มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 69 คุณมู่

“หลีกไป! หลีกไปกันหน่อย! ”

“ท่านหลงมาแล้ว! ”

หลังจากที่พวกนักเลงในชุดสูทสีดำที่อยู่ยืนสองข้างได้เปิดทางออก กลุ่มคนภายในก็แบ่งแยกออกเป็นสองข้างเช่นกัน แล้วก็มีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนดังกล่าวนั้น

ท่านหลงสวมเสื้อคลุมสีดำ เดินออกมาจากกลุ่มคน เขาในเวลานี้ ราวกับเป็นสิงโตที่พุ่งกระโจนออกมา ในทุกย่างก้าว สามารถสร้างแรงกดดันให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างถึงกับต้องถอยร่น

สายตาของผู้คนโดยรอบจับจ้องไปที่ร่างของท่านหลง

ชื่อเสียงของท่านหลง คนส่วนใหญ่ต่างก็เคยได้ยินกันทั้งนั้น เป็นผู้ปกครองควบคุมดูแลเจียงหนาน มีอิทธิพลอำนาจอย่างกว้างขวาง แต่ตกลงว่าเป็นใครนั้น มีคนส่วนน้อยที่จะได้พบเห็นตัวจริง

“ท่านหลง ช่วยฉันด้วย—-”

กวนหยังที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น เมื่อพบเห็นท่านหลงแล้ว ก็ราวกับว่าพบเจอผู้ที่ช่วยชีวิต จึงได้พยายามดิ้นรน คืบคลานอย่างกับสุนัขมาที่ด้านหน้าของท่านหลง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ” ท่านหลงมองดูและขมวดคิ้วขึ้น ด้วยสีหน้าหนักแน่น

กวนหยังเป็นคนอย่างไร เขาชัดเจนอยู่แก่ใจดี แม้ว่าจะหลงใหลในโลกีย์ไปบ้าง แต่ก็มีการตัดสินใจที่ถือว่าไม่เลว รู้จักคุ้นเคยกับตระกูลยิ่งใหญ่ในเมืองเจียงหนานพอสมควร มีสัมพันธ์เข้ากับคนอื่นได้ง่าย มิเช่นนั้น เขาคงจะไม่ได้เป็นรองผู้จัดการของ Royal Club หรอก

แต่ที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การที่ลูกน้องของตนเอง ถูกทำร้ายใน Royal Club นั้น ไม่ว่าเขาจะถูกหรือผิด ครั้งนี้ท่านหลง ก็จะต้องลงมือจัดการเพื่อกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา

มิเช่นนั้น เขาจะมีหน้ามีตาอยู่ในเจียงหนานต่อไปได้อย่างไร?

”ท่านหลง ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่ระเบียง พบว่าเขาแอบย่องเข้ามา……”

กวนหยังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ร้องไห้อย่างหนัก พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งมู่เซิ่งลวนลามแฟนสาวของคนอื่น และยังลงมือต่อยตีทำร้ายคนอื่น โดยยังได้เพิ่มเติมเรื่องราวใส่เข้าไปอีกด้วย ท่านหลงยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งเคร่งเครียด พูดถึงตอนสุดท้าย ดวงตาของท่านหลงแดงก่ำ และแสดงท่าทางโมโหออกมา

และในเวลานี้ จางเหวินเจี๋ยเองก็เดินเข้ามา ยืนอยู่ด้านข้างและพูดเสริมขึ้น

อย่างที่ทราบว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้คือท่านหลง เป็นผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งเมืองเจียงหนาน ขนาดพ่อของเขาพบเจอแล้วก็ยังต้องให้ความเคารพ

ถ้าหากในครั้งนี้ สามารถที่จะประจบสานสัมพันธ์กับท่านหลงได้ ครั้งหน้าก็จะพาพ่อและท่านหลงไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน คาดว่าเงินใช้จ่ายต่อไป คุณพ่อคงจะให้เขาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าเลย!

ท่านหลงส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา กำหมัดแน่น มองไปยังแผ่นหลังของมู่เซิ่ง ดวงตาแฝงไปด้วยความโกรธแค้น

“ช่างรนหาที่ตายจริง ๆ เลย! ”

แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใคร ที่จะกล้าก่อเรื่องสร้างความวุ่นวาย ใน Royal Club อย่างนี้มาก่อน!

เวลานี้ท่านหลงอยู่ห่างจากมู่เซิ่ง ประมาณสิบกว่าเมตร มู่เซิ่งยืนหันหลังให้เขา ทางท่านหลงเองก็ยังมองไม่ออกว่าเป็นมู่เซิ่ง

เขายังคงโกรธแค้นหนัก และพาคนกลุ่มหนึ่ง เดินมาที่ด้านหน้าของมู่เซิ่ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่ม วันนี้ต่อให้นายคุกเข่าลง ก็คงจะต้องตายเช่นกัน! ” กวนหยังเดินตามอยู่ที่ด้านหลังของท่านหลง ส่วนจางเหวินเจี๋ยที่อยู่ด้านข้าง ก็ได้เดินตามมาเช่นกัน

เวลานี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของกวนหยัง ช่างโหดร้ายยิ่งนัก เหมือนว่าเขาได้เห็นสภาพของมู่เซิ่งที่ถูกท่านหลงตัดแขนตัดขา นอนจมกองเลือดอยู่!

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า ขณะที่ท่านหลงยกมีดในมือขึ้น และกำลังจะฟันลงมานั้น ร่างกายก็แข็งทื่ออย่างกะทันหัน!

มู่เซิ่งหันหน้ากลับมายิ้ม และมองไปที่เขา เวลานี้ระยะห่างของทั้งสองคน ไม่เกินครึ่งเมตร!

กวนหยังเห็นท่านหลงหยุดชะงักลง ก็ร้อนใจขึ้นทันใด

“ท่านหลง รีบจัดการเขาให้ตายเลย! ”

กวนหยังตะโกนเสียงดัง อยากที่จะเห็นมู่เซิ่งตายลงไปต่อหน้าเขาอย่างที่สุด

“นายคือ—-”

ท่านหลงเห็นใบหน้าของมู่เซิ่งอย่างชัดเจน ก็ตกตะลึงในทันที

“ท่านหลง ก็คือไอ้หนุ่มคนนี้ เขาก็คือไอ้ขยะของตระกูลเจียง! ที่ได้มาก่อเรื่องขึ้นใน Royal Club ของพวกเรา ไม่เพียงแต่ทำร้ายฉัน ยังให้ฉันคุกเข่าอยู่ตรงนี้ด้วย ฆ่าเขาเลย ฆ่าเขาทิ้งเลย! ”

กวนหยังร้องไห้ และตะโกนเสียงดัง

“ท่านหลง ตรงจุดนี้ฉันเองสามารถที่จะเป็นพยานได้ ทางมู่เซิ่งเป็นคนหาเรื่องก่อน” จางเหวินเจี๋ยที่อยู่ด้านข้างได้พูดขึ้นอย่างร้ายกาจ

หลังจากที่ทุกคนดุด่ากันไปทั่ว ในเวลานี้ ท่านหลงเองก็ตั้งสติกลับคืนมาได้แล้ว

แม่งสิ คนที่ไอ้หน้าโง่กวนหยัง จะลงมือทำร้ายนั้น คือมู่เซิ่ง?

ท่านหลงสองขาอ่อนแรง แทบจะคุกเข่าลงให้กับมู่เซิ่งแล้ว

จากเวลาและประสบการณ์ที่ผ่านมาในช่วงนี้ ท่านหลงทราบเป็นอย่างดีว่ามู่เซิ่งไม่ใช่ไอ้ขยะตามที่เป็นข่าวไปทั่วในเจียงหนานแต่อย่างใด กลับตรงกันข้าม เขามีอิทธิพลอำนาจกว้างขวาง มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่จนน่าตกตะลึง! ภาพเหตุการณ์ที่คนโหดเหี้ยมชื่อดังอย่างเอ้อหลางถูกทำร้ายจนตายลงกับที่นั้น เขายังคงจดจำได้จนถึงวันนี้

อีกทั้งเขาเองก็เพิ่งจะผูกมิตรนับถือพี่ใหญ่มู่เซิ่ง แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไปลงมือทำร้ายเขาด้วยล่ะ? รนหาที่ตายหรอกเหรอไง!

“คนที่ก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายที่นี่……ก็คือเขา? ” ท่านหลงเกรงว่าจะจำคนผิด จึงสอบถามให้แน่ใจอีกครั้ง

“ก็คือเขา! ” กวนหยังพูดขึ้นด้วยความโมโห

ท่านหลงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที จากนั้น ดวงตาก็แสดงความโหดเหี้ยมดุดันขึ้น พลิกฝ่ามือ หันกลับมาตบไปที่ใบหน้าของกวนหยังอย่างหนักหน่วง!

เปรี๊ยะ!

ตบครั้งนี้ทั้งหนักหน่วงและเสียงดัง เมื่อตบลงไปอย่างกะทันหัน กวนหยังถึงกับตะลึงไปเลย

แก้มของเขาพลันบวมเป่งขึ้น และมีเลือดไหลออกมาด้วย

กวนหยังเอามือกุมใบหน้า ที่เจ็บปวดไปทั่ว และถามขึ้นว่า “ท่านหลง ทำไมถึงตบฉันด้วย ฉันทำผิดตรงไหนเหรอ? ”

“คุณมู่ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ”

จางเสวียนหลงไม่สนใจกวนหยังเลย โดยมายืนอยู่ที่ด้านหน้าของมู่เซิ่ง แล้วโค้งคำนับกล่าวคำขอโทษ และพูดว่า “คุณมู่ คิดไม่ถึงว่าลูกน้องของฉันจะไม่ได้เรื่องแบบนี้ กล้าที่จะมาก่อเรื่องสร้างปัญหากับคุณด้วย”

ไม่เพียงแต่กวนหยัง ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจกันไปหมด

หัวสมองของเขาอื้ออึงไปหมด เมื่อไรกันที่ท่านหลงเคารพนอบน้อมต่อคนอื่นขนาดนี้?

ท่านหลงเห็นว่ามู่เซิ่งไม่ได้ใส่ใจต่อสิ่งที่เขาพูด ก็กระวนกระวายใจ จึงได้เตะกวนหยังล้มกองไปที่พื้นอีกครั้ง และพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “คุณมู่คือแขกวีไอพีของที่นี่ เขาให้นายคุกเข่าที่นี่ นายก็คุกเข่าที่นี่ต่อไป จนกว่าจะปิดบริการ! ”

อะไรนะ?

ได้ยินที่ท่านหลงพูด ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง

นี่ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มู่เซิ่งเขา เป็นแขกวีไอพีของท่านหลงอย่างนั้นเหรอ?

นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน!

“เขา……คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นแขกวีไอพีของท่านหลง? ” จางเหวินเจี๋ยยืนอยู่ด้านข้าง และมือไม้สั่นเทาโดยไม่รู้ตัว

ส่วนเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมคนอื่น แต่ละคนล้วนหน้าตาเย็นชาไปหมด ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่า มู่เซิ่งกับท่านหลง จะมีความสัมพันธ์กันระดับนี้

“มู่เซิ่งเขา……”

เจียงหว่านยืนอยู่ด้านข้าง กลืนน้ำลายลงคอ เวลานี้ความกังวลในจิตใจของเธอนั้นได้สูญหายไป มิน่าล่ะที่มู่เซิ่งถึงไม่มีความเกรงกลัวใครเลย คิดไม่ถึงว่า เขาจะเป็นเพื่อนของท่านหลง

“ทำไมเขาถึงได้ผูกมิตรสานสัมพันธ์กับเพื่อนพ้องมากมายขนาดนี้? ”

เธอขมวดคิ้วขึ้น ครุ่นคิดปัญหาเรื่องนี้ แต่เธอกลับไม่เคยคิดว่า เป็นไปได้ไหมที่พวกคนที่เป็น ‘เพื่อน’ เหล่านี้ จะเข้ามาผูกมิตรกับมู่เซิ่งเอง?

ใบหน้าของทุกคนที่อยู่โดยรอบ เต็มไปด้วยความหวาดกลัว คนจำนวนไม่น้อยได้ถอยร่น หันหลังแล้วก็เดินออกไปจาก Royal Club เพราะพวกเขากลัวว่ามู่เซิ่งจะมาคิดบัญชีแค้น

พริบตาเดียว ผู้คนโดยรอบ ลดจำนวนลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง

จางเหวินเจี๋ยกลืนน้ำลาย คิดที่จะหลบหนีไปในตอนนี้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความต้องการของมู่เซิ่งหรือไม่ ผู้คนโดยรอบจึงได้มาโอบล้อมเขาเอาไว้

เขาไม่กล้าเดินจากไป และก็เดินออกมาไม่ได้ด้วย

เวลานี้ จางเหวินเจี๋ยแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว

มู่เซิ่งเอ่ยปาก พูดขึ้นว่า: “คุณมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องหนึ่ง ที่ต้องขอให้คุณช่วยจัดการหน่อย”

ท่านหลงใช้เท้าเหยียบไปที่หลังขาของกวนหยัง และขยี้อย่างแรง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “ลูกน้องของฉันคนนี้ล่วงเกินคุณมู่ ฉันจะต้องให้เขาขอโทษและรับโทษจากคุณแน่นอน อยากจะฆ่าจะแกงก็แล้วแต่เลย ฉันจะไม่พูดบ่นอะไรแม้แต่น้อย! ”

กวนหยังร้องโอดครวญเสียงดัง คุกเข่าอยู่ที่พื้น ร่างกายสั่นเทาไปหมด

เวลานี้ ความโกรธแค้นในใจของเขาต่อมู่เซิ่งนั้นได้เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวไปแล้ว ราวกับว่าอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ที่เย็นยะเยือกอย่างที่สุด

เขาไม่ชัดเจนถึงเบื้องหลังของมู่เซิ่ง

แต่เขารู้ว่า ครั้งนี้ ต้องจบสิ้นอย่างแน่แล้ว—–

“ไม่ใช่เรื่องนี้ แต่ คุณอย่าเพิ่งทุบตีเขาจนตายก่อน ฉันยังมีเรื่อง ที่จะถามเขา”

มู่เซิ่งส่ายศีรษะ ด้วยสายตาที่ดูถูก แล้วก็จ้องมองไปยังหลี่นั่วหนานที่อยู่ด้านข้าง และพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “จะให้เขาพูด หรือว่าเธอจะเป็นคนพูด? ”

“ฉัน ฉัน……”

หลี่นั่วหนานสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก ขาสองข้างสั่นเทา จนทรุดตัวล้มนั่งกองลงไปบนพื้นทันที