหตุหรือผลนั่นแหละ แต่ในความเป็นจริงแล้วการจะสร้างสถานะที่ไร้ซึ่งเหตุและผลได้นั้นต้องสร้างในที่ที่ไม่มีเหตุและผลตั้งแต่แรก”

“ไม่เช่นนั้น เหตุและผลที่ควรมีอยู่จะถูกหักล้างไป.. แต่หอคอยไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้น ดังนั้น Abyss มันจึงต้องวิวัฒนาการตัวเองเพื่ออยู่รอด”

“โดยการกลับตาลปัตรตรรกะเหตุและผลแทนที่จะเป็นลบแนวคิดออกจากตัวมันเอง ดังนั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็น…”

หญิงสาวปริศนาไม่ได้พูดต่อ เทพธิดาก็พอเข้าใจขึ้นมาแล้ว..

“ความทรงจำของทั้งสองถูกสลับเหตุและผลกัน”

“ถูกต้อง”

ใช่แล้ว สาเหตุที่เรย์น่าจำอดีตชาติของตัวเองในฐานะเรนะได้ เพราะว่ามิวจำอดีตชาติตัวเองในฐานะคางาริได้

ดังนั้นเมื่อทั้งคู่นั้นถูกสลับตรรกะเหตุและผลกันเรย์น่าจึงเป็นคนจำอดีตชาติได้แทนมิวที่จำอดีตชาติได้

ถ้าหากถามว่าแล้วถ้ายังงั้นมิวก็ควรจะลืมแค่ความทรงจำอดีตชาติหรือเปล่า เพราะหากพูดง่ายๆ ว่ามันคือการสลับตำแหน่งกัน

มิวก็ควรลืมแค่ชาติก่อน.. คำตอบนั้นง่ายมากเพราะความทรงจำไม่ได้ทำงานเพียงแค่ลบบางส่วนแล้วอีกส่วนจะยังอยู่

เพราะโดยพื้นฐานแล้วความทรงจำทำงานในรูปแบบจดจำกระแสไฟฟ้าที่วิ่งอยู่ในสมอง เมื่อมีส่วนหนึ่งถูกทำให้หายไป

ไม่ใช่การถูกทำลาย แต่เหมือนจู่ๆ ก็หายไปเฉยๆๆ มันเลยส่งผลกระทบต่อความทรงจำอื่นๆ

แบบง่ายๆ เลยก็คือ.. เพราะมิวเวลาคิดมักจะใช้ความคิดบรรทัดฐานจากชาติที่แล้วในฐานะของคางาริ

ดังนั้นพอสูญเสียตัวตนที่ชื่อคางาริไป มิวจึงสูญเสียตัวตนของคางาริที่ชื่อมิวไปด้วยนั่นเอง

และในทางกลับกันเรย์น่าจึงนึกอดีตชาติในฐานะของเรนะได้ขึ้นมาแทน และด้วยความที่มันเป็นเหมือนการนึกอดีตชาติทำให้เธอไม่มีปัญหาซ้ำซ้อนแบบมิว

อีกทั้งเมื่อดาบของผู้กล้าเอริเนียแทงใส่อกของเรย์น่า จึงทำให้การเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นของทั้งสองคนที่ถูกสลับตำแหน่งกันนี้ถูกตัดขาดลง

เพราะแบบนั้นมิวจึงได้ความทรงจำกลับมาบางส่วน และหนึ่งในนั้นความทรงจำที่พร่าเลือนนั้นก็ทำให้เธอได้รู้ว่าดาบในมือคือดาบที่ฟันแล้วสามารถฟื้นฟูร่างกายได้

แน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้ว่าดาบเล่มนั้นทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่เธอแค่ต้องการจะฟื้นฟูร่างกายตัวเอง แต่ด้วยความทรงจำที่พร่าเลือนทำให้เธอไม่ค่อยมั่นใจ

แต่ถึงงั้นเธอก็เลือกที่จะเชื่อสัญชาตญาณตัวเองที่ไม่รู้สึกกลัวว่าดาบเล่มนี้จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้.. และทันทีที่มิวฟันตัวเอง

การเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นก็ถูกตัดลงอีกครั้ง เพราะการเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นนี้หากจะให้เห็นภาพก็นึกภาพว่ามันคือเส้นใยเส้นหนึ่ง

เส้นหนึ่งเป็นเส้นที่เชื่อมต่อเรย์น่ามายังมิวเพื่อทำให้เรย์น่ามีความทรงจำอดีตชาติ

และอีกเส้นก็เป็นเส้นที่เชื่อมต่อมิวไปยังเรย์น่า เพื่อทำให้มิวนั้นลืมความทรงจำอดีตชาติของตัวเองไป

ส่งผลให้ถ้าหากอยากจะหลุดจากกฎของ Abyss ได้ ต้องใช้ดาบเล่มดังกล่าวฟันใส่เรย์น่าและมิวนั่นแหละนะ แต่การที่จะรู้เรื่องนี้ได้นั้น..มันเป็นไปไม่ได้

ใช่.. ที่มิวหลุดออกมาจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ก็เพราะความโชคดีล้วนๆ เลยก็ว่าได้ หญิงสาวปริศนามองหน้าเรย์น่าพร้อมกับพึมพำ

“ได้รับความรักน่าดูเลยนะ”

ก่อนที่เธอจะหันหลังแล้วพูดขึ้น

“ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว”

“เดี๋ยวสิ ทำไมสหายข้าถึงทำท่าทางแปลกๆ”

จู่ๆ เทพธิดาก็พูดขึ้น แต่หญิงสาวปริศนาก็ไม่ได้หันหลัง เธอเพียงพูดขึ้นง่ายๆ ว่า

“ก็แน่ล่ะ พอเหตุและผลกลับคืนมาความทรงจำก็กลับคืนมา เวลาที่พวกหล่อนอยู่ในนั้นคือประมาณสิบวันใช่ไหมล่ะ”

“เวลาใน Abyss ไม่เดินหน้าหรือถอยหลังก็จริง แต่เพราะตรรกะของเหตุและผลมันสลับกันมั่วไปหมดเลยทำให้ทุกอย่างที่ควรจะเป็นของหล่อนมาตั้งแต่แรกย้อนคืนกลับมาที่ตัว”

“อธิบายแบบง่ายๆ ก็เวลาของหล่อนถูกแช่แข็งค้างไว้เป็นเวลาที่ถูกแย่งอดีตชาติไป พอได้กลับคืนมาช่วงเวลาสิบวันที่ควรมีก็ควรจะได้มาด้วย”

“แต่ว่าเดิมทีหล่อนก็มีช่วงเวลานั้นอยู่แล้วเพราะเวลาในที่แห่งนี้ไม่ได้หยุดเดิน ดังนั้นผลลัพธ์ของการที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีเหตุและผลแบบนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็คงพอจะนึกภาพตามออกใช่ไหม”

เทพธิดาที่ได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้าง หันมามองหญิงสาวปริศนา

“อย่าบอกนะว่า..”

“ถูกต้อง ช่วงเวลาสิบกว่าวันที่ไม่มีความทรงจำอดีตชาติจึงดึงเอาความทรงจำอื่นมาทดแทน และนั่นก็เป็นความทรงจำในอนาคตของเธอสิบกว่าวัน”

“มิว..ได้เห็นความทรงจำในอนาคตของตัวเองมาประมาณสิบกว่าวัน”

“ก็ประมาณนั้นความไม่สมเหตุสมผลของโลกจริงคือความสมเหตุสมผลในโลกของ Abyss อะนะ”

“เอ้ะ.. ถ้าอย่างนั้นก็…เธอก็รู้เรื่องนับจากนี้หมดน่ะสิ”

คนปริศนายิ้มขึ้น

“แล้วมันจะทำไมล่ะ กลัวว่ายัยนั่นจะเปลี่ยนแปลงอนาคตหรือไง”

“…..”

“ไม่ต้องห่วงหรอก คนที่ทำให้หล่อนเป็นคนกลัวการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ควรจะเป็นมันก็คือเธอไม่ใช่หรือไง อีกอย่างสิบกว่าวันเนี่ย.. น่าจะจบชั้นที่สี่นี่พอดี”

คนปริศนาพูดแบบนั้นเสร็จก็หายไป… โลกใบนี้ทั้งหมดก็สูญสลายหายไปเช่นเดียวกัน..

…..

.

มิวกุมหัวตัวเองพร้อมกับกัดฟันกรอด ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะกลับมาสงบลงอย่างรวดเร็ว..

“อนาคต…งั้นเหรอ…”

มิวพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเดินไปหาเรย์น่าที่นอนไม่ได้สติอยู่.. ดวงตาของเธอเผยแววสับสนเล็กน้อยเมื่อมองหน้าเรย์น่า

ความทรงจำของเธอกลับมาหมดแล้วรวมถึงความทรงจำที่ได้อยู่กับเรย์น่าก็ไม่ได้หายไปไหนแต่อย่างใด

ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่าตลอดสิบวันที่ผ่านมานี้ เธอได้เรย์น่าช่วยมาตลอด…

ทว่าอิกดร้าที่ได้สติกลับมาก็กระโดดถอยหลังพร้อมกับคำราม

“แก…”

ทว่ามิวไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นเช่นนั้นความโกรธมันยิ่งพุ่งสูงขึ้น แขนใหม่งอกออกมาก่อนที่จะกระโดดโจมตีใส่มิว

แต่ทว่าวินาทีที่มันเข้าใกล้มิวพร้อมจะโจมตีนั้น มิวก็หันหน้ากลับมาฟันใส่มันจนร่างกายของมันขาดครึ่งอย่างง่ายดาย

สัญชาตญาณเอาตัวรอดของมันทำงานแทบจะทันที.. เพราะมันหยั่งรากลึกลงไปในพื้นและแยกส่วนร่างกายที่โดนฟัน..

ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันนั้น..

ดาบมิวสัมผัสกับร่างมัน

รากของมันหยั่งลึกลงบนพื้น

พื้นเชื่อมต่อกับโลกทั้งใบ

และโลกทั้งใบก็เชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิต

ไม่เพียงแค่นั้น Abyss แห่งนี้เองก็เชื่อมต่อด้วย

ตรรกะของเหตุและผลเวลาถูกบิดเบือนด้วย Abyss และดาบของมิว…….

มันเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นที่—

ทุกอย่างสัมผัสกัน

มันเป็นเหมือนความโชคดี

มันเป็นเหมือนความบังเอิญ

และมันเป็นเหมือนความสมบูรณ์แบบที่….

….ถูกกำหนดไว้แล้ว