บทที่ 86 หากจะด่าคนอื่นแค่ต้องมองย้อนกลับมา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 86 หากจะด่าคนอื่นแค่ต้องมองย้อนกลับมา

เห็นดังนั้น!

หลานเยาเยาก็รีบคว้าแขนเสื้อเขาอย่างตื่นเต้นแล้วพูดอย่างดีใจว่า: “เจ้าตกลงแล้ว ดีจริงๆเลยงั้นข้าจะจูบนะ ครู่เดียวก็เสร็จแล้วเจ้าไม่ต้องอายนะ แหะแหะ……”

อาจจะรำคาญเสียงหัวเราะแบบปีศาจของนาง เย่แจ๋หยิ่งจึงหันหน้ามามองนางอย่างเย็นชาดูเหมือนว่าถ้าเขาพูดอะไรอีกประโยคเขาก็จะไม่ให้นางได้ทำสำเร็จ

หลานเยาเยาเงียบทันที!

จากนั้นก็ค่อยๆเข้าใกล้เขาเม้มริมฝีปากอุ่นจูบไปยังแก้มขาวหล่อของเขา……

ใครจะรู้ว่า!

ยังไม่ทันได้จูบที่ด้านข้างของเขา รถม้าก็เหมือนกับโคลงเล็กน้อย เขาที่ไม่ทันระวังก็โถมตัวลงไป

นางได้จูบหน้าของเขาแล้วแต่ต้องพูดว่ากระแทกไปถึงจะชัดเจนกว่ายังไม่ทันได้ลิ้มรสอะไรก็เสร็จแล้ว

ตอนแรกคิดว่าจะดื่มด่ำสักนิดถึงความรู้สึกของการจูบชายรูปงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมันเป็นยังไง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างงี้

หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด!

รู้แบบนี้ก็จะไม่จูบบนรถม้าแล้วจะไปหาที่เงียบสงบก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ใช่ไหม?

“ออกไป!”

เสียงเพราะดังขึ้นมาข้างหู น้ำเสียงฟังไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธ

หลานเยาเยานั่งตัวตรงทันที

ไม่ว่ายังไงก็จูบแล้ว แล้วทำไมระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บยังไม่บอกอะไรหล่ะ?

หรือว่าระบบล่าช้าอยู่?

ไม่สนใจอีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน!

แต่ว่าผ่านไปสักพักจนเห็นประตูวังอยู่หน้าสายตาระบบก็ยังไม่บอกอะไร

หลานเยาเยาก็อดคิดถามขึ้นในหัวว่า:

“ไม่ใช่ว่าจูบคนที่กรุ๊ปเลือด A3แล้วหรือ? ทำไมภารกิจยังไม่สำเร็จหล่ะ?”

“เจ้านาย ภารกิจก็คือได้รับจูบจากคนที่กรุ๊ปเลือด A3 อีกทั้งจูบอย่างเต็มใจไม่ใช่ท่านไปจูบคนที่กรุ๊ปเลือด A3 OK?”

เสียงของเครื่องจักรดังขึ้นในหัว ทำให้หลานเยาเยาคิดอยากระเบิดปฏิกิริยาของมันเล็กน้อย

ไม่ต้องนำอันนั้นมาได้ไหม OK? นั่นเหมือนว่านางถูกระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บดูหมิ่น

ส่วนหนึ่งของระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็ได้รับความชื้นใช่หรือไม่?

ระวังกูจะรื้อจัดระบบใหม่!

ในไม่ช้ารถม้าก็หยุดลง หลานเยาเยาที่กลัดกลุ้มอยู่ก็ไม่รู้ เย่แจ๋หยิ่งที่เห็นนางอารมณ์ไม่ดี สายตาก็หรี่ลง

ก็ส่งเสียงเฮอะออกมาอย่างเย็นชาแล้วลงจากรถม้า

รอจนกระทั่งหลานเยาเยาลงจากรถม้าก็ไม่เห็นร่องรอยของเย่แจ๋หยิ่งแล้ว

นางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนขับรถม้าแล้วถามว่า:

“ท่านอ๋องเจ้าหล่ะ?”

“เรียนพระชายา ท่านอ๋องเข้าวังไปก่อนแล้วดูท่าทางท่านอ๋องแล้วดูเหมือนจะโมโห”คนขับรถม้ากังวลแทนนางเล็กน้อย

“โมโห?โมโหก็ถูกแล้ว ถูกข้านอกใจเขาจะยังมีความสุขได้เหรอ? อย่าไปสนใจเขา เขาก็เป็นลูกสะใภ้ที่หยิ่งผยอง!”

ส่วน?

ก็กะอีแค่ถูกบังคับให้จูบนิดเดียวไหม? ก็ไม่ได้มีอะไรอีก

“……”คนขับรถม้าได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกยุ่งเหยิง

ท่านอ๋องถูก

พระชายานอกใจ?

นอกใจนะ!

ท่านอ๋องก็แค่โมโหเท่านั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนกล้านอกใจท่านอ๋องต่อไปก็มีแต่คำว่าตาย

แต่ว่า!

ในเมื่อพระชายาเป็นพระชายาของท่านอ๋องแล้ว คืนส่งตัวก็ผ่านมาแล้ว คำว่านอกใจที่พระชายาพูดก็น่าจะเป็นการยั่วเย้า!

หลานเยาเยาที่ไม่รู้ว่าคนขับรถม้าคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ก็เดินไปทางประตูวังแล้ว

หลังจากที่เหล่าองครักษ์ที่ปกป้องประตูวังเห็นหน้านางก็ต่างแสดงสีหน้าตกตะลึง

หลานเยาเยาไม่ได้สนใจอะไร สีหน้าแบบนี้ชาติที่แล้วนางเจอจนชินแล้วไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไร

แต่ทว่า!

กลับสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่เดินตามหลังนาง

“คนที่เดินข้างหน้าพวกเราคือใคร?”เสียงที่น่าฟังดังขึ้น

คนที่พูดก็คือลูกสาวของจวนเฉิงเสี้ยง ถังมู่หวั่นที่อ่อนโยนมีคุณธรรมงดงาม เป็นสาวงามอันหนึ่งผู้โด่งดังของเมืองหลวง

“พี่มู่หวั่น นางสวมชุดพิธีการของพระชายาอีกทั้งสีของชุดทางการนี้ใกล้เคียงกับสีชุดทางการของอ๋องเย่ นางต้องเป็นหลานเยาเยาที่เพิ่งแต่งงานกับอ๋องเย่ได้ไม่นานแน่ๆ”

ประเทศก่วงส้ามีท่านอ๋องต่างเพศตั้งกี่คนแต่เสื้อผ้าทางการของพวกเขาต่างกันกับอ๋องเย่ ดังนั้นชุดทางการของพระชายาเย่ก็จะไม่เหมือนกับพระชายาอื่น

นี่ทำให้เมื่อคนเห็นแว็บแรกก็ดูออก

ถังมู่หวั่นในฐานะลูกสาวของเฉิงเสี้ยงอีกทั้งยังมีความรู้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?

เพียงแต่ว่า……

ทุกคนในเมืองหลวงก็ล้วนพูดว่านางเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบกับอ๋องเย่ เป็นคนที่สมควรได้รับเลือกเป็นพระชายาเย่

แต่สุดท้ายอ๋องเย่กลับเลือกถูกองค์ชายรัชทายาทถอดหมั้น แล้วหลานเยาเยาที่หน้าตาน่าเกลียดนี่จะทำให้นางยอมรับได้ยังไง?

“ที่แท้ก็คือน้องหกนี่เอง!วันนี้นางแต่งตัวดูดีจริงๆ” เสียงของถังมู่หวั่นดังขึ้นอีกครั้ง

ที่เดินกับนางก็คือแม่นางคนที่สามฉินหลิงเจียวของจวนสิงปู้ช่างชู นางสวยและมีความสามารถ มีทักษะการเต้นเฉพาะ

แล้วก็ยังมีหลินเฟยหรันลูกสาวของไท่ฟู่ นางมีเสน่ห์จนคนอื่นประทับใจ เชี่ยวชาญศิลปะทั้งสี่แขนง

อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของอ๋องเย่ หน้าตาราวกับเทพบุตรผู้หญิงคนไหนไม่หลงบ้าง?

เมื่อได้ยินคำพูดของถังมู่หวั่น หลินเฟยหรันที่บิดเอวแรงก็พูดอย่างเหยียดๆว่า:

“ก็นางหน้าตาน่าเกลียดผอมแห้งพอสวมชุดทางการของพระชายาเย่ช่างน่าน้อยใจชุดสวยนั้นจริงๆถ้าให้ข้าพูดชุดทางการที่สวยงามนั่นมีแค่พี่มู่หวั่นเท่านั้นแหล่ะที่จะเหมาะสม”

“ก็ใช่! ตอนนี้นางจะยังออกมาทำให้ขายหน้าอีก ถ้าข้าเป็นนางกระโดดน้ำตายไปแล้วเพื่อไม่ให้อ๋องเย่ขายหน้า”

ฉินหลิงเจียวมองข้างหลังของหลานเยาเยาที่อยู่ข้างหน้า ตั้งใจพูดเสียงให้นางได้ยินในดวงตาก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ

“พอละ พวกเจ้าอย่าพูดขนาดนี้กับน้องเยาเยา นางจะพูดยังไงก็เป็นพระชายาเย่แม้หน้าตาจะไม่ดีกว่าพวกเจ้าแต่ว่า……”

ถังมู่หวั่นยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดด้วยเสียงร้อนรน

“เยาเยา รอข้าด้วย!”

หลานเยาเยาที่ไม่คิดสนใจสองสามคนนั้น

คำที่เสียดสีอยู่ข้างในแต่หลังจากที่ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย

ก็หันกลับไปมองทันที!

ครั้งนี้นางหันไปโดยไม่ตื่นเต้นแต่กลับทำให้สามคนที่พูดถึงนางต้องตกตะลึง

นางคือหลานเยาเยาเหรอ?

ใบหน้านั้นสวยมาก ความงามของถังมู่หวั่นถ้าเทียบกับนางแล้วก็ถูกบดบังทันที

“โหลวเย่ว เจ้ามาได้ยังไง?”

หลานเยาเยาเห็นองค์หญิงจาวหยางเดินมาอย่างรีบๆจากทางด้านหลังพวกถังมู่หวั่นจึงจำเป็นต้องเดินไปทางนางอย่างไวๆ

“เสด็จพ่อกับเสด็จย่ารู้ว่าอาการป่วยของข้าดีขึ้นแล้วจึงสั่งให้ข้าไปร่วมงานในวังให้พวกเขาดู ทำไมเจ้าไม่รอข้าแล้วมาก่อนหล่ะ

อ้อ~ข้ารู้แล้ว ข้าได้ยินเหล่าองครักษ์พูดว่าวันเสด็จอาอุ้มเจ้า เจ้าโดนอุ้มซะเวียนหัวจนลืมรอแม้แต่ข้าเลยใช่ไหม?”

เอ่อ……

ประโยคนี้นางได้ยินมาจากไหนนะ?

พูดออกมาในที่สาธารณะแบบนี้จะดีเหรอ?

ยังมีตอนที่นางออกมาจากลานหนวนซินแล้วดูเหมือนยังไม่ตื่น!

“เจ้าอย่ามาพูดส่งเดชไม่มีอะไรทั้งนั้น แล้วก็นะเรื่องที่เจ้าจะมาร่วมงานในวังข้าก็ไม่รู้ เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ได้บอกข้า เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้”

“ก็รู้ว่าเสด็จอาไม่บอกเจ้าเพราะกลัวข้าไปนั่งร่วมรถมากับพวกเจ้าแล้วขวางตาเขา ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอารมณ์ของพวกเจ้า น่าเกลียด!”โหลวเย่วกระทืบเท้าไปรอบๆ

สำหรับเรื่องที่หลานเยาเยาเปลี่ยนไปสวยอย่างกะทันหันก็ทำให้โหลวเย่วยิ่งดีใจ

คำเสียดสีของหลินเฟยหรันกับฉินหลิงเจียวเมื่อครู่นี้แต่ก็ได้ยิน ที่นางเกลียดที่สุดก็คือคนที่ขี้นินทาผู้อื่น

“พอแล้ว ไปเถอะ!”

หากจะด่าคนอื่นเพียงแค่ต้องมองย้อนกลับมาแค่นั้น……