บทที่ 82 การรักษา

บทที่ 82 การรักษา

การจดจ่อของเด็ก ๆ อยู่ได้ไม่นาน เหมือนดังที่ถังเหมียวเหมี่ยวเป็นอยู่ตอนนี้

เด็กหญิงเล่นกับนกแก้วสองตัวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็เดินตามโจวอี้ไปเรียนการเขียนพู่กันด้วยความกระตือรือร้น แต่ในช่วงระยะเวลาไม่ถึงสิบนาทีเธอก็วางพู่กันลง

“พ่อคะ หนูอยากออกไปเล่นข้างนอก” ถังเหมียวเหมี่ยวเอ่ยขึ้น

“หนูอยากไปเล่นที่ไหนล่ะ?” โจวอี้ถามเคล้ารอยยิ้ม

“หนูอยากไปสวนสนุก เด็กทุกคนในชั้นเรียนบอกว่าสวนสนุกตอนกลางคืนสวนมาก!” ถังเหมียวเหมี่ยวพูดขึ้น

“เวลานี้…”

โจวอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกำลังจะตอบตกลง ทว่าโทรศัพท์กลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็พบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากหลี่หงอี้ ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดรับสายและกรอกเสียงลงไป “พี่หลี่ มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”

“น้องโจว คุณพอจะมีเวลาไหม?” หลี่หงอี้ถาม

“นี่…มีเรื่องด่วนเหรอ?” โจวอี้ถาม

“บอสเกาที่ประมูลหม้อระงับวิญญาณถูกซุ่มโจมตีระหว่างเดินทางออกจากจินหลิง เขาต่อสู้กับชายชราต้าเจียงอู เป็นผลให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ บอสเกาถูกวางยาพิษและตอนนี้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย สถานการณ์ของผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนไม่ค่อยดี พวกเขาตามตัวคุณไม่พบ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องขอความช่วยเหลือจากคุณผ่านผม” หลี่หงอี้กล่าวอย่างรวดเร็ว

บอสเกา?

ชายวัยกลางคนที่ชื่อเกาเฟิง?

โจวอี้พบกับเกาเฟิงครั้งแรกตอนที่ประมูลหม้อระงับวิญญาณในวันนี้ ทั้งสองพูดคุยกันเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

เขาควรยื่นมือเข้าไปช่วยดีหรือไม่?

โจวอี้มองไปที่ลูกสาวของเขาและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงใช้มือกุมโทรศัพท์และถามว่า “เหมียวเหมี่ยว มีคุณลุงท่านหนึ่งถูกวางยาพิษและต้องการให้พ่อช่วย ถ้าพ่อไม่ไปเขาจะต้องตาย พ่อควรไปช่วยเขาไหม?”

“ถ้าตายเราก็จะไม่ได้เจอกันอีกใช่ไหมคะ?” ถังเหมียวเหมี่ยวเริ่มอยากรู้อยากเห็น

“ใช่แล้วครับ การตายคือการหายไปจากโลก พวกเราจะไม่ได้พบกับเขาอีก ครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเขาจะไม่มีวันได้เจอเขาอีก ญาติหลายคนของเขาจะต้องเสียใจ” โจวอี้กล่าว

“คุณพ่อไปช่วยเขาเถอะค่ะ!” ถังเหมียวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างจริงจังว่า “พ่อคือซูเปอร์แมนควรมีความกล้าหาญ และต้องช่วยเหลือชีวิตผู้คน”

“ลูกสาวของพ่อเป็นเด็กใจดี” โจวอี้อุ้มลูกสาวด้วยมือข้างหนึ่งแล้วกรอกเสียงใส่โทรศัพท์มือถือ “พี่หลี่ ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”

“ตกลง พวกเราจะรอคุณ”

******

โรงแรมโกลเดน อีเกิล อินเตอร์เนชันแนล

แขกทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อการกุศลถูกย้ายไปยังห้องโถงถัดไป

ในฐานะตัวเอกของค่ำคืนนี้ หยางเซี่ยวหางก้าวมาที่โต๊ะด้านหน้า เขานั่งลงไปพร้อมกับผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจจินหลิงและครอบครัวของพวกเขา

“ไห่เทา คุณรู้จักถังหว่านไหม” คุณนายหยางหรือจางซิ่วจือถาม เธออายุกว่าสี่สิบปีแล้วแต่เธอยังสวยไม่สร่าง เธอบังเอิญนั่งอยู่ข้างหวงไห่เทา ดังนั้นจึงถามด้วยรอยยิ้มที่มองดูแล้วไม่คล้ายยิ้ม

“ผมรู้จักครับ” หวงไห่เทาคลี่ยิ้มกว้าง

“ได้ยินมาว่าถังหว่านเป็นคนขาวสะอาดในวงการบันเทิง ไม่ยุ่งวุ่นวายกับคนอื่น คุณคิดยังไงกลับเธอเหรอ? อยากจะลงเอยกับเธอหรือเปล่า?” จางซิ่วจือกล่าวติดตลก

คำพูดของเธอกระตุ้นความสนใจของคนอื่น ๆ ทันที

“ไม่ ไม่ ไม่ อย่าเอาชีวิตผมเข้าไปเสี่ยงเลยครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ” หวงไห่เทาโบกมือพัลวัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“ไม่กล้า? คุณหมายถึงอะไร” จางซิ่วจือตกตะลึงเล็กน้อย และคนอื่น ๆ บนโต๊ะก็แสดงท่าทางงงงวย

หวงไห่เทาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่เฉิงฮ่าวที่เอาแต่ยิ้มไม่พูดไม่จา

จากนั้นเขาก็เตะเฉิงฮ่าวด้วยเท้าของเขาที่ใต้โต๊ะ

“อย่าแม้แต่จะคิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม” เฉิงฮ่าวลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มบูดบึ้ง จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “พี่หยาง เหลาหวงและผมมีความสัมพันธ์บางอย่างเกี่ยวข้องกับถังหว่าน ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมเชิญเธอมาที่โต๊ะได้ไหม?”

เกี่ยวข้อง?

สองคนในเวลาเดียวกัน?

หยางเซี่ยวหางรู้สึกประหลาดใจ จำนวนคนที่สามารถนั่งที่โต๊ะนี้ได้ในคืนนี้นั้นมีจำนวนมากจนเกิดศึกแย่งชิง เขาเชื่อว่าเฉิงฮ่าวรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นเฉิงฮ่าวยังคงยื่นคำขอด้วยตัวเอง และดูเหมือนว่าหวงไห่เทาจะเห็นด้วยกับมัน

หยางเซี่ยวหางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและขยิบตาให้จางซิ่วจือภรรยาของตน ขณะที่เฉิงฮ่าวหมุนกายและเดินจากไป

จางซิ่วจือเข้าใจอย่างชัดเจน ก่อนจะขยับเข้าหาหวงไห่เทาพลางเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “ไห่เทาภูมิหลังของถังหว่านเป็นยังไง? ดูเหมือนว่าคุณจะให้ความสำคัญกับเธอมาก?”

หวงไห่เทาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้จางซิ่วจือและกระซิบว่า “สามีของถังหว่าน คือโจวอี้ น้องชายของผมและเฉิงฮ่าว และตัวตนของเขานั้นพิเศษมาก”

“พิเศษยังไง?”จางซิ่วจือรู้สึกทึ่งในทันที

“พี่สะใภ้ ถ้าผมบอกคุณแล้ว คุณและพี่หยางต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนของถังหว่านค่อนข้างพิเศษ” หวงไห่เทากระซิบ

“อย่ากังวลไป เรื่องนี้จะไม่มีวันแพร่งพรายไปอย่างแน่นอน” จางซิ่วจือสัญญา

“โจวอี้เป็นทายาทของหมอผีและเป็นศิษย์ของสำนักโอสถในโลกวรยุทธ์โบราณ เขาเพิ่งมาจากภูเขาและตอนนี้ทำงานที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง” หวงไห่เทากล่าว

หมอผี?

เพิ่งลงมาจากภูเขา?

จางซิ่วจือดูประหลาดใจ

เธอใส่ใจในการรักษาสุขภาพ ดังนั้นเธอจึงให้ความสำคัญกับยาจีนโบราณมากกว่ายาตะวันตก เธอรู้ดีว่าสถานะของหมอผีในจีนนั้นสูงส่งแค่ไหน และเป็นตัวแทนของสิ่งใดในวงการแพทย์!

“คุณเฉิง!”

บรรดาแขกรอบด้านกุลีกุจอลุกขึ้นทักทาย

เฉิงฮ่าวตอบรับด้วยรอยยิ้ม เขาเดินตรงไปทางถังหว่านและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถังหว่าน ผมอยากแนะนำเพื่อน ๆ ให้คุณรู้จัก คุณอยากไปนั่งข้างในกับผมไหม?”

นั่งข้างใน?

ถังหว่านตกตะลึง และทุกคนรอบตัวเธอต่างแสดงความประหลาดใจ

ดวงตาแปลก ๆ คู่หนึ่งจับจ้องไปยังถังหว่าน

ถังหว่านต้องการที่จะปฏิเสธ แต่หญิงสาวแล้วรู้สึกว่าถ้าเธอปฏิเสธไปจะเป็นการทำให้เฉิงฮ่าวเสียหายต่อหน้าคนจำนวนมาก ดังนั้นจึงจำใจพยักหน้าตกลง

ครู่ต่อมา

ถังหว่านตามเฉิงห่าวไปที่โต๊ะด้านในสุด เมื่อหวงไห่เทาทักทายเธออย่างอบอุ่นและชักชวนให้นั่งลง ในหัวของเธอก็เต็มไปด้วยความสับสน

โต๊ะหลักพิเศษเกินไป

เธอรู้จักแขกส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนดังในแวดวงธุรกิจของจินหลิง และบางคนก็มาจากตระกูลใหญ่

เธอทำงานในวงการบันเทิงมาหลายปีแล้ว และได้เผชิญกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย เธอไม่มีคุณสมบัติที่จะนั่งร่วมกับทุกคนที่นี่

อย่างไรก็ตาม ทำไมเฉิงฮ่าวและหวงไห่เทาถึงจัดการเรื่องนี้เอง?

“ถังหว่านมานั่งนี่สิ ไห่เทาช่วยหลบทางให้ฉันหน่อย ฉันอยากนั่งใกล้กับถังหว่าน” จางซิ่วจือยืนขึ้นและดึงถังหว่านเข้ามาอย่างอ่อนโยน

“โอเค ครับพี่สะใภ้” หวงไห่เทายิ้ม “ถังหว่าน นี่คือภรรยาของพี่หยางเซี่ยวหาง”

“สวัสดีค่ะ คุณนายหยาง” ถังหว่านยิ้มหวาน

“อย่าเรียกฉันว่าคุณนายหยางเลย ฟังแล้วรู้สึกแปลก ๆ ถ้าคุณไม่รังเกียจ เรียกฉันว่าพี่สะใภ้เหมือนอย่างไห่เทาและเฉิงฮ่าวก็ได้” จางซิ่วจือดึงถังหว่านให้นั่งลง พลางถามเคล้ารอยยิ้ม “ขอเรียกคุณว่าเสี่ยวหว่านได้ไหม?”

“ได้ค่ะ พี่สะใภ้” ถังหว่านพยักหน้าเบา ๆ

“มาเถอะ พี่สะใภ้จะแนะนำให้รู้จักกับคนอื่น นี่คือ…”

ในขณะที่จางซิ่วจือแนะนำให้ถังหว่านรู้จักกับคนอื่น ๆ ในโต๊ะเดียวกัน ถังหว่านก็ทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม หากแต่ความสับสนยังทวีคูณยิ่งขึ้น

เธอรู้สึกว่าจางซิ่วจือกระตือรือร้นเกินไป

ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ!

แขกร่วมโต๊ะไม่ได้มีท่าทางหยิ่งยโส พวกเขาพูดคุยกับถังหว่านอย่างสุภาพ และยกย่องเธออย่างต่อเนื่อง

ทว่า พวกเขายังฉงน ถังหว่านเป็นดาราไม่ใช่เหรอ? ทำไมหวงไห่เทากับเฉิงฮ่าวให้ความสำคัญกับเธอมากขนาดนี้? แม้แต่จางซิ่วจือเองก็กะตือรือร้นขึ้นมาหลังจากกระซิบกับหวงไห่เทาแค่สองสามคำ?