บทที่ 86 ถงเหยียนโม่

ถังหลี่ไม่ได้รู้จักกับสองแม่ลูกคู่นี้มากนัก เมื่อเห็นว่าสตรีผู้นั้นดีขึ้นแล้วนางจึงปลีกตัวไปที่ร้าน

“เจ้าของร้านมาแล้ว ” ฉางลู่พูดขึ้นมาเมื่อเห็นถังหลี่ ข้าง ๆ ฉางลู่มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขายืนอยู่ เมื่อเขาเห็นถังหลี่เขาก็รีบเข้าไปหานางทันที

“เถ้าแก่เนี้ยถัง ข้าเป็นบ่าวรับใช้สกุลเหม่ย ฮูหยินขอให้ข้านำของมามอบให้ท่าน”

เมื่อกล่าวจบเขามอบกล่องบางอย่างให้กับนาง เมื่อถังหลี่หยิบกล่องขึ้นมาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ครั้งที่แล้วฮูหยินเหม่ยบอกว่าจะส่งแท่งหมึกมาให้นาง เมื่อเปิดกล่องออกดูก็พบว่ามันคือแท่งหมึกจริง ๆ

“ขอบคุณฮูหยินเหม่ยด้วย ฉางลู่เจ้าช่วยเอาขนมให้น้องชายผู้นี้หน่อยเถิด”

ฉางลู่รีบเดินออกไปจากห้อง เมื่อเขากลับมา ในมือของเขาก็มีถุงกระดาษ เขาส่งมันให้กับบ่าวรับใช้ตัวน้อย เมื่อเด็กหนุ่มได้รับขนมเขาดีใจมาก เขาคิดว่าเถ้าแก่เนี้ยถังเป็นคนใจดีจริง ๆ นางมีน้ำใจและสุภาพกับคนรับใช้มาก หากต่อไปมีธุระเขาจะรีบมาส่งของให้นางอย่างแน่นอน

“ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยถัง ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” คนรับใช้ตัวน้อยรีบขอบคุณนางก่อนจะวิ่งออกไป

ถังหลี่หยิบแท่งหมึกขึ้นมาดู นางไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องหมึกนัก แต่นางเคยซื้อหมึกธรรมดาให้บุตรชายทั้งสองก่อนไปเรียนหนังสือ ทำให้นางมีความรู้นิดหน่อย คาดว่าหมึกพวกนี้ไม่ใช่ของธรรมดาแน่นอน

“เถ้าแก่เนี้ยนี่คือถงเหยียนโม่ขอรับ” เสมียนจางมองไปที่หมึกในมือหญิงสาว เขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

“มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับถงเหยียนโม่หรือ?” ถังหลี่ถาม

“ปกติพวกเราจะใช้หมึกสน แต่ถงเหยียนโม่นั้นเป็นหมึกน้ำมัน ซึ่งจะมีเนื้อที่แน่นและมีคุณภาพดีกว่า..” เสมียนจางพูดไม่หยุดเกี่ยวกับแท่งหมึกพิเศษนี้

“นี่เป็นของดีสินะ ฮูหยินเหม่ยใจดีจริง”

ถังหลี่ได้แต่จดจำไว้ในใจ

วันนี้ถังหลี่มีบางอย่างที่ต้องทำ ดังนั้นนางคิดว่าจะแวะไปที่สำนักศึกษาเพื่อหาเด็ก ๆ ทั้งสอง หญิงสาวเดินออกจากร้านไปพร้อมแท่งหมึก ก่อนที่นางจะมุ่งหน้าไปที่สำนักศึกษา หญิงสาวแวะไปซื้อรองเท้าคู่เล็ก ๆ สองคู่ที่ตลาด จากนั้นจึงไปร้านหนังสือเพื่อซื้อหมึกและพู่กัน ก่อนจะเดินทางไปที่สำนักศึกษา

ถังหลี่มาที่สำนักศึกษาบ่อยครั้ง ตอนนี้นางอาศัยอยู่ในเมืองแล้ว ทั้งยังใกล้กับสำนักศึกษาเป็นอย่างมาก หากไม่คิดว่าจะเป็นการรบกวนการเรียนของลูกชายแล้ว นางคิดจะมาให้บ่อยกว่านี้ด้วยซ้ำ

ดังนั้นบ่าวรับใช้ของสำนักศึกษาแห่งนี้จึงรู้จักนางเป็นอย่างดี

“ฮูหยินเว่ยท่านมาเยี่ยมลูกชายหรือ? ข้าจะไปเรียกสวี่เจวี๋ยและเว่ยต้าเป่าออกมาให้นะ” บ่าวเฝ้าประตูกล่าวทักทายนาง

“พี่หวาง วันนี้ข้าอยากจะขอพบอาจารย์กัวด้วย” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ได้สิ ข้าไปเรียนท่านอาจารย์ให้”

“เชิญฮูหยินเว่ยขอรับ” บ่าวรับใช้ออกมาเชื้อเชิญนางเข้าไป

ถังหลี่ก้าวเข้าประตูและเดินไปที่เรือนของอาจารย์กัวอย่างคุ้นเคย ชายชราสวมชุดสีขาว ผมของเขาเป็นสีดอกเลาเล็กน้อย ท่าทางของอาจารย์ยังดูเป็นชายชราที่ใจดีเช่นเคย

“ท่านอาจารย์กัว” ถังหลี่รีบทักทายเขา

อาจารย์กัวชอบสวี่เจวี๋ยและต้าเป่าเป็นอย่างมาก อีกทั้งเขายังมีความประทับใจที่ดีต่อบิดามารดาของเด็กทั้งคู่อีกด้วย

“ฮูหยินเว่ย เชิญนั่ง ๆ”

“ท่านอาจารย์กัว บุตรทั้งสองคนของข้าเป็นเช่นไรบ้าง? พวกเขายังคงเชื่อฟังท่านอยู่หรือไม่?”

“พวกเขาเป็นเด็กที่เก่งมาก เจ้าดูสิ” อาจารย์กัววางกระดาษไว้ด้านหน้าของถังหลี่ ตัวอักษรที่เขียนบนกระดาษนั้นดูสวยงามมาก ถังหลี่ไล่อ่านทีละตัวแต่บางตัวนางก็ไม่สามารถเข้าใจได้

“สวี่เจวี๋ยเป็นคนเขียน” อาจารย์กัวกล่าว “สวี่เจวี๋ยอายุแค่เจ็ดขวบเท่านั้น”

“ส่วนเว่ยต้าเป่ามีวาทศิลป์ที่ดีมาก คนอื่นไม่สามารถสู้เขาได้เลย” ยิ่งอาจารย์กัวพูดออกมาเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจเท่านั้น

“ข้าคิดว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ข้าก็ไม่สามารถที่จะสั่งสอนพวกเขาได้อีกแล้ว”

ถังหลี่รู้สึกภูมิใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของนางขยับก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งเฉยอีกครั้ง

ไม่ควร…อย่าหยิ่งผยอง จงถ่อมตน

นี่คือความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดา

ถังหลี่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า และนางรู้ว่าเด็กทั้งสองจะเป็นคนเก่ง ทั้งฉลาดและมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ความสามารถของพวกเขาจะฉายแววออกมาตั้งแต่ยังเด็ก

ทว่าอาจารย์กัวไม่รู้สิ่งนี้ เขาสอนหนังสือมาหลายสิบปีและได้ลูกศิษย์เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป จู่ ๆ เมื่อเขาได้พบกับนักเรียนที่มีความสามารถเช่นเด็กสองคนนี้เขาจึงตกใจเกินกว่าจะจินตนาการได้ เพียงแต่ถังหลี่รู้สึกสงสารเพื่อนร่วมชั้นของเด็กทั้งสองคนอย่างมาก พวกเขาไม่รู้ว่าเด็กสองคนนี้เป็นเด็กอัจฉริยะ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกเด็กน้อยบดขยี้และสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป

“ท่านอาจารย์ ที่เด็กทั้งสองคนเก่งกาจเช่นนี้เป็นเพราะท่านสั่งสอนพวกเขามาอย่างดี” ถังหลี่กล่าว ทำให้อาจารย์กัวยิ้มออกมาทันที ใครล่ะจะไม่ชมชอบเวลามีคนกล่าวเช่นนี้

“ท่านอาจารย์ เพื่อเป็นการขอบคุณที่ท่านดูแลและสั่งสอนพวกเขาเป็นอย่างดีมาตลอด ข้าจึงนำสิ่งนี้มามอบให้ท่าน นี่เป็นน้ำใจจากข้าขอท่านรับเอาไว้ด้วย” ถังหลี่มอบกล่องให้อาจารย์กัว

แม้ว่าหมึกที่ได้มาจะเป็นของดีแต่เด็กทั้งคู่ยังเล็กเกินว่าจะใช้หมึกดี ๆ เช่นนี้ หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางจึงตัดสินใจว่าควรมอบมันให้กับอาจารย์กัว ถึงพวกเขาจะมีความสามารถ หากแต่ยังต้องเรียนรู้ไปเป็นตามลำดับขั้นตอน การที่บุตรทั้งสองของนางก้าวหน้าเช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณการสั่งสอนอาจารย์กัวด้วยเช่นกัน อาจารย์กัวมองแท่งหมึกในที่อยู่ในมือ เขาแทบจะละสายตาจากมันไม่ได้เลย

เขาอายุมากแล้ว อีกทั้งไม่ได้ชมชอบเงินเป็นพิเศษ ส่วนตัวแล้วเขาชอบสะสมของใช้ในห้องหนังสือมากกว่า

“ขอบคุณฮูหยินเว่ย” อาจารย์กัวกล่าวอย่างจริงใจ

“ลูกทั้งสองคนของข้าทำท่านลำบาก”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะถ่ายทอดความรู้ที่มีทั้งหมดแก่พวกเขา”

ถังหลี่ออกมาจากห้องรับรองของอาจารย์กัว นางเดินออกไปที่สำนักศึกษา ทันทีที่เห็นนางปรากฏตัวขึ้น เด็กทั้งคู่รีบวิ่งเข้ามาหานางทันที ทั้งสองคนใส่เสื้อคลุมเหมือนกัน ดูคล้ายกันราวกับฝาแฝด

“ท่านแม่”

“พี่สาว”

ถังหลี่พาพวกเขาไปยังศาลาเล็ก ๆ เด็กทั้งสองยืนต่อหน้านางอย่างเชื่อฟัง มองถังหลี่ด้วยแววตาสดใส

หญิงสาวถามเกี่ยวกับเรื่องการเรียน แน่นอนว่านางรู้ดีว่าทั้งสองคนเก่งเพียงใดแต่ที่นางถามไม่ใช่แค่ต้องการให้เด็กน้อยทั้งสองคนรู้ว่ามีคนห่วงใยเขา แต่ยังให้โอกาสพวกเขาที่จะแสดงออก ทำให้พวกเขาคาดหวังว่าครั้งต่อไปที่เจอถังหลี่ ผลการเรียนของทั้งคู่จะดีขึ้นมากกว่านี้

หลังจากสิ้นคำถามถังหลี่นำข้าวของที่ซื้อมาให้แก่เด็ก ๆ

“ในนี้มีรองเท้าอยู่สองคู่ อากาศมันเริ่มร้อนแล้วพวกเจ้าอย่าใส่รองเท้าหนา ๆ เช่นนี้อีก รวมถึงมีพู่กัน หมึก และกระดาษ แท่นฝนหมึกและอีกหลายอย่าง หากขาดเหลืออะไรบอกแม่ได้เลย”

เด็กทั้งสองพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“ถ้ามีใครมารังแกพวกเจ้า พวกเจ้าต้องบอกแม่ รู้ใช่ไหมว่าแม่ย่อมปกป้องพวกเจ้าได้? ”

เด็กทั้งสองพยักหน้าอย่างจริงจังอีกครั้ง ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย ถังหลี่ลูบหัวเด็กน้อยทั้งสอง

“ไปเรียนเถิด แม่ต้องไปแล้ว”

“ขอรับท่านแม่”

“ขอรับพี่สาว”

สวี่เจวี๋ยแบกสัมภาระของตนและต้าเป่ากลับไปที่สำนักศึกษาอย่างเชื่อฟัง

เมื่อถังหลี่เดินออกจากสำนักศึกษา นางรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาที่นางทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจ แต่เมื่อถังหลี่หันหลังกลับไปมอง นางก็ไม่เห็นอะไร หรือจะตาฝาดไปเอง?

ถังหลี่เดินจากไป

ที่มุมกำแพงมีคนขยับออกมาจากที่ซ่อน ใบหน้าของเขามีแต่รอยฟกช้ำคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนที่เคยกลั่นแกล้งสวี่เจวี๋ยและต้าเป่า อดีตอาจารย์จ้าวซูเหวิน

จ้าวซูเหวินมักมีความคิดไม่ดีกับถังหลี่เสมอ และเมื่อแผนเดิมล้มเหลวเขาย่อมคิดแผนใหม่ขึ้นมา วันนี้ทันทีที่ชายหนุ่มเห็นถังหลี่ เขาก็ซ่อนตัวแล้วแอบดูนาง

ใบหน้าของจ้าวซูเหวินบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด

หากมาคิดดูให้ดีแล้วตั้งแต่แรกที่เขาได้พบกับถังหลี่เขาก็เริ่มโชคร้ายมาตลอด ประการแรกเขาไม่ชอบอาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษา เมื่อภายหลังเขาโดนจับได้ว่าลอบเป็นชู้กับมารดาของเด็กนักเรียนผู้นั้น อาจารย์ใหญ่ก็ไล่เขาออกทันที ตอนนี้เขาทำได้แต่คัดลอกตำรา จะกลับไปสอนหนังสือเด็ก ๆ อีกได้อย่างไร

ถังหลี่ผู้นี้คือศัตรูตัวฉกาจของเขา

หลังจากสาปแช่งถังหลี่ในใจ เขาก็เดินตกท่อในทันที!

******