จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 65 รางวัลใหญ่จากบอส
“เปรี้ยงงง!”
ลำแสงสีทองยังคงกลืนกินพลังปีศาจอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นแถบพลังชีวิตของราชาซากศพกำลังลดลงเรื่อยๆ ฉินเทียนก็ฉีกยิ้ม
ตอนนี้เขาได้ทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อทำลายเกราะวิญญาณระดับสูง ชุดเกราะปีศาจโลหิตสงคราม และติดเครื่องรางที่หลังของมัน เมื่อเกราะถูกทำลาย ราชาซากศพก็จะไม่มีสิ่งใดปกป้องร่างกายอีกต่อไป และพลังของเครื่องรางก็สมควรสลายพลังปีศาจที่เหลือของมัน
เมื่อปราศจากปราณโลหิต ราชาซากศพก็เปรียบเสมือนนกที่ไร้ปีก มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก
เมื่อเครื่องรางระเบิดออก ปราณโลหิตจากพลังปีศาจก็ลดลงอย่างรวดเร็ว มันกำลังแห้งเหือด! ไร้ซึ่งแรงหนุนจากปราณโลหิต พลังของชุดเกราะปีศาจโลหิตสงครามก็เสื่อมถอยลงจนในที่สุดก็สลายหายไป
เนื้อหนังของมันค่อยๆเปื่อยยุ่ยและเปลี่ยนเป็นสีดำ ขณะที่มีควันสีเขียวลอยออกมา
“อ๊ากกก อ๊ากกก” ราชาซากศพต้องการจะคว้าเครื่องรางที่ดูดกลืนพลังของมันออก ท่าตัวเครื่องรางนั้นถูกสร้างขึ้นโดยผู้บ่มเพาะที่ทรงพลัง มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกำราบอำนาจชั่วร้ายโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อนำมาใช้กับราชาซากศพ ความรุนแรงของมันจึงทบขึ้นทวีคูณ และแม้กระทั่งพลังที่มันบ่มเพาะมานับพันปีก็ยังไม่อาจช่วยเหลือมัน
เครื่องรางทุกชิ้นล้วนมีพลังของผู้ที่สร้างมันสถิตอยู่ และเมื่อนำมันมาใช้ตรงกับจุดประสงค์ของมัน พลังของมันจะมากมายเป็นพิเศษ
“ฮี่ฮี่…”
ฉินเทียนฉีกยิ้ม มองดูแถบพลังชีวิตที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของราชาซากศพแล้ว เขาก็โคจรเคล็ดมังกรฟ้าและพุ่งตัวออกไป เขากำหมัดต่อยเข้าไปที่หน้าอกของมันตรงๆและคว้าดึงออกมา….
เขาคว้าไข่มุกสีดำที่มีพลังแผ่วิญญาณออกมาด้วย เมื่อได้เห็น เขาก็คิดว่ามันน่าจะเป็นแก่นภายในที่ผู้คนพูดถึง เมื่อได้มันมาไว้ในมือแล้ว ฉินเทียนก็ถอยร่นออกไป
“ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น ‘ฉินเทียน’ ที่สังหารราชาซากศพได้สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 5,000 จุด ค่าพลังปราณ 1,000 จุด ค่าชีวิต 500 หน่วย….”
“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับ เซ็ตชุดเกราะปีศาจโลหิตสงคราม…”
“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับ หนังสือ วิถีปีศาจโลหิต…”
“ขอแสดงความยินดีที่ได้รับ หยดโลหิตจ้าวปีศาจ…”
“เยี่ยม!”
ฉินเทียนแทบจะตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดี เขาคิดขึ้นในใจ ‘บอสหรือ บอสแล้วไง? รางวัลเยอะแบบนี้จึงค่อยสมกับเป็นบอส พี่ชายซากศพเอ๋ย ข้าล่ะรักเจ้าจริงๆ! ฮ่าฮ่าฮ่า….”
ไม่รอทันที่ฉินเทียนจะเปิดหน้าต่างสถานะขึ้นดูก็มีจิตสังหารอันรุนแรงมุ่งตรงมาที่เขา
ฉินเทียนถอยหลบทันที เขากระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนซากสิ่งก่อสร้างพร้อมเพิ่มความระมัดระวัง
กระทั่งราชาซากศพก็ยังไม่น่ากลัวเท่าจิตใจของมนุษย์!
หยางฮั่นพร้อมด้วยหนานกงหยานและอาซานจ้องมองฉินเทียนอย่างเย็นชา พวกมันปลดปล่อยจิตสังหารเข้ากดดันฉินเทียน ขณะที่อีกด้านหนึ่ง หลินหยานก็จ้องมองฉินเทียนอย่างเคียดแค้น
“เจ้าทำอะไรเชียนหาน? ไฉนเครื่องรางสะกดปีศาจจึงอยู่ในมือเจ้าได้? ตอบข้ามา!…”
แรงกดดันของขั้นกลั่นวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่สามารถล้อเล่น แรงกดดันอุนแรงแรงโถมเข้าหาฉินเทียน ขณะที่ฉินเทียนคิดขึ้นอย่างหงุดหงิด ‘ข้าล่ะเกลียดพวกที่ใช้แรงกดดันใส่ข้าจริงๆ’
ฉินเทียนแค่นเสียงพลางปลดปล่อยพลังปราณออกมาต้านทานแรงกดดันของหลินหยาน ในตอนนี้เอง หยางฮั่นพลันพุ่งร่างเข้ามา ฝ่ามืององุ้มเป็นกรงเล็บตระเตรียมขย้ำคอฉินเทียน
หนึ่งกดดันเขา ขณะที่อีกหนึ่งโจมตีเข้ามาหมายเอาชีวิต
สองผู้บ่มเพาะกลั่นวิญญาณที่เข้ามาพร้อมกันทำให้เขาต้องกู่ร้องในใจ ‘คลุ้มคลั่ง’
เมื่อหลินหยานมองเห็นหยางฮั่นลอบลงมือต่อฉินเทียน มันก็รั้งแรงกดดันกลับพลางถอยไป
ฉินเทียนมองหยางฮั่นอย่างเย็นชา แรงกดดันจากขั้นกลั่นวิญญาณระดับห้าช่างมีมากมายเสียจริง
ทักษะศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้นตามติดด้วยพลังมังกรพิสุทธิ์ ฉินเทียนพุ่งร่างเข้าหาหยางฮั่น กำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังปราณของเขาเผาผลาญอากาศจนเกิดเป็นไอสีขาว
พลังปราณที่หนาแน่นดุจก่อขึ้นจากผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณทำให้หลินหยานต้องตกตะลึง
“หาที่ตาย!”
ทักษะศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้นตามติดด้วยพลังมังกรพิสุทธิ์ ฉินเทีเยนพุ่งร่างเข้าหาหยางฮั่น กำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยพลังปราณของเขาเผาผลาญอากาศจนเกิดเป็นไอสีขาว เมื่อได้เห็น ฉินเทียนก็ทราบว่ามันถูกฉาบไว้ด้วยพิษ
เขาพลันเปลี่ยนท่าร่างอีกครั้งก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้น ขณะที่กำลังจะโจมตีถูกตัวนั้นเอง เขาก็พลันพบว่าร่างของหยางฮั่นได้หายไปแล้ว
นี่คือความต่าง ความต่างของขั้นรวบรวมวิญญาณและขั้นกลั่นวิญญาณนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่
แม้ว่าเขาจะมีพลังปราณมหาศาล และแก่นอสูรภายในร่างของเขาก็คอยเติมเต็มพลังปราณอยู่ตลอด ตัวเขาก็ยังคงอยู่ในขั้นรวบรวมวิญญาณระดับสี่ แม้จะใช้ทักษะคลุ้มคลั่งเข้าช่วย เขาก็ยังคงไม่อาจต่อกรกับผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณระดับห้า
ด้วยใจที่ไม่ทดท้อ เขาพลันเร่งทักษะมังกรฟ้าในจุดตันเถียน พร้อมด้วยพลังไร้รูปลักษณ์ที่ห่อหุ้มร่าง กลิ่นอายนักล่าของเขาก็สัมผัสถึงกลิ่นอายของหยางฮั่น ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด เหงื่อเย็นไหลอาบแผ่นหลัง
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหยางฮั่นได้อย่างชัดเจน หากแต่ความเร็วของอีกฝ่ายมีมากเกินไป แม้จะสัมผัสได้ ทว่าเขากลับไม่อาจติดตามทัน
แรงกดดัน เป็นแรงกดดันมหาศาล
ภายในความคิด จู่ๆชุดเกราะปีศาจโลหิตสงครามก็ลอยขึ้นมาพร้อมกับหมุนช้าๆ ฉินเทียนมีความสุข เขาไม่คิดเลยว่าเพียงแค่ใช้ความคิด ชุดเกราะก็ปรากฏขึ้นใต้ชุดของเขา
ชุดเกราะวิญญาณระดับสูง เกราะที่ถูกกลั่นสร้างโดยราชาซากศพมานับพันปี แน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งอย่างยิ่ง พร้อมด้วยพลังไร้ลักษณ์ของพลังมังกรพิสุทธิ์ ความมั่นใจของเขาก็กลับคืนมา
เขาพลันปิดเปลือกตาและรับสัมผัสรอบด้านด้วยกลิ่นอาย พลังปราณค่อยๆรั้งรวมเข้าสู่ฝ่ามือ
เป็นกลิ่นอายที่แข็งแกร่งนัก! กลิ่นอายนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบสั่นสะท้าน
หยางฮั่นกู่ร้องขณะที่สะบัดเข็มในมือออก ในเวลาเดียวกัน กระบี่ที่ควบแน่นขึ้นจากปราณก็ฟันลงมา…
ครืนนนนน
การปะทะกันทำให้ฝุ่งผงปลิวคละคลุ้งทั่วบริเวณ
แถบพลังชีวิตของฉินเทียนลดลงกว่าครึ่ง พร้อมกับเสียง ‘อั่ก’ โลหิตพลันถูกพ่นออกจากปาก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว
หยางฮั่นลอยกระเด็นไปนับร้อยก้าว ใบหน้าของมันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทั้งยังเลอะฝุ่นดิน พิษซากศพที่หน้าอกพลันกำเริบขึ้นจนทำให้มันนิ่งค้าง มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้บ่มเพาะขั้นรวบรวมวิญญาณระดับสี่จะสามารถต้านทานการโจมตีของมันได้ทั้งยังแทบไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด มันไม่เคยประสบพบเจอพลังปราณมหาศาลที่ราวกับหลุดออกมาจากต่างมิติเช่นนี้มาก่อนเลย
ดวงตาของหยางฮั่นลุกโชนด้วยเพลิงแค้น มันจ้องมองฉินเทียนอย่างเย็นชา ขณะที่หน้าอกของมันส่งเสียง ‘ปึด’ ออกมา
โลหิตสีดำฉีดพุ่ง ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้มันหน้าเปลี่ยนสี มันพลันหันไปกล่าวกับหนานกงหยุนโดยเร็ว “รีบกลับเมืองขอบนภา…”
ทั้งสามพลันทะยานเข้าป่าแล้วหายตัวไป
หยางฮั่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบจากไปโดยเร็ว หากว่ามันชักช้า ชีวิตของมันคงจบลงภายใต้พิษซากศพแล้ว
เทือกเขาคุนหลุนอยู่ห่างจากสำนักเทียนจี๋นับหมื่นลี้ ต่อให้เร่งรีบเดินทางที่สุดก็ต้องใช้เวลาหลายวัน การเลือกกลับไปที่เมืองขอบนภาจึงเป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของมันเอาไว้ได้
เมืองขอบนภา หนึ่งในสามเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรต้าหลี่ อีกทั้งมันยังอยู่ห่างจากเทือกเขาคุนหลุนไม่ถึงหนึ่งพันกิโลเมตร
หยางฮง เจ้าเมืองขอบนภาคือ บิดาของหยางฮั่นเอง!