ตอนที่ 105 สัญลักษณ์ที่แท้จริง!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงเซียวเชื่อว่าหลานลั่วเฟิ่งจะต้องเล่าเรื่องการคบหากันของพวกเขา พูดถึงหุ่นรบของเขาให้หลิงหลานฟังแน่นอน (เรื่องนี้เขาพลาดไปแล้ว หลานลั่วเฟิ่งไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้หลิงหลานฟังเลย เพราะหลานลั่วเฟิ่งคิดว่าเรื่องหุ่นรบมันยังเร็วมากเกินไปสำหรับหลิงหลาน)

ยังดีที่หลานลั่วเฟิ่งเคยหลุดพูดว่าสถานที่ที่เธออยากไปมากที่สุดคือโลกของ Belief ทำให้เสี่ยวซื่อบันทึกลงไป ดังนั้นถึงทำให้เสี่ยวซื่อหาคำตอบที่ถูกต้องเจอ ต้องพูดว่าหลิงหลานผ่านด่านนี้มาอย่างเฉียดฉิวมาก ทว่าต่อให้หลิงหลานล้มเหลว เธอกลับไปถามหลานลั่วเฟิ่งก็จะได้รับคำตอบที่ถูกต้อง แล้วค่อยเข้ามาทดสอบอีกก็ได้เหมือนกัน

หลิงเซียวไม่ได้ตั้งข้อจำกัดว่าทุกคนจะมีโอกาสแค่ครั้งเดียว หลิงเซียวก็กลัวเหมือนกันว่าคำถามของเขาจะเบี่ยงประเด็นมากเกินไป กระทั่งหลานลั่วเฟิ่งก็ลืมไปแล้ว

หลิงเซียวเองก็กลัวว่าจะมีคนบังเอิญพูดชื่อหุ่นรบของเขาออกมา ดังนั้นเขาเลยวางอุปสรรคไว้อีกอัน ถ้าหากสุ่มเข้าไปที่ห้องด้านนอกสักห้องในห้องโถง หลิงเซียวก็จะบอกวิธีการฝึกฝนของตระกูลหลิงให้กับผู้ที่เข้ามา ถ้าหากตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก ก็สามารถไปถึงระดับไพ่ราชาได้ สิ่งที่พ่อเขาเรียนรู้ในตอนนั้นก็คือวิธีการชุดนี้ มันเป็นวิธีการฝึกฝนที่ไม่เลวเหมือนกัน

เช่นนี้เขาก็สามารถปิดฟ้าข้ามทะเล[1]รอคอยลูกของเขาเข้ามาทดสอบต่อไป เพราะว่ามีเพียงลูกของเขาเท่านั้นที่จะรู้ว่าคฤหาสน์ตระกูลหลิงมีการแบ่งเป็นส่วนหน้าส่วนหลัง ถึงจะสามารถหาห้องที่แท้จริงได้

พวกห้องหนังสือห้องนอนของส่วนหลังไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่หลิงหลานคิดไว้ขนาดนั้น หลิงเซียวอยู่แต่ในห้องหนังสือ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหลิงหลานไปห้องอื่นก่อนก็จะไม่เจอใคร ได้แต่เข้ามาในห้องหนังสือเท่านั้นถึงจะเห็นภาพที่หลิงเซียวทิ้งไว้ล่วงหน้าได้

แต่สุดท้ายหลิงเซียวก็ยังไม่วางใจ ถึงยังไงความสามารถของทางกองทัพก็แข็งแกร่งมากเกินไป เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่าพวกผู้คุ้มกันของคฤหาสน์ตระกูลหลิงจะทรยศเขา เผยความลับของคฤหาสน์ตระกูลให้กับทางกองทัพหรือไม่ ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจเพิ่มการทดสอบสุดท้ายขึ้นมาอีกอัน การทดสอบนี้เป็นความลับระหว่างเขากับหลานลั่วเฟิ่งเท่านั้นจริงๆ

ควรรู้ไว้ว่าหลิงเซียวกับหลานลั่วเฟิ่งไม่เคยใช้รหัสตัวหมอของพวกเขาสองคนที่ข้างนอกมาก่อน หรือพูดอีกอย่างก็คือ รหัสชุดนี้รู้กันระหว่างพวกเขาสองคนมาตลอด ดังนั้นคนที่จะตอบการสอบนี้ได้ก็มีเพียงหลานลั่วเฟิ่งแล้วก็อีกคนหนึ่งเท่านั้น นั่นก็คือคนที่หลานลั่วเฟิ่งสอนรหัสตัวหมอด้วยตนเอง ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่าคนผู้นี้ย่อมต้องเป็นลูกของเขา

หลิงหลานใช้รหัสตัวหมอไขรหัสการสอบข้อสุดท้ายของหลิงเซียวเหมือนกับที่หลิงเซียวคาดการณ์ไว้

หลิงหลานมีคำตอบแล้วก็หันกายออกจากห้องหนังสือไปอย่างแน่วแน่ พอเธอมาถึงห้องนอนใหญ่แล้วก็เดินไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อน แล้วหากล่องเครื่องประดับของแม่

ข้างในกล่องเครื่องประดับคือพวกเครื่องประดับที่หรูหรางดงาม หลิงหลานเขี่ยลวกๆ ก็ไม่พบของที่เป็นเป้าหมาย เธอโยนมันทิ้งไปแล้วก็เปลี่ยนทิศทาง เธอเดินไปข้างเตียงหลังใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของห้องนอน หลิงหลานคุ้นเคยกับเตียงหลังนี้มาก เธอนอนอยู่บนนั้นตั้งแต่เกิด จนกระทั่งเธอสามารถเอ่ยปากขอห้องเดี่ยวได้ถึงค่อยบอกลามัน

ช่วงเวลานั้นเธอรู้สถานที่ที่หลานลั่วเฟิ่งวางของสำคัญไว้เป็นอย่างดี ก็คืออยู่บนเตียงหลังนี้ หลิงหลานลูบขอบเตียงก่อนจะเห็นว่าจู่ๆ ก็มีหน้าจอ LCD เล็กๆ โผล่ขึ้นมาบนแผ่นหัวเตียงที่เรียบรื่น มันมีปุ่มตัวเลือกอยู่สิบหมายเลข หลิงหลานไม่คิดอะไรมากมาย เธอใส่เลขรหัสที่รู้เป็นอย่างดี ขอเพียงหลานลั่วเฟิ่งไม่เคยเปลี่ยนรหัส ก็ย่อมไม่มีความผิดพลาด

หลังจากที่ใส่รหัสลงไป ไม่ถึงห้าวินาที แผ่นเตียงก็พลันเด้งออกมา ลิ้นชักที่มีความกว้างประมาณสามสิบเซ็นติเมตร ยาวห้าสิบเซนติเมตรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหลานเช่นนี้เอง

ตู้ลับอยู่ตรงนี้มานานแล้วอย่างที่คิดไว้จริงๆ! ด้านในว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย มีเพียงกล่องเล็กๆ ที่สวยงามมากวางอยู่เพียงกล่องเดียวเท่านั้น หลิงหลานหยิบกล่องออกมาเปิดดู แหวนเพชรวงใหญ่ที่ส่องประกายรัศมีแสงพราวพร่างนับไม่ถ้วนภายใต้แสงไฟปรากฎขึ้นมาตรงหน้าของหลิงหลาน มันคือแหวนเพชรแต่งงานที่แม่เก็บรักษามาตลอด

มุมปากของหลิงหลานยิ้มขึ้นน้อยๆ รู้ว่าตัวเองหาของที่เป็นเป้าหมายเจอแล้ว เธอปิดกล่องถือมันไว้ในมือ หลังจากนั้นก็กลับไปที่ห้องหนังสือของหลิงเซียว

หลิงเซียวเห็นเธอกลับมาอีกครั้งก็เอ่ยถามกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มว่า “หาของ ที่ฉันต้องการเจอแล้วเหรอ?”

หลิงหลานแบมือขวาทันที แสดงกล่องออกมาตรงหน้าหลิงเซียว เธอไม่พูดอะไรแต่กลับมองหลิงเซียวด้วยใบหน้าจริงจัง

รอยยิ้มบนมุมปากของหลิงเซียวกดลงมากขึ้น “นี่ก็คือของที่ฉันต้องการ?”

หลิงหลานยังคงไม่ตอบ เพียงแต่เปิดกล่องเผยแหวนเพชรวงใหญ่ที่ซ่อนอยู่ด้านในออกมา

“นี่คือคำตอบของเธอเหรอ?” หลิงเซียวเลิกคิ้ว รอคอยคำตอบของหลิงหลาน

“แหวนแต่งงานของหลานลั่วเฟิ่ง เป็นของที่คุณมอบให้เธอ” หลิงหลานตอบอย่างใจเย็น

หลิงเซียวหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เอ่ยด้วยใบหน้าชื่นชมว่า “ไม่เลว ไม่นึกเลยว่าเธอจะหาคำตอบเจอ บอกได้ไหมว่าเธอตัดสินใจยังไงว่าแหวนเพชรวงนี้คือคำตอบของภารกิจที่ฉันต้องการ”

“ฉันแค่บอกว่านี่เป็นแหวนแต่งงาน ไม่ได้บอกว่านี่เป็นคำตอบของภารกิจ” คำพูดของหลิงหลานทำให้เสียงหัวเราะของหลิงเซียวหยุดชะงักไป ร่างของเขาแข็งทื่อไปชั่วครู่ เขาไม่นึกเลยว่าหลิงหลานจะพูดแบบนี้

คราวนี้เป็นตาหลิงหลานที่หัวเราะแล้ว แม่งเอ๊ย ในที่สุดเธอก็เอาคืนพ่อใจร้ายของเธอได้สักครั้ง ควรรู้ไว้ว่าที่ผ่านมาเธอถูกพ่อหยอกเล่นมาตลอด

หลิงเซียวกระอักกระอ่วนแค่แวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว เขาเอ่ยถามด้วยความขบขันว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมเธอต้องเอามันมาให้ฉันดูด้วยล่ะ?”

“เพราะว่าของที่คุณต้องการต้องอาศัยมันไปเปิดประตู” หลิงหลานหยิบแหวนเพชรวงนั้นออกมา แล้วโบกให้หลิงเซียว

“โอ้? ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านอกจากแหวนวงนี้แล้ว ฉันยังต้องการของอย่างอื่นอีก? ขอโทษมากๆ นะ ภารกิจของเธอล้มเหลวแล้ว” รอยยิ้มของหลิงเซียวเปลี่ยนเป็นเฉยชา ประกาศว่าหลิงหลานสอบตกด้วยความเย็นชา เขาบอกหลิงหลานด้วยสีหน้าผิดหวังอย่างชัดเจนว่า เธอทำพลาดไปแล้วจริงๆ

“นี่เป็นแค่แหวนขอแต่งงาน ไม่ใช่สัญลักษณ์ขอแต่งงาน ถึงแม้ว่าจะต่างกันสองพยางค์ แต่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ถูกไหม? คุณพ่อของฉัน?” หลิงหลานฉีกคำลวงของหลิงเซียวอย่างไร้หัวใจ “คุณก็อย่าเสแสร้งอีกเลย ถ้าฉันเลือกแหวนเพชรวงนี้เป็นคำตอบสุดท้ายขึ้นมา ภารกิจถึงจะล้มเหลวจริงๆ เถอะ”

หลิงเซียวยังคงนิ่งไม่ไหวติง เขาเพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “เธอเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าฉันทำให้เธอสอบตกและกลับไปแบบนี้ เธอก็คงจะไม่ยอมรับแน่นอน เอาแบบนี้ละกัน ฉันจะให้โอกาสเธออีกสักครั้ง หวังว่าเธอจะพูดกล่อมฉันได้”

หลิงหลานรู้ว่านี่น่าจะเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งของพ่อเธอเช่นกัน ดังนั้นเธอก็เลยไม่เกรงใจ เดินเข้าไปที่ด้านหลังพ่อตัวเองทันที จากนั้นก็ใช้นิ้วมือจิ้มเขาและพูดว่า “พ่อ รบกวนหลีกทางด้วย”

หลิงเซียวลุกขึ้นด้วยสีหน้าจนใจ ให้ความร่วมมือปล่อยโต๊ะหนังสือออกมา ในเมื่อเขายินดีมอบโอกาสให้แล้ว ก็ให้เขาทำตามที่ต้องการ

หลิงหลานนั่งลงบนเก้าอี้ที่หลิงเซียวเพิ่งจะลุกขึ้นมาอย่างผ่าเผย เธอดึงลิ้นชักตรงกลางออกมา จากนั้นก็แบมือสอดเข้าไปในลิ้นชัก เลื่อนฝ่ามือไปแตะส่วนล่างของแผ่นโต๊ะที่อยู่ด้านบน แต่หลังจากที่รอไปสามวินาทีก็พบว่าไม่มีการเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่า ในความทรงจำเมื่อแปดปีก่อนของหลิงเซียว ตู้เซฟของตระกูลหลิงยังไม่ได้ใส่ลายนิ้วมือของเธอลงไป

หลิงหลานลุกขึ้นด้วยความกลุ้มใจ เธอเอ่ยกับหลิงเซียวว่า “ยืมลายนิ้วมือของพ่อหน่อย”

เธอกล่าวจบก็ดึงฝ่ามือของพ่อมาทันทีแล้วแนบไปที่ส่วนล่างของแผ่นโต๊ะ หลังจากที่คงไว้สามวินาที ก็ได้ยินเสียงแกรกเบาๆ ที่แทบจะทำให้คนมองข้ามดังออกมาจากตู้หนังสือด้านข้าง

หลิงหลานเดินไปที่เบื้องหน้าตู้หนังสือหลังที่สี่ ตู้หนังสือเต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ นานาที่ทำจากกระดาษมานานแล้ว วิธีการอ่านแบบโบราณเช่นนี้มีอยู่น้อยมากในยุคสมัยนี้ หนังสือที่ทำจากกระดาษของโลกในปัจจุบันนี้ต่างก็เป็นตำราโบราณที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีจนถึงขนาดพันปี คนทั่วไปเห็นตำราโบราณแบบนี้ปรากฎขึ้นมาต่างก็เกิดความรู้สึกเคารพนับถือ ไม่กล้าบุ่มบ่าม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปแตะวัตถุโบราณล้ำค่าพวกนี้เลย

แต่การกระทำของหลิงหลานกลับดูป่าเถื่อนมาก ถ้าหากเธอถูกคนรักหนังสือโบราณเห็นเข้า เธอจะต้องถูกรุมวิจารณ์โจมตีจนถึงตายแน่นอน

หลิงหลานคว้าหนังสือเล่มหนึ่งไว้อย่างดุดันและดึงออกมาแรงๆ หนังสือถูกดึงลงมา ด้านในเผยให้เห็นโพรงทรงกลมที่มีมุมหลายด้าน

ที่แท้สิ่งที่หลิงหลานดึงลงมาก็เป็นแค่ปกส่วนหลังของหนังสือเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าเกิดไม่มีการปลดล็อกลายนิ้วมือก่อนละก็ ต่อให้หลิงหลานใช้แรงสุดกำลังก็ดึงปกที่ใช้คลุมหนังสือนี้ไม่ได้

หลิงหลานสอดด้านหน้าของแหวนเพชรในมือเข้าไปที่รูกลมๆ แต่กลับมีมุมมากมายนับไม่ถ้วน มันเชื่อมกับรูได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่มีรอยแยกอะไรเลย ครั้งนี้เวลาที่รอคอยนานมากขึ้น เมื่อรอเวลาได้ประมาณหกวินาทีก็ได้ยินเสียงแกรกดังมาจากด้านในตู้หนังสืออีกครั้ง

ของที่หลิงหลานจับไว้คราวนี้เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ข้างรูกลมๆ ครั้งนี้หลิงหลานไม่ได้ดึงมันอีก หากแต่กดมันลงไป หลังจากนั้นเธอก็เห็นหนังสือที่เดิมทีเรียงอยู่เต็มนั้นหายไปฉับพลัน ก่อนจะมีตู้เซฟสี่เหลี่ยมขนาดประมาณสามสิบเซนติเมตรโผล่ขึ้นมา

ที่แท้แหวนเพชรเป็นเพียงกุญแจเปิดตู้เซฟเท่านั้น แต่ว่าแหวนเพชรวงนี้ก็เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งเช่นกัน ถ้าหากเป็นพวกโชคดีหาเจอมั่วๆ ก็จะถูกหลอกด้วยคำพูดก่อนหน้านี้ของหลิงเซียว คิดว่าแหวนเพชรคือคำตอบของหลิงเซียว สุดท้ายสิ่งที่ได้รับยังคงเป็นวิธีการฝึกฝนของตระกูลหลิงชุดนั้น ไม่ใช่มรดกของหลิงเซียว

แน่นอนว่าถ้าหากอยู่ในโลกความเป็นจริง หลิงหลานไม่ต้องทำเรื่องมากมายเพื่อไปหาแหวนเพชร ในตอนที่หลานลั่วเฟิ่งไม่อยู่ มีหลายครั้งที่หลิงหลานให้เสี่ยวซื่อ ‘สื่อสาร’ กับออปติคัลคอมพิวเตอร์ในตู้เซฟ หลังจากนั้นเธอก็เปิดมันได้ตามใจชอบ

อย่างไรก็ตามตอนนี้เธออยู่ในโลกของภารกิจ หลิงหลานต้องระมัดระวังเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าถ้าข้ามขั้นตอนนี้จะเกิดผลอะไรขึ้น ถ้าหากพ่อของเธอเป็นคนดื้อดึง จะต้องไปตามลำดับขั้นตอนละก็ เช่นนั้นวิธีการฉวยโอกาสแบบนี้ของเธอจะต้องเป็นการรนหาที่ตายแน่นอน หลิงหลานเลยตัดสินใจป้องกันไว้ก่อน ยอมเสียเวลาเพิ่มอีกหน่อยเพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จอย่างเรียบร้อยถูกต้อง

หลิงหลานกรอกรหัสลงไปด้วยความชำนาญ แล้วก็เปิดตู้เซฟออก หลานลั่วเฟิ่งไม่เคยเปลี่ยนรหัสมาก่อน คิดๆ ดูแล้วรหัสนี้ก็น่าจะเหมือนกับเมื่อก่อน

ข้างในตู้เซฟมีของโบราณล้ำค่ามากมาย ยังมีของหายากแปลกประหลาดอีกเยอะแยะด้วย ทั้งหมดต่างก็เป็นของที่ผู้นำตระกูลหลิงเก็บสะสมมาจากรุ่นสู่รุ่น ของบางอย่างก็เป็นของดีที่หลิงเซียวได้รับมา ยกตัวอย่างเช่น พู่กันงดงามที่หลิงหลานเคยใช้ก็อยู่ในนั้นเหมือนกัน

หลิงหลานคุ้ยเขี่ยข้าวของอย่างลวกๆ ก่อนจะหยิบของสามชิ้นออกมาจากในนั้น แล้วก็วางพวกมันไว้ตรงหน้าหลิงเซียวและกล่าวว่า “พ่อ นี่ถึงจะเป็นสัญลักษณ์ขอแต่งงานของคุณ เป็นของสามชิ้นนี้”

ของสามชิ้นนี้ดูเหมือนของธรรมดาทั่วไปมาก กระดาษขาวหนึ่งแผ่นที่สามารถซื้อได้ตามข้างถนน แผ่นชิปธรรมดาที่ไม่อาจธรรมดาได้อีก และก็พวงกุญแจรูปร่างหุ่นรบอันหนึ่ง

………………………………………………..

[1] อุปมาถึงการปกปิดอำพรางซ่อนเร้น