บทที่ 56 โกรธเกรี้ยวอย่างกับฟ้าพิโรธ

บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์

บทที่ 56 โกรธเกรี้ยวอย่างกับฟ้าพิโรธ

เสียนเฟยคิดดูแล้วก็มีเหตุผล แต่นางโกรธจนจุกหน้าอกเหมือนมีบางอย่างติดอยู่

แม่นมสี่มาถึงตำหนักจงคุน ก็นำไข่มุกหนันของหยวนชิงหลิงส่งให้ พลางพูดขึ้น “พระชายาอ๋องฉู่รับสั่งว่า ฮองเฮายังไม่เคยได้ไข่มุกหนันของหลิวฉิว นางเป็นเพียงลูกสะใภ้จึงไม่กล้ารับไว้ผู้เดียว ดังนั้นจึงได้มอบให้ฮองเฮาหนึ่งเส้นเพคะ”

ฮองเฮาได้ยินดังนั้น ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พลันพูดขึ้นเสียงแข็ง “ข้าไม่กล้ารับไว้ เอากลับไปเถอะ”

แม่นมสี่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “พระองค์ทำไมต้องทรยศต่อความกตัญญูของนางด้วยล่ะเพคะ?อย่างน้อยก็เป็นของพระราชทานจากฝ่าบาท ถ้าพระองค์ไม่รับไว้ เกรงว่าถ้าตกไปอยู่ในมือกุ้ยเฟยหรือพระสนมเสียนเฟย ไข่มุกหนันอันล้ำค่านี้ พระองค์กลับไม่มี แต่กุ้ยเฟยกับเสียนเฟยกลับมี อย่างนั้นไม่เท่ากับว่าเป็นการหักหน้าพระองค์หรือเพคะ?พระองค์ไม่สู้รับไว้ก่อน สำหรับการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ก็ค่อยให้เป็นการตัดสินใจของพระองค์ดีหรือไม่เพคะ?”

แม่นมผู้ดูแลตำหนักจงคุนก็พูดขึ้นด้วย “แม่นมสี่พูดมีเหตุผล ฮองเฮาเพคะ พระองค์เก็บไว้ก่อน แล้วค่อยนำไปมอบให้ฝ่าบาท สำหรับการกระทำของพระชายาฉู่ที่ดูอยากจะประสบสอพอ ก็ปล่อยให้ฝ่าบาททรงตัดสินใจดีกว่าเพคะ”

พูดสั้นๆ ก็คือ ไม่ว่ายังไง ฝ่าบาทก็ต้องกริ้วอย่างแน่นอน

เมื่อครู่ฮองเฮาสติหลุดมากไปหน่อย จึงไม่ทันคำนึงถึงข้อนี้ ตอนนี้พอแม่นมพูด นางจึงได้สติแล้วพูดขึ้น “เจ้าพูดก็ถูก งั้นก็รับไว้ หลังจากนั้นส่งไปให้ฝ่าบาท บอกว่าไทเฮายังไม่ได้ไข่มุกหนันอันนี้ ข้าจึงไม่กล้ารับไว้”

นางรู้ว่าไข่มุกหนันของฝ่าบาทนั้นยังไม่ทันได้มอบให้ไทเฮา ฉะนั้น คำพูดนี้ก็จะฟังดูมีเหตุผล

แม่นมสี่อมยิ้มแล้วพูดขึ้น “ข้าน้อยยังต้องกลับไปดูแลไท่ซ่างหวง ขอทูลลาเพคะ”

“ส่งแม่นม!” แม่นมที่ดูแลในตำหนักพูดขึ้น

แม่นมสี่ค่อยๆ เดินออกมาจากตำหนักจงคุน หลังจากที่เดินออกมานางก็ดูไม่ค่อยดี นางถอนหายใจออกมา และพูดขึ้นเบาๆ “ที่ติดค้างเจ้า ข้าคืนหมดแล้ว ต่อไปไม่มีอะไรติดค้างอีกแล้ว”

ฉู่หมิงชุ่ยเดินเข้ามาหาแม่นมสี่ พร้อมกับรอยยิ้ม

แม่นมสี่โค้งตัวคำนับนาง “คารวะพระชายา”

“แม่นม!” ฉู่หมิงชุ่ยมองนาง “ลำบากท่านแล้ว”

แม่นมสี่ไม่พูดอะไรพลันโค้งตัวให้แล้วเดินจากไปทันที

ฉู่หมิงชุ่ยมองตามหลังนาง พร้อมกับยิ้มออกมา นางไม่มีทางเลือกจึงต้องทำแบบนี้ ในเมื่อฝ่าบาทพระราชทานไข่มุกหนันสองเส้นให้หยวนชิงหลิง อีกทั้งยังเสวยอาหารกับนางเพียงลำพัง จนทำให้นางเกิดเรื่องไม่รู้จบ นางจะต้องหาทางทำลายความเชื่อใจนี้ แล้วหันไปสงสัยในตัวของพระชายาอ๋องฉู่แทน ถึงจะสามารถจัดการนางได้

นางถอนหายใจออกมาเบาๆ พี่เห้า ข้าทำเพื่อท่าน เรื่องนี้เป็นการแลกด้วยชีวิต ขอท่านอย่าเข้ามายุ่งด้วย ขอให้ทำหน้าที่ท่านอ๋องของตัวเองไป ข้าจะรักษาชีวิตของท่านไม่ให้เกิดอะไรขึ้น และสามารถอยู่ในฐานะอ๋องต่อไปได้โดยไม่มีปัญหา

พอเห็นแม่นมเป่าเดินถือไข่มุกหนันออกมา ฉู่หมิงชุ่ยจึงเดินเข้ามา “แม่นม จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือ?”

แม่นมเป่าชะงักไปชั่วขณะ “พระชายารู้ด้วยหรือ?”

ฉู่หมิงชุ่ยอมยิ้ม “แม่นมฟังสิ่งที่ข้าจะพูดให้ดีนะ แล้วนำไปทูลต่อฝ่าบาท เพราะเป็นรับสั่งจากเสด็จปู่”

แม่นมเป่ามองนาง พร้อมกับพยักหน้าอย่างไม่สงสัย

ไข่มุกหนันของฮองเฮาถูกส่งมาให้ฝ่าบาท

ซึ่งแม่นมเป่าเป็นผู้นำมา พลางพูดขึ้น “ฮองเฮาตรัสว่า ไข่มุกหนันเส้นนี้ ไทเฮายังไม่มีเลย พระองค์จึงไม่กล้ารับความหวังดีนี้จากพระชายาฉู่ รวมทั้งเงื่อนไขของพระชายาด้วย เพราะเกรงว่าฮองเฮาจะไม่อาจช่วยได้เพคะ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนมองมาที่ไข่มุกหนัน “ชายาอ๋องฉู่มีเงื่อนไขอะไรทำไมฮองเฮาถึงทำไม่ได้?”

แม่นมเป่าจึงพูดขึ้น “พระชายารู้ว่าฮองเฮาอยากได้ไข่มุกหนันมาก จึงได้มอบให้ฮองเฮา และขอให้ฮองเฮาช่วยพูดเรื่องอ๋องฉู่กับฝ่าบาทเพคะ เพื่อให้ฝ่าบาทส่งอ๋องฉู่ไปฝึกฝนในกรมทหารเพคะ”

“กรมทหารหรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “พอ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”

แม่นมเป่าย่อตัวคำนับแล้วออกไปทันที

หลังจากที่นางไปแล้ว สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนก็ดูอึมครึมขึ้น พลางจับไข่มุกหนันขึ้นมาแล้วขว้างออกไปทันที พร้อมกับพูดเสียงแข็ง “เรื่องอะไรกัน?หลานห้ายังไม่ยอมเปลี่ยนความคิดสินะ!”

มู่หรูกงกงเห็นฮ่องเต้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนั้น จึงรีบเข้ามาเก็บไข่มุกหนันแล้วพูดขึ้น “ฝ่าบาททรงระงับโทสะก่อนพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ความคิดของอ๋องฉู่”

“ในจวนอ๋องฉู่ หยวนชิงหลิงไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น นางทำได้แค่ปฏิบัติตาม” ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ่งคิดก็ยิ่งกริ้ว ขนาดความรู้สึกดีที่เคยพูดกับหยวนชิงหลิงก็พลันหายไปจนหมด “หยวนชิงหลิงไม่ใช่คนโง่เขลา คิดหรือว่านางจะไม่อยากได้ตำแหน่งชายาของรัชทายาท ตอนนั้นก็วางแผนร่วมกับเจ้าพระยาจิ้ง เพื่อให้หลานห้าอภิเษกกับนาง คิดว่านางทำเพื่อหลานห้าแต่ไม่ใช่เพื่อตำแหน่งชายารัชทายาทหรือ?”

มู่หรูกงกงชะงักไปทันที ฝ่าบาทรู้ว่าตอนนั้นอ๋องฉู่ถูกวางแผนหรือ?แล้วทำไมพระองค์ถึงโมโหอ๋องฉู่?อีกทั้งยังรับสั่งให้อ๋องฉู่อภิเษกกับคุณหนูตระกูลหยวน

มู่หรูกงกงรู้สึกว่า แม้ว่าเขาจะอยู่รับใช้ฝ่าบาทมานานหลายปี แต่ลึกๆ นั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจความคิดของพระองค์

“ฝ่าบาท ในเมื่อพระองค์รู้ว่าอ๋องฉู่ถูกวางแผน ทำไมพระองค์ถึงยังมีท่าทีเยือกเย็นกับอ๋องฉู่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้หมิงหยวนที่ยังกริ้วอยู่ “คนหนึ่งคือเจ้าพระยาจิ้ง อีกคนก็หยวนชิงหลิง แค่สองคนนี้ก็สามารถทำให้เขาตกหลุมพรางได้ ไม่มีสมองแบบนี้ ข้ายังจะไปหวังอะไรได้อีก?”

มู่หรูกงกงเห็นฝ่าบาทกริ้วอยู่แบบนี้ จึงไม่กล้าพูดขึ้นอีก

พระองค์นิสัยเป็นอย่างไร เขาเองก็รู้ดี ถ้าตอนนี้ยิ่งพูด ก็เท่ากับยิ่งเติมน้ำมันเข้าไป

เรื่องนี้ มู่หรูกงกงก็รู้สึกแปลกใจ แต่ว่าเพราะทางนั้นเป็นคนของฮองเฮา เรื่องนี้จึงดูน่าเชื่อถือ และฝ่าบาทเองก็เชื่อในฮองเฮาด้วย แม่นมเป่าเป็นคนสนิทของฮองเฮา รู้กฎภายในวังเป็นอย่างดี ถ้าหากว่าไม่เป็นความจริง นางคงไม่พูดออกมาแบบนี้

สีหน้าของฮ่องเต้หมิงหยวนดูเคร่งเครียดมาก ดูท่าจะไม่ยอมหาย และยิ่งคิดถึงเรื่องตำแหน่งรัชทายาท ก็ยิ่งทำให้โมโหมากขึ้นอีก

เขาสามารถให้หลานห้าเป็นตัวเลือกได้ แต่ไม่สามารถให้ตำแหน่งรัชทายาทได้

“ในเมื่อพระชายาอ๋องฉู่ไม่ชอบของที่ข้าพระราชทานให้ ก็กลับไปเอามาเถอะ รวมถึงกระดาษติดค้างนั่นด้วย” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้น

มู่หรูกงกงรับบัญชา “พ่ะย่ะค่ะ!”

หยวนชิงหลิงนั่งสงบสติอยู่ที่ข้างหนองน้ำได้สักพัก จึงกลับมานั่งที่บันไดหินในตำหนัก มู่หรูกงกงก็มาถึง

“พระชายา!” มู่หรูกงกงเดินเข้ามาอย่างเสียมารยาท พร้อมกับมองหน้านาง เดิมทีนั้นได้รับเกียรติอย่างมาก แต่กลับไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักอดทน ช่างน่าเสียดายนัก

“กงกง!” หยวนชิงหลิงคำนับเขา

มู่หรูกงกงมีสีหน้าบึ้งตึง “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้กระหม่อมมาที่นี่ เพื่อเอาของพระราชทานทั้งไข่มุกหนันและกระดาษติดค้างคืนจากพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงไม่มีความรู้สึกแปลกใจเลยสักนิด “ไข่มุกหนันหายไปเส้นหนึ่ง”

“ห้ะ?” มู่หรูกงกงทำเป็นไม่รู้ “ทำไมเหลือเพียงเส้นเดียวล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”

“อีกเส้นหนึ่ง หาไม่เจอ” หยวนชิงหลิงตอบ

มู่หรูกงกงหัวเราะออกมา ต้องระวังแผนการนาง มีที่ไหนบอกว่าทำของฝ่าบาทหาย?ช่างไม่รู้ความจริงๆ

เขาเห็นแก่หน้าของอ๋องฉู่ จึงพูดเตือน “หรือพระชายาเอาไปมอบให้ใคร?ลองคิดดูก่อนดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?ฝ่าบาทไม่ชอบคนที่ไม่ยอมรับผิดนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เห็นแล้วจริงๆ” หยวนชิงหลิงตอบ

สีหน้าของมู่หรูกงกงเปลี่ยนไปทันที ช่างไม่ฉลาดเอาซะเลย

ทังหยางได้ยินเข้า ก็รีบเข้าไปทูลหยู่เหวินเห้าทันที สีหน้าของเขาดูเครียดขึ้นมา “ไปเชิญกงกงเข้ามา”

ทังหยางรีบสาวเท้าออกไป พร้อมกับผายมือให้กับกงกงแล้วพูดขึ้น “กงกง ลำบากท่านแล้ว ท่านอ๋องเชิญเข้าไปดื่มชาสักถ้วย”

มูหรูกงกงโบกมือให้ “ไม่ต้องหรอก ข้ากำลังสะสางงาน”

“สะสางงาน แต่ว่าเรื่องไข่มุกหนันพูดตรงนี้คงจะไม่ดี ไม่สู้เข้าไปคุยด้านในดีกว่าหรือ?” ทังหยางมองมู่หรูกงกงพร้อมกับร้องขอ

มู่หรูกงกงจึงนึกถึงหน้าอ๋องฉู่ เพราะตัวเองก็เป็นคนดูแลมาจนโต ถ้าเขาทำแบบนั้นลงไป ก็ดูจะเกินไปหน่อย

ต้องเข้าไปตักเตือนบ้างแล้ว

ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “อย่างนั้นก็ได้ ข้ามาที่นี่ก็อยากพักสักครู่ แค่ดื่มชาคงไม่เสียเวลามาก

“ใช่ ใช่!” ทังหยางโล่งอกทันที แล้วรีบนำมู่หรูกงกงเข้าไป